‘การทำวิจัยนี้แต่เดิมมีเป้าหมายที่ธรรมดามาก ในฐานะผู้เพิ่งเริ่มศึกษาอาร์คานาศาสตร์ ข้าจึงมองหาวิธีการจดจำมวลอะตอมของแต่ละธาตุที่มีอยู่ และเริ่มนำแผ่นกระดาษเล็กๆ มาเล่น ข้าเขียนคุณลักษณะของธาตุลงไปบนแผ่นกระดาษเหล่านั้นแล้วนำมาเรียงตามลำดับ’
‘เป็นเรื่องน่าประหลาดใจยิ่ง ระหว่างที่ข้าทำเช่นนั้น ข้าก็ค้นพบวงจรลำดับที่วนซ้ำกันไปมาของธาตุเหล่านี้ และวงจรลำดับยังมีอยู่ในวาเลนซ์ หรือจำนวนอะตอมของธาตุธาตุหนึ่งที่มีการอภิปรายในวารสารเวทธาตุฉบับล่าสุด ข้อสันนิษฐานของข้าคือวงจรนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากมวลของอะตอม ตามลำดับจากเล็กไปใหญ่ และนั่นทำให้ข้านึกสงสัยว่ามวลของอะตอมคือสิ่งที่ตัดสินธรรมชาติของแต่ละธาตุใช่หรือไม่ และเราจะสามารถหาธาตุที่ซ่อนอยู่ตามลำดับนี้ได้หรือไม่ เพื่อที่จะพิสูจน์ข้อสันนิษฐานนี้ ข้าได้ทำการทดลองขึ้นมาชุดหนึ่ง’
นั่นคือส่วนหนึ่งของคำเกริ่นนำในรายงานการวิจัยของลูเซียน หลังจากพิสูจน์ว่าธาตุต่างๆ บนโลกใบนี้สามารถจัดเรียงตามตารางธาตุได้ ลูเซียนก็แทบจะมั่นใจว่าธาตุเหล่านี้จะต้องมีโปรตอนกับอิเล็กตรอนด้วยเช่นกัน ทว่า เขายังไม่มีหลักฐานหนักแน่นพอจะยืนยันเรื่องนี้ ดังนั้นลูเซียนจึงตัดสินใจยึดคำว่ามวลอะตอมต่อไปก่อน มิเช่นนั้นคนอื่นๆ อาจนึกสงสัยเอาได้เมื่อเห็นว่านักเวทผู้เยาว์กำลังสำรวจไปในเรื่องที่อยู่เหนือระดับอาร์คานาของเขาไปไกล
หลังจากเกริ่นนำจบ ลูเซียนอธิบายวิธีการและโครงสร้างทฤษฎีสำหรับการจัดเรียงลำดับธาตุ ทั้งยังนำสมบัติทางกายภาพและเคมีของแต่ละธาตุ ลักษณะส่วนประกอบของพวกมัน และธรรมชาติของผลผลิตจากการเล่นแร่แปรธาตุมาพิจารณาร่วมด้วย จากนั้นเขาจึงนำเสนอตารางลำดับธาตุทั้งหกสิบห้าธาตุแล้วสรุปผล
‘ในตารางธาตุนี้ แนวตั้งคือธาตุที่มีคุณสมบัติคล้ายกัน’
…
‘ข้าปล่อยบางช่องให้ว่างไว้ เพราะมันไม่มีธาตุใดเหมาะสมจะเติมเข้าไป ตรงนี้ ข้าขอเสนอแนะสองเหตุผลที่เป็นไปได้ หนึ่งคือมีการช่างน้ำหนักมวลของอะตอมผิดไป สองคือมันเป็นธาตุใหม่ที่เรายังไม่ค้นพบ’
…
‘สำหรับธาตุใหม่ๆ ที่ยังไม่ถูกค้นพบนั้น ข้าขอสันนิษฐานอย่างอุกอาจว่ามันจะเป็นธาตุที่เหมือนกับธาตุโลหะและธาตุอโลหะเหมือนซิลิคอน และพวกมันอาจค้นพบได้ใน…’
…
‘จำเป็นต้องทำการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อพิสูจน์ทฤษฎีและข้อสันนิษฐานทั้งหมดนี้ของข้า’
ลูเซียนวางปากกาขนนกลงแล้วอ่านทวนอีกหลายครั้ง จากนั้น หลังจากเป่าลงบนกระดาษหนังเบาๆ ลูเซียนก็เก็บมันไว้ในกระเป๋ามิติ
ลูเซียนไม่คิดว่าธาตุที่ช่างน้ำหนักมวลผิดไปจะได้รับการพิสูจน์และแก้ไขให้ถูกต้องในเร็ววันนี้โดยนักเวททั้งหลาย เพราะส่วนใหญ่แล้วมีสาเหตุสนับสนุนที่ค่อนข้างซับซ้อน เช่น ไอโซโทปที่ไม่สามารถแยกออกมาได้อย่างถูกต้องเหมาะสม แม้ว่าลูเซียนจะทราบถึงมวลอะตอมที่แท้จริงของธาตุเหล่านี้แล้ว เขากลับไม่ได้พูดถึงมันในรายงานของเขา
เมื่อเขาออกมาจากห้องทดลอง ภายนอกก็มืดสนิทเพราะเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว ขณะสอดมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ ลูเซียนก็เดินกลับไปยังที่พัก พลางครุ่นคิดถึงฝ่ายารขั้นต่อไป
ในตอนนั้นเอง ใครบางคนก็ร้องเรียกชื่อเขามาจากทางด้านหลัง “ท่านอีวานส์ พร้อมสำหรับการสอนในสัปดาห์หน้าหรือยัง”
เป็นบีตย์ ผู้ที่เพิ่งออกมาจากห้องทดลองในหอคอยเช่นกัน และน้ำเสียงเขาก็ยังคงไม่เป็นมิตรเช่นเคย
“ต้องขอโทษด้วย ท่านบีตย์” ลูเซียนส่งรอยยิ้มสงบนิ่งกลับไป “ข้ายังไม่กลับไปสอนในวันจันทร์หน้า และข้าก็ได้ทำเรื่องขอลาหยุดกับท่านอาจารย์ใหญ่แล้ว เพราะข้าจำเป็นต้องไปปรับเหรียญตราอาร์คานาใหม่ในวันนั้น… ท่านรู้หรือไม่ เอาไปเพิ่มคะแนนและแต้มน่ะ เพราะท่านเฟอร์นันโดอ้างอิงถึงบทความของข้า ข้าจึงได้รับแต้มมาไม่น้อยจากคนอื่นๆ ที่อ้างอิงถึงข้าเช่นกัน โอ้… ขออภัยจริงๆ ข้าลืมไปว่าท่านไม่เคยมีประสบการณ์กับอะไรแบบนี้”
บีตย์สูดหายใจเข้าลึกขณะที่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำ จากนั้นจึงกล่าวอย่างประชดประชัน “ขอให้เจ้าโชคดีต่อไปเช่นนี้เรื่อยๆ ก็แล้วกัน อีวานส์”
เขาหัวเสียกับการคุยโวของลูเซียนอย่างยิ่ง และหลังจากกล่าวประโยคนั้นจบ บีตย์ก็จากไปทางเดินด้านข้างสวน
ลูเซียนเฝ้ามองบีตย์จากไปแล้วส่ายศีรษะ หากเทียบกันกับผีดิบอะไรนั่น ในสายตาลูเซียนแล้ว บีตย์ไม่มีความสำคัญเลยสักนิด
เมื่อลูเซียนกลับมาถึงที่พัก ลูกศิษย์ทั้งหกของเขายังคงวุ่นกับการทำแบบฝึกหัด ไฟในห้องเปิดจนสว่างไสว และตรงหน้านักเวทฝึกหัดแต่ละคนก็คือกองกระดาษ
“ท่านอีวานส์… อา… สายัณห์สวัสดิ์” ดวงตาของทุกคนแดงก่ำและใบหน้าก็แดงเถือกจากการขบคิดอย่างหนัก
ลูเซียนหยักหน้ารับยิ้มๆ “เป็นอย่างไรแล้วบ้าง”
“คำถามพวกนี้ยากมากๆ เลยค่ะ!” ไฮดี้รีบตอบ สีหน้าคล้ายกับกำลังจะร้องไห้
นักเวทฝึกหัดคนอื่นๆ ต่างเห็นด้วย
“คำถามทั้งหมดนี้ต้องใช้ทักษะมากมายในการคิด” ลูเซียนยิ้มกว้าง “ทำมันด้วยความชาญฉลาด ไม่ใช่ด้วยความดันทุรัง เอาล่ะ… วันนี้พอแค่นี้กันเถอะ นำส่วนที่เหลือกลับเป็นไปไว้ทำเป็นการบ้านสำหรับสัปดาห์นี้แล้วส่งคืนข้าวันเสาร์หน้าก็แล้วกัน”
เมื่อได้ยินว่าพวกเขาสามารถกลับไปได้ ทุกคนต่างดีใจและตื่นเต้นไม่น้อย แต่บางคนก็แสดงอาการตื่นเต้นออกมาทันที ในขณะที่บางคนพยายามจะปกปิดมันไว้
ลูเซียนแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นปฏิกิริยาของลูกศิษย์ หันไปขอให้แม่บ้านเดินไปส่งเด็กๆ กลับออกไป
เมื่อพวกเขาเดินออกมานอกรั้วบ้าน เหล่านักเวทฝึกหัดก็หันหลังกลับไปมอง บ้านที่ตั้งอยู่ท่ามกลางความมืดหลังนี้เป็นเหมือนสัตว์ร้ายที่กำลังซ่อนตัวเฝ้ารอเหยื่อของมัน
ไฮดี้ตัวสั่นสะท้านแล้วหลุบตาลงมองกระดาษแบบทดสอบในมือตน “มันแทบจะมากเกินไปแล้วสำหรับข้า… ตอนนี้ข้าเริ่มจะรู้สึกเสียใจแล้วล่ะที่มาขอให้ท่านอีวานส์ช่วยสอนนอกเวลาให้”
“แต่วิธีของท่านอีวานส์ได้ผลจริงๆ” น่าประหลาดใจที่สปินต์เป็นผู้ออกความเห็นนี้ “เรายังไม่ใช่นักเวทจริงๆ จึงต้องพยายามอย่างหนักเช่นนี้ และท่านอีวานส์ก็เป็นอาจารย์ที่ยอดเยี่ยม”
แคทรินากับแอนนิคพยักหน้าอยู่ข้างๆ เขา
ไฮดี้คร่ำครวญ “ข้ารู้… ข้ารู้… แต่ข้าแค่อยากจะมีวันหยุดที่แท้จริงเสียบ้าง! ท่านอีวานส์ช่างเหมือนกับปีศาจ ข้าชอบท่าน เคารพท่าน แต่ข้าก็เกลียดท่านด้วยเช่นกัน”
ไม่มีใครคัดค้านความเห็นนี้จากไฮดี้
…
เช้าวันจันทร์ เวลาเก้านาฬิกา รถม้าค่อยๆ มาจอดตรงหน้าสำนักงานใหญ่ของสภาเวทมนตร์
ลูเซียนที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว เสื้อกั๊กตัวในสีน้ำตาล และเสื้อแจ็คเก็ตยาวสีดำ ยกหมวกทรงสูงขึ้นสวมแล้วก้าวลงจากบันไดรถอย่างสงบนิ่ง ทันทีที่เขาลงมาอยู่บนพื้น ผีดิบตนนั้นก็พลันหายวับไปโดยสิ้นเชิง
เมื่อลูเซียนเดินผ่านรั้วเข้ามา พรอสเปลล์ก็ทักทายเขาด้วยน้ำเสียงทึ่มทื่อ “ยินดีต้อนรับ… เจ้าอาจจะได้รับการต้อนรับแบบอบอุ่นอย่างยิ่งจากข้าหากเจ้าสร้างภูติญินประจำหอคอยเป็นเพศหญิง”
ลูเซียนไม่ได้ตอบอะไร เพราะพรอสเปลล์พูดเช่นนี้กับนักเวททุกคนที่เดินผ่านรั้วเข้ามา
เข้าตรงไปที่โซนสี่ เพื่อไปยังฝ่ายบริหารจัดการนักเวท
เมื่อเห็นลูเซียน ซินดี้ก็ประหลาดใจเล็กน้อย ขณะที่นางกระพริบดวงตาสีน้ำตาลสวย นางก็เอ่ยกับลูเซียนกึ่งล้อเล่นกึ่งบ่นต่อว่า “นึกว่าสุภาพบุรุษผู้นี้คือผู้ใด… อา เป็นท่านอีวานส์ผู้หายหน้าหายตาไปทั้งเดือนนี่เอง!”
ในเมื่อลูเซียนยังคงอยู่ในเมืองอัลลิน ซินดี้จึงรู้สึกว่า ในฐานะเพื่อน พวกเขาควรจะได้พบเจอกันบ่อยกว่านี้
“ว้าว… เป็นท่านอีวานส์ผู้โด่งดังที่ท่านเฟอร์นันโดอ้างอิงถึงบทความเขานี่เอง!” โดน่าต้อนรับลูเซียนด้วยท่าทางล้อเลียนเช่นกัน “เรานี่ช่างโชคดีที่ท่านยังจำเราได้!”
ลูเซียนแย้มยิ้มสุภาพ แต่ในใจก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ “ข้าถูกหลายๆ อย่างถาโถมเข้าใส่ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ก็คือการเขียนบทความนี่แหละ ได้โปรดอย่าล้อเลียนข้าเลย ท่านสุภาพสตรีทั้งสอง ว่าแต่ว่า วันนี้ลาซาร์อยู่หรือเปล่า”
เมื่อเห็นว่าลูเซียนยังมีท่าทางสบายๆ ตามปกติ ซินดี้กับโดน่าจึงร่าเริงขึ้น และพวกนางก็รีบเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในสภาตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาให้กับลูเซียน
ตอนนี้ลาซาร์อยู่ที่นครเรนทาโต กำลังเตรียมการสำหรับงานประชุมของ ‘เจตจำนงแห่งธาตุ’ ที่จะเกิดขึ้นในเดือนถัดไปนี้ ท่านบรูค จอมมหาเวทเคยผู้พิสูจน์ว่าธาตุแสงแท้จริงแล้วเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าอย่างหนึ่ง เพิ่งชนะรางวัลเหรียญจันทราเงินเป็นครั้งที่สาม ซึ่งเป็นรางวัลที่ทาง ‘สถาบันเวทมนตร์บริแอนน์รอยัล’ ‘สหพันธ์บทเพลงจันทรา’ และ ‘หอคอย’ ร่วมกันมอบให้ ซึ่งเป็นรางวัลสูงสุดสำหรับศาสตร์แห่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ศาสตร์แห่งแสงสว่างและความมืด และโหราศาสตร์
นอกเหนือจากรางวัล ‘มงกุฎแห่งโฮล์ม’ ของศาสตร์แห่งธาตุและศาสตร์แห่งการแปรธาตุแล้ว ยังมี ‘รางวัลบัลลังค์นิรันดร’ ของศาสตร์มืด ‘เหรียญจันทราเงิน’ ของศาสตร์แห่งแม่เหล็กไฟฟ้า ศาสตร์แห่งแสงสว่างและความมืด และโหราศาสตร์ ทั้งยังมี ‘มาลัยเกียรติยศแห่งนักเวท’ ที่ก่อตั้งขึ้นโดย ‘สถาบันเวทมนตร์คาเลส์’ และ ‘ตระกูลนักเวท’ ในศาสตร์แห่งการแปลงร่าง มายาศาสตร์ และศาสตร์แห่งการอัญเชิญแบบดั้งเดิม ‘เหรียญน้ำแข็งและหิมะ’ ที่ก่อตั้งโดย ‘กระท่อมแห่งพาล์เมรา’ กับดินแดนทางเหนืออันไกลโพ้น และสุดท้ายคือ ‘ไม้เท้าอาร์คานา’ ที่ก่อตั้งโดย ‘หอคอย’ เพื่อเป็นการแสดงการยอมรับความสำเร็จของคนผู้หนึ่งในด้านศาสตร์แห่งกำลัง โหราศาสตร์ และคณิตศาสตร์
รางวัลทั้งหมดนี้มีขึ้นตามรางวัล ‘มงกุฎแห่งโฮล์ม’ และสภาเวทมนตร์ก็มีหน้าที่เพียงชี้แนะเท่านั้น
หลังจากพูดคุยกับซินดี้และโดน่าเล็กน้อย ลูเซียนก็ได้รู้เกี่ยวกับข่าวสารล่าสุดของสภาเวทมนตร์ จากนั้นเขาจึงไปที่ห้องทำงานของอีริค
บนใบหน้าอีริคประดับด้วยรอยยิ้มที่แทบมองไม่เห็น “อีวานส์ เจ้าคงมาที่นี่เพื่อปรับเหรียญตราใหม่สินะ”
ลูเซียนพนักหน้าและส่งยิ้มให้ “ขอรับ รบกวนด้วยขอรับท่านอีริค แต่ก่อนหน้านั้น ข้ายังมีบางอย่างที่ต้องทำเสียก่อน อย่างแรกคือ ข้าต้องการส่งรายงานการวิจัยอาร์คานา และอย่างที่สองคือ ข้าอยากจะรับการทดสอบความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับอาร์คานาขอรับ”
อีริคไม่แปลกใจที่ลูเซียนจะเขียนรายงานชิ้นที่สองเสร็จแล้ว ในสายตาเขา ชายหนุ่มเบื้องหน้านี้ย่อมพยายามให้หนักกว่าเดิมหลังจากที่บทความแรกของเขามีผู้อ้างอิงเป็นถึงมหาบัณฑิตแห่งอาร์เคน
ทว่า เขาก็ยังประหลาดใจมากอยู่ดีเมื่อได้ยินว่านี่เป็นรายงานการวิจัยอาร์คานา และลูเซียนได้เตรียมพร้อมเพื่อรับบททดสอบแล้ว “จริงรึ เจ้าแน่ใจหรือ เจ้าเพิ่งจะเริ่มเรียนอาร์คานาได้…”
“สามเดือนขอรับ” ลูเซียนตอบอย่างมั่นใจ “ข้ารู้สึกว่าตัวเองค่อนข้างมีความสามารถทางด้านอาร์คานา และนอกจากนี้ ท่านบรูกยังผ่านการทดสอบนี้ตอนที่ท่านอายุเพียงสิบเอ็ดปีเท่านั้น”
“ในตอนนั้น ท่านบรูคได้เรียนอาร์คานาศาสตร์มาแล้วสองปี ไม่ใช่สามเดือน!”
“ข้ามีพื้นฐานทางทฤษฎีเวทมนตร์ดีมาก และข้าก็มีความสามารถทางปัญญาของผู้ใหญ่” ลูเซียนแย้มยิ้ม “และข้าก็รู้ว่าจะต้องเรียนอย่างไรขอรับ”
ดวงตาสีเทาอ่อนของอีริคจ้องมองลูเซียนอย่างเคร่งขรึมจริงจัง เมื่อเห็นว่าลูเซียนมั่นใจมากถึงเพียงนี้ ในที่สุดเขาจึงพยักหน้าตกลง “เช่นนั้นก็ได้ แล้วมาดูกันว่าเจ้าจะผ่านการทดสอบหรือไม่”
ก่อนที่ทั้งสองจะตรงไปยังห้องทดสอบ อีริคก็ส่งรายงานการวิจัยอาร์คานาของลูเซียนไปให้ทางคณะกรรมการโดยใช้กรงเหล็กในห้องทำงานของเขาอีกครั้ง
…
ภายในห้องใหญ่ห้องเดิม เสียงระฆังยังคงดังเช่นเดิม
“ศาสตร์มืด… ส่งไปให้ท่านเปโซร์ และท่านหญิงทินา-ทิมอส…”
“ศาสตร์แห่งธาตุ… ส่งไปให้ท่านแกสตัน และท่านโอเวรี”
…
และภายในห้องที่เต็มไปด้วยขวดบรรจุธาตุสกัดบริสุทธิ์มากมาย มนุษย์ดินตนหนึ่งหยิบรายงานของลูเซียนขึ้นมากวาดตาอ่านเร็วๆ “‘ลำดับความสัมพันธ์ระหว่างธรรมชาติของธาตุและการคาดการณ์ธาตุใหม่ๆ’…ฮื่ม… อีกแล้ว ลำดับความสัมพันธ์…” มันพึมพำ “ไม่มีระดับอาร์คานา… ข้าไม่ไปรบกวนท่านแกสตันดีกว่า… ตอนนี้ท่านแลร์รี่อาจจะว่างอยู่”
…
เมื่อแลร์รี่ได้รับรายงานมากมายสำหรับวันนั้น หลังจากกวาดตามองคร่าวๆ ชายผู้มีหนวดเคราสีเหลืองเข้มก็ตัดสินใจไม่อ่านในทันที กลับเก็บมันไว้ข้างๆ ด้วยท่าทางสบายๆ
“แมทธิว มารับมันในอีกสามวันนะ”
นกฮูกสีน้ำตาลที่มีนามว่า ‘แมทธิว’ พยักหน้าแล้วบินจากไป
………………………….