ลูเซียนนั่งในรถม้าที่เคลื่อนไปอย่างนุ่มนวล เขามองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นนครอัลโต้ดูวุ่นวายมากกว่าปกติ เพราะ ‘เทศกาลดนตรี’
รถม้ามากมายประทับตราประจำตระกูลแปลกๆ โผล่มาเต็มถนน แต่ลูเซียนคุ้นตากับตระกูลพวกนี้ดี เนื่องจากเขาเคยอ่านตำราในห้องสมุดของนาตาซาที่บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของตราประจำตระกูลต่างๆ ทั่วทั้งทวีป
นอกจากนี้ วันนี้ยังมีศิลปินและกวีข้างถนนเต็มไปหมด ในกลุ่มนั้น ลูเซียนสังเกตคนหนึ่งรูปร่างคุ้นตา ลุงโจเอลนั่นเอง
โจเอลกำลังเล่นพิณ ดูเหมือนการสูญเสียนิ้วมือซ้ายไปถึงสองนิ้วไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการเล่นดนตรีของเขามากนัก ผู้ชมมุงดูเขามากมาย โจเอลดูมีความสุขและคึกคักออกหน้าออกตาทีเดียว
ลูเซียนขอให้สารถีหยุดรถม้า เขาลงมาจากรถและเดินเข้าไปหาโจเอลและยืนอยู่ด้านหลังกลุ่มคนดู ลูเซียนฟังเพลงของโจเอลไปยิ้มไป
คนดูปรบมือชื่นชม เมื่อโจเอลบรรลงจบและโค้งคำนับเหล่าผู้ฟัง ผู้ฟังสองสามรายดึงถุงเงินออกมาหยิบเหรียญเงินใส่หมวกของโจเอล แสดงออกถึงความชื่นชอบ
เมื่อโจเอลยืดตัวขึ้น เขาเห็นลูเซียน ตาของโจเอลเป็นประกายด้วยความประหลาดใจ
“เจ้ามาได้อย่างไร ลูเซียน!” เมื่อคนดูไปหมดแล้ว โจเอลเดินไปยังมุมเงียบๆ พร้อมกับลูเซียน “ลุงคิดว่าเจ้ายังอยู่ที่คฤหาสน์”
“ข้าเพิ่งมานี่แหละ” ลูเซียนยิ้ม “ข้ากำลังจะไปที่สมาคม ลุงโจเอล สบายดีไหม?”
“สบายมาก!” ดวงตาโจเอลเป็นประกายด้วยความภาคภูมิใจ “เจ้าก็เห็นนี่ คนดูชอบเพลงของลุง!”
ลูเซียนพยักหน้า แล้วพูดกับโจเอล “แน่นอน” ว่าแล้วเขาก็ชี้ไปยังหมวกของโจเอลที่เต็มไปด้วยเศษเหรียญ
“ลุงไม่ได้อยากได้เงินหรอก เจ้าดูแลครอบครัวลุงมาตลอด เพราะเจ้ากับจอห์น พวกเรามีชีวิตที่สุขสบาย” โจเอลใช้มือกะน้ำหนักเงินในหมวก “แค่คนดูชอบเพลงของลุง แค่นั้นก็พอแล้ว”
“ข้ารู้” ลูเซียนเห็นด้วย “แค่ดนตรีอย่างเดียวก็งดงามพอแล้ว”
“ลุงแค่อยากเล่นดนตรีตามความฝัน ไม่ใช่เพื่อหาเงิน” โจเอลพยักหน้า “รู้สึกเหมือนวันเก่าๆ ที่ลุงเพิ่งมาอัลโต้ครั้งแรกกลับมาอีกครั้ง ลุงทะเยอทะยานเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ เทศกาลดนตรีอัลโต้ทำให้ลุงกลับมาเป็นหนุ่มอีกครั้ง… ฮ่า ฮ่า ฮ่า…”
ลูเซียนเตร็ดเตร่ไปตามถนน สนุกกับดนตรีหลากหลายรูปแบบ ดนตรีข้างถนนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ทำให้ลูเซียนรู้สึกมีแรงกระตุ้นขึ้นมา การเก็บตัวอยู่ในคฤหาสน์ย่านชานเมืองนานๆ ทำให้ลูเซียนคิดถึงบรรยากาศผู้คนจอแจแบบนี้
ขณะกำลังเดินอยู่ ลูเซียนพยายามคิดแผนคร่าวๆ ถึงวิธีเรียบเรียงกระบวนที่สามของ ‘ไวโอลินโซนาตา จีไมเนอร์’ ใหม่ กระบวนที่สามเป็นส่วนที่ยากและท้าทายที่สุดของดนตรีในโลกใบนี้ ลูเซียนต้องการแสดงความงดงามของโซนาตาท่อนนี้ด้วยเปียโน และเขาต้องการแสดงให้ผู้ชมได้เห็นทักษะเปียโนของเขา
ลูเซียนตัดสินใจเรียบเรียงเพลงใหม่ด้วยตัวเอง แทนที่จะหยิบยืมผลเพลงชิ้นเอกของคีตกวีจากโลกเดิมเหมือนที่เคยทำมาก่อน การแสดงดนตรีครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกและอาจเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตของลูเซียน เขาต้องการทิ้งผลงานเพลงที่เป็นผลงานของเขาจริงๆ
เมื่อเห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มและความสุขของผู้คนบนท้องถนน ฟังเสียงดนตรีที่ไพเราะเสนาะหู ลูเซียนถอนหายใจรำพึงรำพัน ‘ศาสนจักรคงไม่มายุ่มย่ามที่นี่’
“ท่านขอรับ เชิญร่วมฟังการแสดงดนตรีของเรา ไม่เก็บค่าตั๋วขอรับ!” อยู่ๆ เด็กหนุ่มคนหนึ่งโผล่ขึ้นมาขวางหน้าลูเซียน “ไม่เก็บค่าตั๋ว!” ดวงตาสีเขียวของเขาเต็มไปด้วยความหวัง
“อย่างนั้นหรือ?” ลูเซียนยังสับสนอยู่
“เราเช่าบ้านหลังหนึ่งไว้จัดแสดงดนตรี ขอรับ!” เด็กหนุ่มอธิบาย “ก่อนอื่นเลย ข้าชื่อปิโอลา ไวโอลินมือหนึ่งในวงออร์เคสตราของเรา!”
เนื่องจากยังเช้าอยู่ ลูเซียนไม่ต้องรีบ เขาพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ที่ไหนล่ะ?”
“ทางนู้นขอรับ!” ปิโอลายิ้มออก “บ้านเลขที่สามสิบขอรับ!”
ว่าแล้วเขาก็นำทางลูเซียนไปยังบ้านสองชั้นที่ตั้งอยู่อีกฟากของถนน
กลางห้องนั่งเล่น มีเวทีที่ทำขึ้นง่ายๆ ชั่วคราว มีไวโอลินสองคัน วิโอลาหนึ่งคัน และเชลโลอีกตัวคัน เด็กสาวผมดำรูปร่างท้วมนั่งอยู่หน้าฮาร์ปซิคอร์ด
“ขออภัยขอรับ เราต้องรอเพื่อนร่วมวงก่อนจะเริ่มเล่นได้” ปิโอลาขอโทษ “เกรซจะเล่นฮาร์ปซิคอร์ดให้ทุกท่านฟังระหว่างรอนะขอรับ”
ลูเซียนเข้าใจสถานการณ์ดี พวกเขาน่าจะเป็นวงดนตรีที่มาจากประเทศอื่น คงมาตามหาความฝันในดนตรีที่เทศกาลดนตรีนครอัลโต้ แต่การเช่าโรงละครในอัลโต้อย่างเป็นการเป็นงานคงเป็นเรื่องที่เอื้อมไม่ถึง ดังนั้น พวกเขาหวังว่าจะมีคนรู้จักพวกเขามากขึ้นจากการแสดงดนตรีโดยไม่เก็บค่าตั๋ว
เพลงที่เด็กสาวเล่นให้ผู้ฟัง หลังจากปิโอลาเดินออกไป ปรากฏว่าเป็นเพลง ‘แด่ซิลเวีย’
สักพักใหญ่ๆ ผู้ฟังก็เข้ามาในบ้านมากขึ้น ห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่แคบลงถนัดตา
“ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี” ปิโอลากระโดดขึ้นบนเวทีและหยิบไวโอลิน “เรามาจากเมืองสเติร์ก ‘อัญมณีบริสุทธิ์แห่งท้องทะเล’ เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับใช้ทุกท่านในวันนี้ เชิญสดับรับฟัง ณ บัดนี้!”
แล้วเขาก็หันไปแนะนำสมาชิกในวงให้ผู้ฟังรู้จัก “ข้าเล่นไวโอลินมือหนึ่ง ชื่อ ปิโอลา และนี่ไวโอลินมือสอง ชารอน และมือวิโอลา กรีน นี่เชลโลของเรา เลสลี่ และเกรซ สาวสวยมือฮาร์ปซิคอร์ดของเรา”
การแสดงดนตรีเวทีเล็กๆ บรรเลงบทเพลงราวหนึ่งชั่วโมง ลูเซียนบอกได้ว่านักดรตรีหนุ่มสาวพวกนี้ค่อนข้างมีประสบการณ์จากรายชื่อเพลง แรงบันดาลใจที่ส่งผ่านมาถึง และทักษะดนตรี หากเทียบกับในนักดนตรีในนครอัลโต้เอง พวกเขาจัดว่าเป็นนักดนตรีคุณภาพเลยทีเดียว
เมื่อคอนเสิร์ตเล่นจบ พวกเขาได้รับเสียงปรบมืออย่างอุ่นหนาฝาคั่งจากผู้ชม สมาชิกวงตื่นเต้นกันมาก และเริ่มพูดคุยกับแขก
“ท่านคิดอย่างไรกับเพลง ‘แฟนตาเซีย ซีไมเนอร์’ ของเราขอรับ?” ปิโอลายิ้มให้ลูเซียน
“เพราะดีทีเดียว” ลูเซียนตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แต่ว่า พวกเจ้าน่าจะใส่ใจกับรายละเอียดกลวิธีการเปิดตัวเพลง และกลวิธีที่ใช้ในการเรียงร้อยท่อนต่างๆ ในการเรียบเรียงองค์ประกอบเพลง… เราถึงเรียกดนตรีว่า ‘ระบบอนุกรม’”
“โอ้โห…” ปิโอลาประทับใจมาก เขาไม่คิดว่าจะได้รับความเห็นเชิงวิชาการจากผู้ฟังหนุ่มผู้นี้ แล้วปิโอลาก็เริ่มแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับลูเซียนด้วยความกระตือรือร้น
การอภิปรายอย่างออกรสออกชาติทำให้สมาชิกวงคนอื่นๆ หันมาสนใจ ไม่นาน ทุกคนก็มาร่วมวงสนทนาระหว่างปิโอลากับลูเซียน หลังจากผู้ฟังส่วนใหญ่ออกจากบ้านไป
…
“ขอบพระคุณท่านมากเจ้าค่ะ เราได้ความรู้จากคำแนะนำของท่านมาก” เกรซค้อมศีรษะให้ลูเซียน
“ขอให้สนุกกับการอยู่ในอัลโต้กันนะ” ลูเซียนยิ้มและกำลังจะจากไป
“แน่นอนขอรับ” ปิโอลาตอบ “ท่านขอรับ ตารางการแสดงดนตรีในโรงละครซาล์มฮอลออกมาแล้วนะขอรับ”
“ออกแล้วหรือ?” ลูเซียนประหลาดใจเล็กน้อย
“ขอรับ!” ปิโอลาดูท่าทางตื่นเต้น “ท่านรู้ไหมว่าการแสดงของใครที่ข้าอยากดูมากที่สุด?”
“รู้กันหมดแล้ว” ชารอนยิ้ม “ท่านคริสโตเฟอร์และท่านอีวานส์”
“แน่นอน!” ปิโอลาปรบมือ “เดินทางมาเจ็ดเดือน! เรามาไกลจากสุดโพ้นทะเลขนาดนี้ ก็เพื่อการแสดงดนตรีของท่านคริสโตเฟอร์และท่านอีวานส์!”
ในช่วงเทศกาลดนตรีอัลโต้ แม้แต่สามัญชนที่ไม่มีเงินจะซื้อตั๋วได้ ก็สามารถรับชมรับฟังการแสดงดนตรีทั้งหมดในโรงละครซาล์มฮอลจาก ‘วงแหวนพลังเทพ’ ซึ่งทำหน้าที่เหมือนเครื่องกระจายเสียง ณ จัตุรัสกลาง
‘เจ็ดเดือน… โพ้นทะเล…’ บางอย่างผุดขึ้นมาในหัวลูเซียน แล้วเขาก็เริ่มถามพวกเข้าเรื่องการเดินทางอยู่อีกราวๆสิบนาที
หลังจากลูเซียนกลับไป เกรซพูดกับสมาชิกวงคนอื่น “ข้าไม่อยากจะเชื่อว่าคนธรรมดาๆ ในอัลโต้จะรู้เรื่องดนตรีลึกซึ้งขนาดนี้ ที่นี่วิเศษจริงๆ”
“ให้ตายเถอะ!” ปิโอลาอุทาน “เราไม่ได้ถามชื่อเขาเลย!” เราตบหน้าผากเบาๆ แสดงท่าทีเสียดาย
…
ทันทีที่ลูเซียนมาถึงห้องทำงานในสมาคม เขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดึงขึ้นไล่หลังเขา
ไม่ใช่ใครที่ไหน นาตาซากับคามิลนั่นเอง
หลังจากคามิลปิดประตู นาตาซาพูดกับลูเซียนด้วยน้ำเสียงตึงเครียด “เราเจอพวกอาร์เจนต์ ฮอร์นอยู่ในเมืองชายแดน เจ้าต้องระวังตัวนะ ลูเซียน อย่าไปไหนยามวิกาล”
……………………………………….