โดมคริสตัลลอยกลางอากาศที่สร้างจาก ‘พลังเทพ’ ก็พลันหายไป แต่ผู้คนยังคงอยู่กันในจัตุรัสกลาง ตราตรึงอยู่กับซิมโฟนีเพลงสุดท้าย เพลงที่ชื่อว่า ‘สงครามแห่งรุ่งอรุณ’
“ถ้าให้เปรียบเทียบนะ…” ซาลาลังเลเล็กน้อย “สงครามแห่งรุ่งอรุณงดงามก็จริง แต่ซิมโฟนีแห่งชะตาชีวิต สำหรับพี่ ยังน่าประทับใจกว่า”
ลิลิธพยักหน้า “ใช่ ข้ารู้สึกว่าความมุ่งมั่นในซิมโฟนีแห่งชะตาชีวิตยังเข้มข้นกว่า” ว่าแล้วนางก็ขมวดคิ้วด้วยท่าทางเป็นกังวล “แต่การแสดงดนตรีของท่านคริสโตเฟอร์ก็จบลงอย่างงดงามมาก การแสดงคืนนี้ต้องทำให้ท่านอีวานส์กดดันมากแน่ๆ”
“ท่านอีวานส์ไม่เป็นอะไรหรอก…” ซาลาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อดี “เขาจะไม่ทำให้เราผิดหวัง”
“แล้วถ้าเขากดดันล่ะ?” ลิลิธเงยหน้าขึ้นมา “คิดดูสิ เหมือนท่านอีวานส์กำลังประชันกับประธานสมาคมนักดนตรีเลย”
ซาลามองน้องสาวแล้วถอนหายใจ
ขณะเดียวกัน ณ ชั้นบนสุดของศาลาว่าการ เฟลิเซียถอนหายใจยาว ราวกับนางกำลังขับไล่ความกังวลและความประหม่าออกจากความคิด
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่กังวลเป็นห่วงการแสดงดนตรีของลูเซียน เม็กเคนซีเป็นหนึ่งในนั้น เขากำลังตื่นเต้นหลังการแสดงดนตรีคืนนี้ ไม่เพียงเพราะความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่คริสโตเฟอร์สามารถบรรลุในบั้นปลายชีวิต แต่เพราะเม็กเคนซีเชื่อว่าความยอดเยี่ยมในการแสดงดนตรีประธานสมาคมจะบดบังรัศมีการแสดงของลูเซียนในวันรุ่งขึ้น เมื่อมีการเปรียบเทียบ
…
แกรนด์ดยุก เจ้าหญิง และขุนนางระดับสูงอื่นๆ ก็ยังอยู่ไม่ออกจากโรงละครซาล์มฮอลทันทีหลังการแสดงดนตรีจบ และกำลังสนทนากับคริสโตเฟอร์ในห้องชมการแสดงอีกห้องหนึ่ง ต่างพากันแสดงความยินดีกับความสำเร็จทางดนตรีอันยิ่งใหญ่พร้อมทั้งแสดงความเสียใจที่เขาจะไม่มีการแสดงดนตรีอีกแล้วในอนาคต
ขุนนางชนชั้นสูงและนักดนตรีอื่นๆ ยังคงนั่งอยู่กับที่นั่ง แลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับการแสดงดนตรี
“เจ้าเกือบขึ้นชื่อว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญดนตรีแนวนี้แล้วนะ ลูเซียน” วิกเตอร์ประทับใจกับการตีความกระบวนแรกของ ‘เพลงสงครามแห่งรุ่งอรุณ’ “ข้าว่าเจ้าได้กำหนดทิศทางดนตรีและแนวคิดเพลงขึ้นมาแล้ว”
“ขอบคุณขอรับ อาจารย์วิกเตอร์ น่าเสียดาย ข้าเกรงว่าเส้นทางยังอีกยาวไกลกว่าจะถึงจุดนั้น” ลูเซียนตอบอย่างถ่อมตัว “สิ่งที่ข้าพูดถึงก็มาจาก ‘ดนตรีวิพากษ์’ กับ ‘ข่าวสารซิมโฟนี’ หนังสือพิมพ์มีงานวิจารณ์ดนตรีเชิงลึกของเพลงแนวนี้อยู่หลายชิ้นช่วงเดือนสองเดือนที่ผ่านมา”
อันที่จริง ความรู้ความเข้าใจเรื่องดนตรีที่ลูเซียนกำลังแลกเปลี่ยนกับวิกเตอร์และมาร์คัสล้วนมาจากห้องสมุดห้วงจิตของเขา
“อ๋อ… ข้าก็ได้อ่านบทความนี้เหมือนกัน ใช่ บทความพวกนี้เป็นเครื่องมือชี้แนะชั้นยอด” มาร์คัสเห็นด้วย แต่แล้วเขาก็เปลี่ยนหัวข้อการสนทนา “เจ้าเครียดบ้างไหมที่การแสดงดนตรีพรุ่งนี้จะถูกเปรียบเทียบกับการแสดงดนตรีที่สมบูรณ์แบบอย่างวันนี้ ลูเซียน?”
ขณะที่ลูเซียนกำลังจะตอบ วิกเตอร์ตบแขนมาร์คัสเบาๆ ให้เขาหยุด แล้ววิกเตอร์ก็พูดกับลูเซียน “อย่าเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น จงทำสิ่งที่เราอยากจะทำ”
จริงๆ แล้ว วิกเตอร์เองก็ห่วงว่าบรรดาเพลงเดี่ยวเปียโนพรุ่งนี้อาจไม่สามารถสร้างสุนทรียภาพทางดนตรีให้กับผู้ฟังได้มากพอ แต่เขาเลือกที่จะเชื่อใจลูกศิษย์
ลูเซียนไม่ได้กังวลเหมือนอย่างที่คนอื่นคิด แม้เขารู้ว่าการประพันธ์เพลงใหม่และรายชื่อเพลงของเขาค่อนข้างฉีกกรอบแหวกแนวจากแนวเพลงกระแสหลัก และการเล่นเดี่ยวเปียโนหลายเพลงมีความเสี่ยงสูงมาก ลูเซียนเชื่อว่าเขาเท่านั้นที่รู้ดีว่าต้องการอะไร
“ข้าจะพยายามเต็มที่ขอรับ” เขาพยักหน้า
อีกไม่กี่นาทีต่อมา ชนชั้นสูงก็เริ่มกลับจากโรงแสดงดนตรี ตามด้วยนักดนตรี ขุนนางชนชั้นสูงและนักดนตรีบางคนทักท้ายลูเซียนด้วยท่าทีแปลกๆ แน่นอน ทุกคนพยายามไม่พูดถึงการแสดงดนตรีวันพรุ่งนี้
…
วันที่ห้าเมษายน วันสุดท้ายของเทศกาลดนตรีแห่งนครอัลโต้
เวลาสิบเก้านาฬิกา สามสิบนาที แทบทุกคนในนครอัลโต้มารวมตัวกัน ณ จัตุรัสกลาง และถนนรอบข้าง เฝ้ารอการแสดงดนตรีรอบสุดท้าย
ปิโอลา ชารอน และสมาชิกวงคนอื่นๆ มาถึงจัตุรัสตั้งแต่ช่วงบ่ายเพื่อจับจองทำเลเหมาะๆ ตอนนี้พวกเขาถูกคนมากมายล้อมหน้าล้อมหลัง พร้อมด้วยการสนทนาอย่างออกรสออกชาติ
เมื่อมองขึ้นไปที่โดมคริสตัล ปิโอลาพึมพำราวกับเขากำลังฝัน “ข้าหวังว่าข้าจะได้แสดงดนตรีที่นี่บ้าง ให้ข้าตาย ข้าก็ยอม”
“ไม่มีทางเสียล่ะ โชคร้ายหน่อยนะ” กรีน มือวิโอลา ส่ายหน้าถอนหายใจ แม้ว่าเขาจะมีความฝันเดียวกันก็ตาม
“เราเพิ่งอายุยี่สิบกว่าๆ เรายังหนุ่มยังแน่น อย่ามองโลกในแง่ร้ายนักเลย กรีน” ชารอนพูดขึ้น “ท่านคริสโตเฟอร์ยังสามารถพัฒนาศักยภาพดนตรีของท่านได้ในวัยเจ็ดสิบ เราต้องไล่ตามความฝันไปให้สุดทางจนกว่าฝันจะเป็นจริง”
“พูดถึงเรื่องอายุน้อย…” เกรซพูดกับทุกคน “อีกตั้งสองสามเดือนกว่าจะถึง ‘พิธีบรรลุนิติภาวะ’ ของท่านอีวานส์”
ชารอนซึ่งเกิดในครอบครัวนักดนตรีตอบ “นักดนตรีที่อายุน้อยที่สุดแสดงดนตรีในโรงละครซาล์มฮอลตอนอายุสิบห้าปี แต่ตอนที่เขาได้แสดงที่นี่ เขาเคยแสดงการแสดงดนตรีมาแล้วหลายๆ ที่ แต่ท่านอีวานส์กำลังจะแสดงดนตรีครั้งแรกในเทศกาลดนตรีอัลโต้ นี่แหละสิ่งที่ต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ดนตรี”
คริสโตเฟอร์ก็มีการแสดงดนตรีครั้งแรกในโรงละครซาล์มฮอลในช่วงเทศกาลดนตรีอัลโต้สมัยที่เขาอายุยี่สิบหกปี นักดนตรีอาวุโสผู้แสดงดนตรีด้วยอายุหนึ่งร้อยสิบสองปีในโรงละครซาล์มฮอลนี้ยังมียศถึงชั้น ‘อัศวินหลวง’ ซึ่งถือเป็นสถิติที่ยากจะมีใครมาทำลาย
“ใครๆ ก็ตั้งตารอการแสดงดนตรีของท่านอีวานส์ คืนนี้” เกรซพูด “ข้ารู้สึกว่า… ตราบใดที่การแสดงดนตรีของเขาน่าประทับใจได้สักครึ่งหนึ่งของท่านคริสโตเฟอร์ ก็เรียกว่าสำเร็จได้แล้วละนะ”
“ข้าเห็นด้วย…” ปิโอลาพยักหน้า “แต่ท่านอีวานส์เพิ่งเรียนดนตรีมาไม่ถึงปี เขามาถึงขั้นนี้ได้ก็เป็นอัจฉริยะแล้ว และเขาก็ยังหนุ่มอยู่มาก”
“ข้าไม่คิดว่าคนอื่นจะคิดเหมือนเรา โชคร้ายหน่อย” ชารอนถอนหายใจ “ต้องมีคนที่หวังให้การแสดงดนตรีของท่านอีวานส์ล้มเหลวไม่เป็นท่า”
…
ด้านนอกของโรงละครซาล์มฮอล ลูเซียนสวมชุดเสื้อคลุมยาวสีดำ เขากำลังต้อนรับแขกผู้มีเกียรติร่วมกับไรน์และสมาชิกวงออร์เคสตราคนอื่นๆ
ขุนนางชนชั้นสูงและนักดนตรีจำนวนมากหลั่งไหล่กันเข้าในในโรงละคร ในกลุ่มนั้น ยังมีเคานต์เฮย์น เคานต์ราฟาติ เคานต์ฮิลล์ โอเทโล่ และชนชั้นสูงจากต่างประเทศ และนักดนตรีที่ลูเซียนไม่รู้จักอีกหลายคน
แล้วคริสโตเฟอร์ก็เดินเข้ามาพร้อมกับซิลเวีย ศิษย์เอกของเขา เขาพยักหน้าให้ลูเซียนพร้อมกับรอยยิ้มแสนอารีและขอให้เขาผ่อนคลาย ซิลเวียก็ยิ้มให้ลูเซียนเพื่อให้กำลังใจ
ลูเซียนยังได้เชิญ ‘ครอบครัว’ ของเขาที่อยู่ในนครอัลโต้มาร่วมงานเป็นพิเศษ จอห์น โจเอล อะลิซ่า ไอเวิน และเอเลน่าต่างได้รับเชิญจากลูเซียน พวกเขามาพร้อมกับวิกเตอร์และเฟลิเซีย บางคนดูท่าทางกังวลยิ่งกว่าลูเซียนเสียอีก เขายิ้มให้ทุกคนและบอกให้ทุกคนสบายใจว่าเขารู้สึกยอดเยี่ยมมาก
ในที่สุด รถม้าของแกรนด์ดยุกก็มาถึง แกรนด์ดยุกและเจ้าหญิงนาตาซาถูกรายล้อมด้วยขุนนางชนชั้นสูงมากหมาย ไม่ต่างจากมิเชล เจ้าชายแห่งอาณาจักซีราคิวส์ และซาร์ด พระคาร์ดินัลหลวงแห่งศาสนจักร
นาตาซายักคิ้วสีม่วงของนางและยิ้มให้กับลูเซียน “ข้าเชื่อมือเจ้า ที่ปรึกษาดนตรีของข้า”
…
ณ ห้องชมการแสดง แกรนด์ดยุกออร์วาริตกล่าวกับธิดา “นาตาซา พ่อว่าลูกใจร้ายไปหน่อยไหมที่จัดให้การแสดงดนตรี ‘ครั้งแรก’ ของลูเซียนเล่นหลังการแสดงของคริสโตเฟอร์ และเป็นการแสดงดนตรีปิดงานเทศกาลดนตรีอัลโต้ เจ้าไม่ได้อยากจะแกล้งเขาใช่ไหม ลูกพ่อ?”
“ไม่แน่นอน เพค่ะ เสด็จพ่อ” นาตาซาหัวเราะ “ลูกเชื่อใจเขา ลูกรู้ว่าเขาทำได้”
“แต่… ความเชื่อมั่นของเจ้าไม่ได้ทำให้เขากลายเป็นนักดนตรีคุณภาพขึ้นมาได้ทันตาเห็นหรอกนะ” เวอร์ดี้พูดกับนาตาซา “เพลงที่เขามีก็แค่ ‘ซิมโฟนีแห่งชะตาชีวิต’ แล้วก็… อะไรนะ ‘แด่ซิลเวีย’”
“กระหม่อมคิดว่านี่เป็นโอกาสดีที่นักดนตรีหนุ่มมากพรสวรรค์จะได้เติบโต” คริสโตเฟอร์แสดงความเห็นเข้าข้างนาตาซา “การแสดงดนตรีที่มีความหมายที่สุดต่อนักดนตรีคือการแสดงดนตรีที่ทำให้ก้าวข้ามขีดจำกัดพะยะค่ะ”
ซาร์ดพยักหน้าเห็นด้วย “ข้าบอกได้จากซิมโฟนีเพลงนั้นว่าเด็กหนุ่มคนนี้เด็ดเดี่ยวมาก เขามีหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค พระเจ้าจะอวยพรเขา”
ด้วยเสียงสนับสนุนจากคริสโตเฟอร์และซาร์ด นาตาซายิ้มตอบกลับเวอร์ดี้ “แล้ว ท่านคิดอย่างไรล่ะ?”
“เออ… แล้วเราจะได้เห็นกัน” เวอร์ดี้ไม่ได้โต้เถียงกับนาตาซามากนักในคืนนี้ ในหัวเขามีเรื่องราวให้คิดมากมายในตอนนี้
…
เมื่อลูเซียนปรากฏตัวขึ้นบนเวที ปิโอลาชี้ไปยังโดมคริสตัสและอุทาน “เขา… คนนั้นคือท่านอีวานส์?”
ปิโอลาอ้าปากค้าง เขาไม่อยากเชื่อสายตา
ชารอนต้องใช้เวลาหลายวินาทีเพื่อเรียบเรียงคำพูดให้เป็นประโยค “ใช่ ข้าว่าแล้วเชียว ชายหนุ่มที่เราคุยด้วยวันก่อน… คือท่านลูเซียน อีวานส์”
“ไม่สงสัยเลย…” เกรซพึมพำกับตัวเอง
เมื่อยืนเดี่ยวอยู่หน้าคณะออร์เคสตรา ลูเซียนยิ้มให้ไรน์และพยักหน้าให้สัญญาณ
แล้วลูเซียนก็เริ่มโบกไม้บาตอง
……………………………………….