ดูเหมือนว่าผักทั้งหลายจะมีรสชาติที่ดีขึ้นแล้ว
เช้านี้ก็เช่นเคย หลี่หานนำตะกร้าใบใหญ่สองใบไปที่ตลาด
จะขึ้นราคาผักดีไหมนะ?
หลี่หานคิดเรื่องนี้ระหว่างทาง
ผักล็อตนี้เป็นผักที่มีรสชาติดีกว่าปกติ หลี่หานเลยคิดว่าจะขายพวกมันในราคาที่แพงขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม หลี่หานตัดสินใจว่าจะยังไม่ขึ้นราคาในตอนนี้
เพราะเขาคิดว่ามันยังไม่ถึงเวลา
หลังจากที่เจอที่ตั้งแผงครั้งก่อนแล้ว หลี่หานก็จอดมอเตอร์ไซต์และตั้งแผงลอยอย่างชำนาญ
คุณลุงคนที่ขายผักอยู่ข้าง ๆ เขายิ้มและพูดขึ้น “เจ้าหนุ่ม มาขายผักอีกแล้วเหรอฦ”
หลี่หานยิ้มแล้วตอบกลับไป “ใช่ครับ พอดีว่าเหลือจากที่บ้านน่ะครับ วันนี้ผมขายมากกว่าเดิมด้วย วันนี้ขายเป็นยังไงบ้างครับ?”
คุณลุงพูด “ฉันพึ่งเปิดได้ซักพักเอง เจ้าหนุ่มนายมาจากไหนเหรอ? อายุยี่สิบงั้นเหรอ? ทำไมถึงมาขายผักกันล่ะ?อายุพึ่งเท่านี้เอง”
หลี่หานนั้นมาตั้งแผงลอยที่นี่หลายครั้ง ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าหลายคนที่มาตั้งแผงลอยก็เริ่มจะคุ้นหน้าคุ้นตาหลี่หานกันแล้ว
แต่ทว่า การที่มีเด็กหนุ่มมาตั้งแผงลอยขายผักนี่มันค่อนข้างแปลกอยู่บ้าง
เหตุผลที่คุณลุงถามขึ้นมาเช่นนี้ก็เพราะว่ามันค้างคาใจของเขามานานแล้ว
หลังจากหลี่หานตั้งแผงลอยเสร็จแล้วก็ตอบ “ผมมาจากหมู่บ้านหยวนซีเมืองชวงหลงครับลุง ปีนี้ผมอายุยี่สิบเอ็ดแล้ว ผมอยู่บ้านว่าง ๆ เลยออกมาช่วยที่บ้านขายผักน่ะครับ”
หลังจากที่ได้ยินอย่างงั้นคุณลุงก็พยักหน้า “หายากจริง ๆ นะเนี่ยที่เด็กวัยรุ่น อย่างเธอจะมาช่วยที่บ้านขายผักตอนปิดเทอมหน้าร้อนแบบนี้”
เห็นได้ชัดหลังจากที่คุณลุงได้ยินแล้วก็คิดว่าหลี่หานเป็นแค่นักศึกษาที่กำลังปิดเทอมอยู่
นักศึกษาที่ออกมาช่วยครอบครัวขายผักนั้นเป็นเรื่องที่หายากมาก
แต่ถึงอย่างนั้น นักศึกษาจะมาตั้งแผงลอยขายผักก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าดูเท่าไหร่ซัก
หลี่หานยิ้มแล้วพูดขึ้น “ผมเรียนจบแล้วครับลุง”
คุณลุงพยักหน้าแล้วพูด “แล้วเธอจะไปทำงานที่ไหนงั้นเหรอในอนาคต?”
หลี่หานพูด “ผมจะอยู่บ้านนี่แหละ ไม่ออกไปทำงานที่ไหนหรอกครับ”
“ไม่ไปทำงานงั้นเหรอ?” คุณลุงตกใจเล็กน้อยและพูดขึ้น “เธอยังหนุ่มยังแน่น ถ้าไม่ออกไปทำงาน เธอจะทำอะไรอยู่ที่บ้านล่ะ? เธอไม่เหมาะกับการทำฟาร์มหรอกนะ”
หลี่หานยิ้มแล้วพูดขึ้น “คุณลุงลองดูที่แผงของผมสิ ผิวพวกมันดูเป็นยังไงบ้างครับ?”
ผิวมันก็เหมือน ๆ กันไม่ใช่หรือไง? คุณลุงรู้สึกงงเล็กน้อยแต่ก็ยังจ้องมองดูต่อ
“ห๊ะ?” คุณลุงพูด “ไอ้หนุ่มนี่อย่าบอกนะว่า…มันดูงดงามมาก มะเขือเทศอันนี้มันแดงสดมาก”
นั่นก็คือมะเขือเทศที่อยู่ที่แผงลอยของเขา
เขาพบว่ามะเขือเทศของหลี่หานนั้นดีกว่าของเขามาก
หลี่หานหัวเราะและพูดขึ้น “นี่คุณลุง ผมจะปลูกผักที่เป็นแบบนี้แล้วขายในอนาคต คุณลุงคิดว่าไง?”
คุณลุงตกใจและพูดขึ้น “ไอ้หนุ่ม เอ็งรู้วิธีปลูกผักจริง ๆ เหรอเนี่ย? ไม่สิทำไมเองถึงอยากปลูกผักขายทั้ง ๆ ที่เอ็งอายุแค่นี้กัน?”
หลี่หานยิ้มและตอบกลับ “ผมแค่คิดว่ามันดี”
ดีงั้นเหรอ?
คุณลุงไม่เห็นด้วยกับคำพูดนี้แน่นอน แต่เขาไม่ได้พูดอะไร. เขาและหลี่หานไม่ได้อยู่ใกล้กันมากและมัรค่อนข้างยากที่จะพูดมากเกินไป
ในระหว่างที่ทั้งสองคุยกันนั้นผู้คนก็เข้ามาเดินที่ตลาดเยอะขึ้น
หลี่หานได้ต้อนรับลูกค้าคนแรกของวัน
แต่ดูเหมือนจะเป็นการเข้าใจผิด
หลังจากที่ลูกค้าคนนั้นเข้ามาดูผักของเขาที่แผงลอยใกล้ ๆ เขากลับไม่ซื้อมันแถมเดินไปซื้อที่ร้านอื่นอีกด้วย
เขา…ออกไปโดยที่ไม่ถามราคาด้วยซ้ำงั้นเหรอ?
หลี่หานตกใจเล็กน้อยและเขาก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็ว
นั้นเป็นเพราะผักของเขา ถ้าหากมองดูดี ๆ มันดูสะอาดและดีมาก
จนลูกค้าหลายคนคิดว่าได้ใช้สารเคมีอะไรหรือเปล่า?
ไม่อย่างงั้นทำไมผิวมันถึงสวยขนาดนี้?
ถึงแม้จะสวยแค่ไหนแต่ก็ไม่กล้ากิน
นี่คือเรื่องจริง ปัจจุบันผู้คนจำนวนมากไปจับจ่ายซื้อผักและพวกเขามักจะเลือกผักที่ดูไม่ดี
เพราะผักเหล่านั้นเป็นผักที่ปลอดสารพิษและผู้คนรู้สึกโอเคที่จะกินมัน
หลี่หานแค่วิตกกังวลไปเองเหรอ ผักของเขาก็ดูเขียวเหมือนกับเจ้าอื่น ๆ มันดูไม่เหมือนตรงไหนกัน?
แถมคุณค่าทางโภชนาการก็ยังมีมากกว่าผักของเจ้าอื่นอีก
นี่ผักที่รดน้ำด้วยน้ำวิเศษเลยนะ ผักปกติจะมาเทียบได้ยังไง?
แต่ผู้คนปกติดันไม่สบายใจซะงั้น
ที่คิดไว้ว่าจะขึ้นราคาก่อนหน้า
ดูเหมือนตอนนี้จะต้องลดราคาลงแทนซะแล้ว
แน่นอนว่าการลดราคาไม่ใช่วิธีที่ดีแน่นอน บางทียิ่งลดราคาลงคนก็จะยิ่งกังวล
คงต้องรอดูลูกค้าคนต่อ ๆ ไปก่อน?
ไม่นานหลังจากนั้น ลูกค้าอีกคนก็เดินตรงเข้ามา
นี่คือผู้ซื้อรายเก่าและหลี่หานก็มีความประทับใจบางอย่างกับเขา
ครั้งสุดท้ายที่อีกฝ่ายมาซื้อของ หลี่หานก็ได้พูดคุยกับเขาเล็กน้อยเลยได้รู้ว่าเขาเป็นครูสอนภาษาจีนแซ่เติ้ง ซึ่งสอนภาษาจีนชั้นประถมที่โรงเรียนมัธยมในเมือง
“คุณเติ้งมาซื้อของอีกแล้วนะครับ” หลี่หานดูกระตือรือร้นมาก
คุณครูเติ้งหรือที่หลาย ๆ คนเรียกว่าเติ้งชุยมีอายุ 35 ปีสอนหนังสือมามากกว่า 10 ปีเธอช่างเป็นคนที่มีประสบการณ์มากในด้านการสอน
เธอมาซื้อผักที่นี่ค่อนข้างบ่อย
ตอนที่เธอมาที่นี่เพื่อหาซื้ออาหาร เธอตกใจมากที่เห็นหลี่หานตั้งแผงขายผักอยู่
อะไรคือเหตุผลที่ทำให้เด็กหนุ่มหล่อ ๆ แบบนี้มาขายผักอยู่ที่นี่กันนะ?
ต้องการประสบการณ์การใช้ชีวิตงั้นเหรอ? หรือว่าเป็นคนที่ฐานะไม่ค่อยดีกัน?
เติ้งชุยรู้สึกตกใจสงสัยและแปลกใจ เธอจึงเดินไปที่แผงลอยของหลี่หานและซื้อผักของเขา
หลังจากนั้นก็ได้รู้ว่าเขาเป็นนักศึกษาที่พึ่งจบและการที่เขามาขายผักก็เพราะว่าเขาอยากใช้ชีวิตแบบนี้
เติ้งชุยนั้นไม่ได้ถามว่าเขาจบจากที่ไหนเนื่องจากทั้งสองยังไม่ได้รู้จักกันดีนัก
แต่ถึงอย่างนั้นเติ้งชุยก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมหลี่หานถึงอยากมาขายผักที่นี่
เด็กหนุ่มที่พึ่งจบการศึกษา ทำไมถึงอยากจะมาใช้ชีวิตแบบนี้กัน?
หรืออาจจะแค่มาขายแค่วันสองวันกัน?
เติ้งชุยเข้าใจเพียงแค่น้อยนิด
แต่ใครจะไปรู้ว่าวันนี้เธอก็เห็นหลี่หานตั้งแผงขายอีกแล้ว
หลังจากที่ได้ยินหลี่หานทักทาย เติ้งชุยก็ยิ้มและตอบกลับ “มาตั้งแผงขายผักอีกแล้วเหรอ?”
หลี่หานยิ้มและตอบ“ใช่แล้วครับ วันนี้ไปเก็บผักฃที่ผมพึ่งปลูกมาน่ะ มันสวยมากเลย ผมเลยจะเอามาขาย”
“เก็บจากฟาร์ม?” เติ้งชุยถามด้วยคำงงงงวย “เธอปลูกผักพวกนี้เองงั้นเหรอ?”
หลี่หานตอบ “ผมช่วยกันปลูกกับครอบครัวน่ะครับ วันนี้คุณครูเติ้งอยากได้ผักอะไรไหม?”
เติ้งชุยพยักหน้าแล้วพูด “ขอดูก่อนนะ”
การเลือกซื้อผักนั้นยากเสมอเพราะเธอไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรดี
“ห๊ะ? เธอบอกว่าผักของเธอสวยมาก แต่ฉันนึกไม่ถึงเลยว่ามันจะสวยขนาดนี้มันดูดีมาก ครั้งก่อนก็สวยแบบนี้ไหมนะ?ฉันไม่ได้สังเกตเลย” เติ้งชุยพูด
ครั้งล่าสุดนั้นผักไม่ค่อยสวยนัก แต่หลี่หานก็ไม่ได้พูดมันออกไป
“ครั้งล่าสุดก็ไม่ได้ต่างกันมากครับ คุณครูเติ้งอาจจะไม่ได้สังเกต” หลี่หานพูด
เติ้งชุยพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “บางทีอาจจะเป็นเพราะฉันไม่ได้ใส่ใจมากนัก แต่ว่าทำไมผักนี่ถึงสวยขนาดนี้นะ? เธอไม่ได้ใช้สารเคมีอะไรใช่ไหม?”