เมื่อประตูห้องปฏิบัติการเปิดออก แสงไฟสีเหลืองที่ดูอบอุ่นก็ค่อยๆ สว่างขึ้น ความสะอาดความเป็นระเบียบเรียบร้อยและอุปกรณ์จำนวนมากทำให้ลูเซียนประทับใจ ถึงแม้ว่าห้องทดลงจะไม่ได้ดูลึกลับและใหญ่โตเหมือนของ ‘ศาสดาพยากรณ์’ มาสเกลีน ที่ลูเซียนเคยใช้มิติเวทมนตร์ไว้ แต่ลูเซียนก็ประทับใจในความสะอาด ความเป็นระเบียบ และอุปกรณ์ทดลองมากมายก่ายกอง
เคชี้ไปที่หนึ่งในจุดทดลอง “เจ้าสามารถใช้ได้นะ ข้าก็จะใช้ด้วยเช่นกัน”
“ขอบคุณท่านเค” ลูเซียนไม่ได้ถามอะไรเกี่ยวกับการทดลองของเค เนื่องจากการทดลองของใครบางคนเป็นความลับอยู่เสมอ และก็เป็นการป้องกันการการขโมยผลงานอีกด้วย
เป็นเรื่องยากที่จะพิสูจน์เกี่ยวกับการลอกเลียนแบบผลการวิจัยของผู้อื่นเว้นแต่ว่าจะใช้เวทมนตร์ตรวจสอบความคิดคนๆ นั้น
สำหรับนักเวทที่กล้าขโมยความคิดและลอกเลียนแบบผลงานนั้น พวกเขามักจะมีกลุ่มที่มีอำนาจสนับสนุนพวกเขาอยู่เบื้องหลัง ดังนั้นเมื่อไม่มีหลักฐานเพียงพอพวกเขาจึงสามารถหลบเลี่ยงการถูกสอบสวน และหาข้อแก้ตัวได้อย่างง่ายดาย
สิ่งที่แย่กว่านั้นคือนักเวทบางคนอาจฆ่าคนที่ขโมยผลงานโดยใช้วิธีการที่แตกต่างกัน
ทั้งหมดนี้ถูกแนะนำโดยลาซาร์ และเมื่อลูเซียนได้ยินครั้งแรกเขาก็ตกใจมาก
‘น้ำยาหิน’ ไม่ใช้ยาที่ปรุงยากและลูเซียนก็ทำได้ค่อนข้างดี หลังจากลองทำมาสามครั้งก็ปรากฏของเหลวสีน้ำตาลขุ่นออกมา
ยังมีเวลาอีกสักครู่หนึ่ง ลูเซียนหยิบวัสดุบริสุทธิ์ออกมาหนึ่งหลอดและกำลังจะทดสอบตามเอกสารที่เขาอ่าน ในเวลานี้เองเคที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาก็พูดกับลูเซียนว่า “เจ้าจะทดลองอย่างอื่นอีกหรือ”
“ใช่? ทำไมหรือ” ลูเซียนถาม
“ข้าไม่ได้อยากจะขโมยผลงานของเจ้าหรือกนะ” น้ำเสียงทุ่มต่ำของเคนั้นฟังดูน่าเชื่อถือมาก “แต่ข้าจะบอกรหัสผ่านของห้องให้เจ้า ถ้าหากเจ้าต้องการจะทำการทดลองแบบเร่งด่วน เจ้าก็สามารถมาใช้ห้องได้แม้ว่าข้าจะไม่อยู่”
“มันเยี่ยมมากจริงๆ ท่านใจดีมากเลย ข้ายังเป็นมือใหม่สำหรับวงการธาตุ และข้าต้องการที่จะทำการทดลองด้วยตัวเองเพื่อให้เข้าใจธรรมชาติขององค์ประกอบต่างๆ ท่านรู้ไหมว่าในฐานะนักเวทระดับหนึ่งข้าใช้เวทมนตร์ในการหาคุณสมบัติของธาตุได้ ดังนั้นการทดลองจึงเป็นวิธีที่น่าเชื่อถือที่สุดสำหรับข้า” ลูเซียนหันกลับมาพูดกับเคอย่างจริงใจ
แต่เมื่อเห็นเคยังทำการทดลองของเขาอยู่ ลูเซียนก็หันหลังให้เขาเพื่อที่จะไม่มองสิ่งที่เขาทำ
“ข้าเข้าใจ ข้าจะบอกวิธีเข้าห้องนี้ในภายหลัง” เคกล่าวทั้งที่ยังหันหลังให้ลูเซียน “อย่างไรเสียเจ้าก็ใช้ห้องนี้ได้อีกไม่นานเพราะในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าข้าจะออกจากสำนักนี้”
“ท่านจะออกทำไม?” ลูเซียนถามด้วยความสับสนในขณะที่กำลังถามลูเซียนก็เปิดวงจรเล่นแร่แปรธาตุ เพื่อเปลี่ยนองค์ประกอบที่บริสุทธิ์ให้กลายเป็นไอเพื่อทดสอบความหนาแน่นของก๊าซ
“แลร์รี่จากกลุ่มเจตจำนงแห่งธาตุชอบบทความก่อนหน้านี้ของข้า เขาต้องการให้ข้าช่วยเขาศึกษาบางอย่างเมื่อข้ากลายเป็นนักเวทระดับกลางเมื่อเร็วๆ นี้ ข้ารู้สึกว่าข้ากำลังเข้าใกล้ระดับที่สูงขึ้น ดังนั้นข้าจึงอยากได้ไอเท็มเวทมนตร์ที่มาจากภารกิจของสภาเพื่อมาช่วยให้ข้าเลื่อนระดับ” เคไม่ได้ต้องการแสดงท่าทีโอ้อวด อีกทั้งเขายังพยายามแสดงความถ่อมตัวออกมาด้วย
ในบรรดาคนรุ่นใหม่ของกลุ่มเจตจำนงแห่งธาตุ แลร์รี่ลูกศิษย์ของแกสตันเป็นคนที่มีแนวโน้มมากที่สุดที่จะพัฒนาไปเป็นนักเวทระดับสูง ตอนนี้แลร์รี่เป็นจอมเวทระดับห้าและนักเวทระดับห้า ซึ่งมีพลังมากกว่าทิโมธีหรือยูลิสิส มีเพียงแค่นักเวทระดับหกหรือเจ็ดจากกลุ่มและองค์กรอื่นๆ เท่านั้นที่สามารถเป็นคู่แข่งกับเขาได้รวมถึงเฟลิเปที่แม้จะอายุน้อยกว่าเขา แต่ก็มีระดับอาร์คานาใกล้ระดับห้าแล้ว
ลูเซียนพยักหน้าเล็กน้อย “ขอแสดงความยินดีด้วย ข้าขอดูบทความของท่านได้ไหม”
“มันยังไม่ได้ตีพิมพ์เผยแพร่เลย มันจะถูกตีพิมพ์ในวารสารเวทธาตุในสัปดาห์หน้า แต่อาจารย์จะสามารถอ่านได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย” เคค่อนข้างเขินอาย เขาไม่ได้บอกชื่อบทความตรงๆ กับลูเซียน แต่เปลี่ยนหัวข้อการสนทนา “หวังว่าเจ้าจะทำการทดลองให้เสร็จในเร็ววัน ไม่เช่นนั้นเมื่อข้าไม่ได้อยู่ที่นี่ เจ้าก็ต้องไปหาที่อื่น”
ลูเซียนหัวเราะเบาๆ “ไม่มีใครพูดถึงเลยว่าอาจารย์จากสำนักของเราจะได้ตีพิมพ์บทความกับวารสารเวทธาตุ ท่านเก็บความลับเก่งมากเลยนะ ข้าจะใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุด ท่านเคท่านเป็นคนดีจริงๆ นะ”
“ไม่มีปัญหา เราควรช่วยเหลือซึ่งกันและกัน” เคตอบด้วยรอยยิ้ม
หลังจากนั้นพวกเขาก็ใช้เวลาส่วนใหญ่กับการทดลองของตัวเอง
…
ลูเซียนกลับไปที่ที่พักในตอนเช้าและร็อคก็ยังคงหลับอยู่
ท่ามกลางกลิ่นหอมของดอกไม้อ่อนๆ ความเงียบสงบในตอนเช้าช่วยบรรเทาจิตใจของลูเซียน และเขาก็เตรียมตัวเปิดหลอดแก้วและดื่มยาสีน้ำตาลขุ่นที่ชื่อว่า ‘หิน’
รสเปรี้ยวจัดและขมปร่าของยาไหลจากปากของลูเซียนลงไปแผดเผาคอและหลอดอาหารทำให้ลูเซียนถึงกับต้องโยนหลอดแก้วทิ้งไป แต่ภายในร่างกายและวิญญาณของเขากลับรู้สึกสงบและมีพลัง
เมื่อรสชาติจางลงลูเซียนก็หลับตาลง และเข้าสู่โลกแห่งการทำฌานสมาธิในไม่ช้า จิตสำนึกของเขากลับไปสู่ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวแห่งโชคชะตาของเขาที่กำลังส่องแสงและเปล่งพลังไฟ ลมและน้ำ ซึ่งเป็นพลังพื้นฐานที่ต่างก็มีส่วนในการดำรงอยู่ของโลกแห่งการทำฌานสมาธิ
สติของลูเซียนแยกออกจากวิญญาณของเขาและเริ่มชักนำวิญญาณ เส้นสายส่องแสงยื่นออกมาจากพลังแห่งจิตวิญญาณของลูเซียนนั้นเริ่มสร้างแบบจำลองเชิงพื้นที่ที่ค่อนข้างซับซ้อน
เนื่องจากแบบจำลองไม่ได้เกี่ยวข้องกับทฤษฎีทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน เช่น เส้นโค้ง ลูเซียนจึงจัดกระบวนการทั้งหมดได้ดีด้วยความรู้พื้นฐานใหม่ๆ ของอาร์คานา
เมื่อแบบจำลองดังกล่าวเสร็จสมบูรณ์ มันจึงเปล่งแสงแพรวพราวและลากสติของลูเซียนกลับคืนสู่จิตวิญญาณของเขาและครอบคลุมมันทั้งหมด
แล้วลูเซียนก็สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้งที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวเขาในโลกของการทำฌานสมาธิ
จุดที่มีสีสันปรากฏขึ้นในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวตามลำดับที่ซับซ้อนและลึกลับ และแต่ละจุดนั้นจะแสดงแบบจำลองที่ซับซ้อนออกมา ดูเหมือนว่าแบบจำลองเหล่านี้จะเป็นเวทมนตร์ใหม่ที่ลูเซียนไม่เคยเห็นมาก่อน! แต่อย่างไรก็ตามโครงสร้างของแบบจำลองยังอยู่ในความสับสน และเมื่อลูเซียนกำลังจะมองเข้าไปใกล้ๆ จิตสำนึกของเขาก็ถูกครอบงำด้วยพลังวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ของเขาเองด้วยเวทมนตร์ระดับสองของเขา ‘เวทกระจก’
เหมือนเรือลำเล็กที่พยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อเอาชีวิตรอดจากคลื่นอันรุนแรง เหมือนนักรบที่ต่อสู้เพื่อความหวังของเขา ลูเซียนพยายามดิ้นรนเพื่อควบคุมให้ตัวเองมีสติอยู่เสมอ
โชคดีที่พลังวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ของเขาทำให้เขาผ่านมาได้ในตอนท้าย คริสตัลส่องประกายปรากฏขึ้นในวิญญาณของเขาและระดับพลังวิญญาณของเขาก็ถูกบันทึกใหม่
“ในที่สุด… ฉันก็เป็นนักเวทระดับสอง” ลูเซียนกล่าวกับตัวเอง ในขณะที่เขาพูดลูเซียนก็ใช้งานเวทกระจกและร่างจำแลงก็ถูกสร้างขึ้นข้างๆ เขา
เวทกระจกเป็นเวทระดับสองของสำนักภาพมายา ก่อนที่เวทจะถูกทำลายจากการอาคมตรวจสอบอะไรก็ตาม เช่น เวทมนตร์ของสำนักโหราศาสตร์ เวทกระจกจะปกป้องผู้ร่ายอาคม จนกว่าร่างจำแลงจะถูกทำลาย
หลังจากทดสอบเรียบร้อยแล้ว ลูเซียนก็ถอนเวทมนตร์และมองกลับไปที่ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว อนุภาคที่มีสีสันเหล่านั้นหายไปหมดแล้วราวกับว่ามันเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาของลูเซียน
อย่างไรก็ตามลูเซียนมั่นใจว่านี่ไม่ใช่ภาพลวงตาของเขาแน่นอน ดังนั้นเขาจึงเดาได้ว่า
โลกฌานสมาธิถูกสร้างขึ้นและได้รับผลกระทบจากความรู้ของเขาเอง เมื่อเขาได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความจริงของโลกมากขึ้นมันก็จะปรากฏในโลกการทำฌานสมาธินี้มากขึ้นด้วยเช่นกัน
ลูเซียนเพิ่งได้เรียนรู้วิธีจัดเรียงธาตุเมื่อเร็วๆ นี้ และแม้ว่าธาตุบางอย่างของที่นี่จะแตกต่างจากโลกดั้งเดิมของเขา แต่เขายังคงสังเกตเห็นคำสั่งบางอย่างที่เป็นไปได้ ลูเซียนสงสัยว่านี่จะเป็นสาเหตุที่ทำให้โลกฌานสมาธิเปลี่ยนไปเมื่อเขายกระดับหรือไม่ บางทีเมื่อลูเซียนทำตารางธาตุในโลกนี้สำเร็จ อนุภาคที่มีสีสันเหล่านี้น่าจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น หรือจะพูดอีกอย่างว่าเวทมนตร์ใหม่ก็ได้ แต่ลูเซียนก็ไม่รู้ว่าจะเป็นเวทอะไรเช่นกัน
…
ณ เมืองไฮด์เลอร์ หอคอยเวทมนตร์หลักของ ‘กลุ่มหัตถ์ไร้ชีวา’ ภายในห้องมืดๆ
“ท่านโรเจริโอ สวัสดีขอรับ” เฟลิเปเอามือของเขาออกจากเสื้อนอกและแตะมือขวาที่หน้าผาก “วันนี้ข้าจะทำอะไรให้ท่านได้บ้าง”
ที่เฟลิเปทำเช่นนี้เพราะเขาเคารพโรเจริโอที่ไม่เพียงแต่เป็นหนึ่งในผู้นำของกลุ่มหัตถ์ไร้ชีวา แต่ยังเป็นถึงสมาชิกของคณะกรรมการกิจการที่อยู่ภายใต้การควบคุมของสภาสูงสุด
โรเจริโอสวมชุดสีดำและขาว กับเสื้อเชิ้ตแขนหลวมๆ ที่ดูคล้ายกับเมื่อตอนที่เขาอยู่ในนครอัลโต้ แต่ตอนนี้มีเหรียญตราสามเหรียญอยู่ที่หน้าอก เหรียญตราอาร์คานาระดับเจ็ด เหรียญตรานักเวทระดับแปด และเหรียญตราสัญลักษณ์ของคณะกรรมการกิจการ
โรเจริโอดูเข้าถึงง่ายกว่านักเวทศาสตร์มืดคนอื่นๆ “เฟลิเป การทดลองของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
“ไม่เลวเลย เพียงแค่ต้องใช้เวลาอยู่บ้าง” เฟลิเปนั่งลงตรงหน้าโรเจริโอ
โรเจริโอพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ข้าได้ข่าว… เกี่ยวกับศาสตราจารย์”
………………………………………….