This Star is a bit Salty – ตอนที่ 10 ฉันรู้สึกว่าเขาไม่อยากมีชื่อเสียงจริงๆ

นักศึกษาไม่รู้จะเชื่อใครดี? ชาวเน็ตต่างก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

 

“ปรากฏว่าหลี่หานไม่เป็นที่รู้จักในมหาลัยมาโดยตลอด ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่น่าสงสัยอย่างยิ่ง”

 

“ ถ้าหลี่หานเป็นอัจฉริยะด้านดนตรีจริงๆ ก็ไม่น่าเป็นไปได้ที่เขาจะซ่อนตัวเป็นเวลาสี่ปี อย่างไรก็ตาม เพื่อนร่วมชั้นของเขายังถูกสงสัยว่าจงใจดูหมิ่นหลี่หานเพราะความอิจฉา”

 

“ฉันคิดว่าสิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดคือ” จิ้งจอกขาวกับบัณฑิต “เป็นผลงานที่สร้างขึ้นโดยทีมงาน และหลี่หานได้เข้ามาช่วยทีมงานในภายหลัง ทีมงานของ “ความทุกข์ของภูติจิ้งจอก” ได้มอบชื่อผู้แต่งหลี่หาน ด้วยวิธีนี้ จึงไม่ผิดที่จะกล่าวว่าหลี่หานเป็นผู้แต่ง ” จิ้งจอกขาวกับบัณฑิต””

 

“ลืมไปได้เลย ไม่ต้องไปมัวคิดว่าใครเป็นผู้แต่งเพลงนี้ “จิ้งจอกขาวกับบัณฑิต “นั้นเป็นเพลงที่ดีที่สุดที่ฉันเคยฟังมา ฉันอยากฟังตัวเต็มของเพลงนี้แล้ว

 

 

“ใช่ สำหรับพวกเรา ตราบใดที่เพลงดี หนังดี ใครเป็นคนแต่งก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว”

 

“……”

 

……

 

เหยียนอี้ปินและคนที่อิจฉาต่างรู้สึกดีขึ้นมาก

 

แม้ว่าเพื่อนร่วมมหาลัยและชาวเน็ตจะไม่เชื่อข้อสงสัยของพวกเขาอย่างเต็มที่ แต่อย่างน้อยพวกเขาเกิดข้อสงสัยอย่างมากเกี่ยวกับการที่หลี่หานเป็นผู้แต่งเพลงจิ้งจอกขาวกับบัณฑิต

 

ด้วยวิธีนี้ มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่หลี่หานจะมีชื่อเสียงอย่างแท้จริง

 

ในระยะสั้น ตราบใดที่หลี่หานไม่ได้มีชื่อเสียงขึ้นอีก เหยียนอี้ปินและเพื่อนร่วมชั้นของเขาก็จะอยู่ในความสงบ

 

……

 

หมู่บ้านหยวนซี

 

เป็นวันที่สามของการหยดแก่นแท้พืชผล หลี่หานนั่งยองๆข้างๆมะเขือเทศและสังเกตอย่างระมัดระวัง

 

 

เขาต้องการดูว่าต้นมะเขือเทศนี้มีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่?

 

ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย

 

ลำต้นและใบดูเหมือนจะเขียวกว่าและมะเขือเทศที่ไม่ว่าจะมีขนาดใหญ่หรือเล็ก สีแดงหรือสีเขียวดูเหมือนจะสดมากขึ้น

 

ไม่รู้ว่ารสชาติของมันจะเปลี่ยนไปหรือเปล่า?

 

หลี่หานยังไม่ได้ชิม

 

วันนี้เป็นวันที่สามแล้ว น่าจะเลือกมาชิมได้

 

ในตอนนั้น โทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป็นซูอวี่ฉิงที่โทรมา

 

“ โทรมาจริงด้วย” หลี่หานไม่แปลกใจและเขาเดาได้ว่ามันคืออะไร

 

ไม่มีอะไรมากไปกว่าความจริงที่ว่าในช่วงสองวันที่ผ่านมา การแต่งเพลง “จิ้งจอกขาวกับบัณฑิต” ของเขาถูกตั้งคำถามถกเถียงมากมาย

 

หมู่บ้านแห่งนี้มีอินเทอร์เน็ต และหลี่หานก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นบนอินเทอร์เน็ตอย่างอัตโนมัติ

 

แต่แค่เขาไม่สนใจและไม่คิดจะทำอะไรกับมัน

 

เชื่อมต่อสายแล้ว

 

หลี่หาน นายต้องการให้ฉันพิสูจน์ให้โลกภายนอกเห็นว่านายทำเพลงนั้นจริงๆไหม?”

 

แน่นอน เป็นเช่นนั้น

 

“ ขอบคุณคุณซูมากครับ แต่ไม่จำเป็นหรอกครับ ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าคุณซูจะพิสูจน์ได้ ผู้ที่ไม่เชื่อก็จะไม่เชื่อและการคาดเดาและข้อพิพาทที่มีอยู่จะไม่เปลี่ยนแปลง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่จะต้องพิสูจน์มัน

 

“แต่เพลงนั้นนายเป็นคนแต่งเอง แต่ตอนนี้หลายคนกลับตั้งคำถามกับนายและไม่เชื่อนายนะ”

 

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ความสงสัยและความไม่เชื่อของพวกเขาเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ จริง ๆ แล้วตอนผมอยู่มหาลัยทั้งสี่ปีผมก็ค่อนข้างเก็บตัวจริงๆ”

 

“เห็นได้ชัดว่าเพื่อนร่วมชั้นของนายอิจฉานาย”

 

“เป็นใครก็อิจฉาอยู่แล้วหนิครับ”

 

“ยังไงก็เถอะ นายสามารถมีชื่อเสียงโด่งังจากสิ่งนี้ แต่ตอนนี้พวกเขาเปิดประเด็นขึ้นมา มันจะทำให้นายมีชื่อเสียงยากขึ้นนะ”

 

“ ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมก็ไม่ได้คิดจะมีชื่อเสียงอะไรพวกนั้นหรอก”

 

“นายไม่อยากมีชื่อเสียง? หรือว่านายไม่อยากเป็นดารา?”

 

“ผมไม่ต้องการเป็นดาราอะไรพวกนั้นหรอก ชื่อเสียงล้วนเป็นสิ่งลวงตาสำหรับผม มันเป็นพันธนาการและภาระทางจิตใจ ตอนนี้ผมต้องการขายผักทุกวันให้สมปรารถนาของตนเอง”

 

“ นายขายผักจริงๆเหรอ?”

 

“ผมขายผักจริงๆ”

 

“ไม่เขียนเพลงอีกแล้วเหรอ?”

 

“ไว้ดูทีหลังครับ อาจจะเขียนหรืออาจจะไม่เขียนอีกก็ได้”

 

“……”

 

เมื่อวางสายไปแล้ว หลี่หานหยิบมะเขือเทศสีแดงสดออกมา ล้างน้ำแล้วกัดเข้าปาก

 

 

อืม…เหมือนจะดีขึ้นกว่าเดิม

 

แต่ก็ไม่ชัดนัก

 

น่าจะเป็นเพราะเวลาน้อยไปหน่อย รออีกสักสองสามวันน่าจะดีกว่า

 

การกินมะเขือเทศ ดูเป็ดวิ่งเล่นในบ่อ หลี่หานรู้สึกสบายใจอย่างมาก

 

มีชีวิตหลายแบบที่เป็นได้ แต่ชีวิตแบบนี้คือสิ่งที่หลี่หานต้องการมากที่สุด

 

โด่งดัง? มีชื่อเสียง?

 

ความรู้สึกของสองคำนี้ได้จางหายไป

 

……

 

ทันทีที่ซูอวี่ฉิงวางโทรศัพท์ เฉินยู่รุ่ยอดใจรอไม่ไหวถามขึ้นมาว่า “อวี่ฉิง เขาพูดว่าอะไรบ้าง?”

 

ซูอวี่ฉิงกล่าว: “เขาบอกว่าไม่เป็นไร มันไม่สำคัญ”

 

“ ไม่เป็นไร?” เฉินยู่รุ่ยกล่าว“ แต่เดิม เพลงนี้สามารถทำให้เขามีชื่อเสียงได้ในเวลาอันสั้น แต่ตอนนี้อยากมีจะมีชื่อเสียงก็ยากแล้ว เขายอมรับมันจริงๆเหรอ?”

 

ซูอวี่ฉิงกล่าว“ เขาบอกว่าตอนนี้เขาไม่ได้อยากมีชื่อเสียงหรือเป็นคนดัง แต่เขาต้องการขายผักที่บ้านเกิดโดยบอกว่าชีวิตแบบนี้สบายมาก”

 

 

“ สบายมาก?” เฉินยู่รุ่ยกล่าว“ เขาขายผักจริงๆเหรอ?”

 

ซูอวี่ฉิง กล่าว: “ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเรื่องจริง”

 

เฉินยู่รุ่ยพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เธอไม่เข้าใจจริงๆ หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็พูดว่า “เขาไม่อยากมีชื่อเสียงเป็นดาราจริงๆเหรอ?”

 

ซูอวี่ฉิงกล่าว: “เขาพูดแบบนั้น ฉันรู้สึกว่าเขาคิดอย่างนั้นจริงๆ”

 

เฉินยู่รุ่ยสงสัย “ในเมื่อเขาไม่ต้องการมีชื่อเสียง ทำไมเขาต้องไปหาทีมงานของเธอเพื่อโปรโมตเพลงของเขาล่ะ?”

 

“นี่ … ” ซูอวี่ฉิงเอ่ยอย่างไม่มั่นใจ “ดูเหมือนเขาจะต้องการเงิน 100,000 หยวน”

 

“เงิน?” เฉินยู่รุ่ยกล่าว “เขามีพรสวรรค์ทางด้านดนตรี มันน่าจะหาเงินได้ง่าย ๆ เขาคงไม่ได้เขียนเพลง ‘จิ้งจอกขาวกับบัณฑิต’ จนหมดความสามารถของเขาไปแล้วมั้ง? ต่อมาเขาไม่สามารถเขียนเพลงที่ดีได้แล้วจึงรีบกลับไปที่บ้านเกิดแล้วบอกว่าเขาไม่ต้องการมีชื่อเสียงหรือเป็นคนดังเพียงเพื่อปกปิดความจริงที่ว่าเขาไม่สามารถเขียนเพลงที่ดีได้อีกต่อไป “

 

“ ยู่รุ่ย… ” ซูอวี่ฉิงตะโกนอย่างไม่พอใจเล็กน้อย

 

“ฮะ?” เฉินยู่รุ่ยมองไปที่ซูอวี่ฉิงและพูดว่า “เธอโกรธทำไม?”

 

ซู่หยูชิงส่ายหัวอย่างรวดเร็ว แสดงว่าเธอไม่ได้โกรธและพูดว่า: “ฉันแค่รู้สึกว่าเขาไม่อยากมีชื่อเสียงและไม่อยากเป็นดาราจริง เขาชอบชีวิตปัจจุบันของเขา บางที…ชีวิตแบบนั้นก็น่าอยู่และสุขสบาย”

 

เฉินยู่รุ่ยพยักหน้าอย่างครุ่นคิด

 

……

Comment

Options

not work with dark mode
Reset