ณ โรงแรมโกลด์คัพ
ลูเซียนดึงเก้าอี้ออกมาแล้วนั่งลง จากนั้นเขาพยักหน้าพร้อมทั้งยิ้มให้ทั้งคู่แล้วพูดว่า “ยินดีที่ได้พบพวกเจ้าทั้งสองคนเช่นกัน ข้าต้องเรียกพวกเจ้าว่าอะไร” ในขณะที่เขาถาม เขาก็แสดงแหวนมงกุฎแห่งโฮล์มให้ดู เพื่อทำให้พวกเขาเข้าใจว่าใครคือผู้นำของกลุ่มนี้ เพื่อที่เขาจะสามารถหาสถานที่พักปลอดภัยกว่านี้ในปราสาท
“ชาร์ลี นักเวทประจัญบาน ระดับกลาง”
“ซานดร้า ระดับกลาง”
ทั้งชาร์ลีและซานดร้า แนะนำตัวเองสั้นๆ อย่างสุภาพต่อลูเซียน แม้ว่าพวกเขาจะมีความมั่นใจในพลังของตัวเอง แต่พวกเขาก็รู้ว่าลูเซียนกับเฟลิเปเคยสังหารนักเวทระดับสูงมาก่อน ดังนั้น พวกเขาจึงเข้าใจความแตกต่างของพลังระหว่างชายหนุ่มตรงหน้าและพวกเขาเอง
ตามธรรมเนียมของสภา เมื่อนักเวทสองคนอยู่ในระดับเดียวกัน แต่คนที่มีระดับอาร์คานาสูงกว่าจะได้รับความเคารพมากกว่า แน่นอนว่าลูเซียนมีสถานะที่สูงกว่านักเวทระดับกลางส่วนใหญ่ เพราะเขาเป็นจอมเวทระดับสี่ และผู้ชนะรางวัลมงกุฎแห่งโฮล์ม
แม้ว่าชาร์ลีกับซานดร้าจะถือว่าลูเซียนเป็นหัวหน้าทีมของพวกเขา แต่ดูเหมือนพวกเขายังคงรอดูว่าลูเซียนจะสามารถพิสูจน์ตัวเองได้หรือไหมว่าเขาสามารถเป็นผู้นำได้ ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะไม่ติดตามหรือเชื่อฟัง
ลูเซียนพยักหน้า แล้วหันกลับไปพูดกับนักเวทฝึกหัด “ข้าคือลูเซียน อีวานส์ และข้าต้องการคนนำทางไปยังปราสาท ใครจะเป็นอาสาสมัคร”
ก่อนที่นักเวทฝึกหัดจะตอบคำถาม ลูเซียนก็พูดกับชาร์ลีและซานดร้าว่า “บอกรายละเอียดเกี่ยวกับปราสาทนี้ เมื่อตอนที่เรากำลังเดินทาง พวกเราไม่สามารถเสียเวลามากไปกว่านี้ ไม่อย่างนั้น ปีศาจจะถูกเรียกออกมาจากวงเวทในห้องอัญเชิญอีก”
ชาร์ลีกับซานดร้าพยักหน้าเล็กน้อย พวกเขาชอบความเด็ดขาดของลูเซียน
นักเวทฝึกหัดทั้งสองยังคงหวาดกลัวอยู่ และเห็นได้ชัดว่าไม่ชอบแผนของลูเซียนเลย “ท… ท่านอีวานส์… เราสามารถบอกทุกอย่างได้… ท่านจะได้ไม่ต้องมีคนนำทาง…”
ใบหน้าของซูซานซีดเผือก และปากของนางก็สั่นจนฟันกระทบกัน นางไม่สามารถหยุดคิดถึง เลือด อวัยวะภายใน ชิ้นส่วนของแขน ขา และไฟ… สิ่งเหล่ากำลังทำให้นางแทบเป็นบ้า
สก็อตต์ พูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว
ลูเซียนส่ายศรีษะ และพูดกับพวกเขาอย่างอ่อนโยน “พวกเจ้าสองคนน่าจะรู้ว่าไม่มีเวทมนตร์ระดับเก้าบทใดที่สามารถอ่านความทรงจำได้อย่างสมบูรณ์ และนั่นหมายความว่าเราอาจพลาดข้อมูลสำคัญบางอย่างรวมถึงแผนผังของปราสาท เราจึงต้องการคนนำทางเพื่อช่วยเรา และได้โปรดวางใจว่าเราสามารถปกป้องพวกเจ้าได้”
ลูเซียนใช้ทักษะการสะกดจิตในขณะที่เขาพูด
เสียงของลูเซียนช่างอ่อนโยน ทำให้ซูซานเริ่มประหลาดใจกับทัศนคติที่ดีต่อนักเวทอีกสองคน และในอนาคตเขาอาจให้ความช่วยเหลือบางอย่างในสภาแก่นางได้เธอ แม้จะอาศัยอยู่ในเมืองที่ห่างไกล แต่ทั้งซูซานและสก็อตต์ก็รู้ว่าลูเซียนเป็นผู้ชนะรางวัลมงกุฏแห่งโฮล์ม ในฐานะที่เป็นนักเวทฝึกหัดที่สูญเสียอาจารย์นักเวทไป พวกเขาจึงต้องการความช่วยเหลือแต่ก็ไม่คาดหวังว่าจะได้เป็นลูกศิษย์ของลูเซียน
ซูซานพยักหน้ารับด้วยความกล้าหาญ “ท่านอีวานส์… ข้าจะเป็นคนนำทางให้ท่าน แต่… แต่ได้โปรด… ท่านต้องรับปากว่าข้าจะปลอดภัย”
ในขณะที่นางกำลังพูด ซูซานก็มองไปที่สก็อตต์ที่ยังตัวสั่นอยู่อีกมุมหนึ่งอย่างรวดเร็ว ซูซานมีความสุขนิดหน่อย ในที่สุดนางก็ก้าวข้ามสก็อตต์ได้แล้ว สก็อตต์เป็นคนมีความสามารถในการศึกษาอาร์คานาศาสตร์และพลังทางจิตวิญญาณของเขามีมากขึ้น แต่ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของเขาคือความขี้ขลาด ซูซานรู้สึกอิจฉาสก็อตต์มานานมากแต่ตอนนี้นางภูมิใจในตัวเองมากเช่นกัน
“ดีมาก ความกล้าหาญของเจ้าทำให้ข้าประทับใจ” ลูเซียนพยักหน้า “และความกล้าหาญนั้นสำคัญมากสำหรับนักเวทที่ประสบความสำเร็จ นี่ไม่ใช่เวลาแห่งสันติภาพ พวกเราจำเป็นต้องเตรียมพร้อมต่อสู้ตลอดเวลา”
จากนั้นลูเซียนก็ยืนขึ้น และหยิบนาฬิกาพกของเขาออกมา “ตอนนี้เวลาสิบเจ็ดนาฬิกาแล้ว เราต้องทำงานให้เสร็จก่อนที่มันจะมืด ไม่อย่างนั้นเราก็ต้องออกจากปราสาท เพราะปีศาจบางตนจะแข็งแกร่งขึ้นในเวลากลางคืน”
“ใช่แล้ว ท่านอีวานส์” ชาร์ลีกับซานดร้าก็ยืนขึ้นเช่นกัน
หลังจากพวกเขาออกจากโรงแรม ในที่สุดนักผจญภัยเหล่านั้นก็รู้สึกสบายใจขึ้นและเริ่มพูดคุยกันอย่างตื่นเต้น
“ชายหนุ่มผู้นี้เป็นนักเวทระดับสูงจริงๆ หรือ?” คนแคระอุทานออกมา “ไม่อย่างนั้นทำไมนักเวทระดับกลางทั้งสองคนนั้นจึงให้เกียรติเขาอย่างนี้? แต่เขาดูยังเด็กเกินไปนะ!”
นักผจญภัยส่วนใหญ่ไม่เคยเห็นนักเวทระดับสูงมาก่อน เพราะนักเวทระดับสูงส่วนใหญ่มักจะเป็นขุนนางสำคัญๆ หรืออาศัยอยู่ในอัลลิน หรืออาจจะกำลังสำรวจเทือกเขาแห่งความมืด หรือในมิติอื่นๆ แม้ว่านักผจญภัยจะสามารถพบเจอเหล่านักเวทได้ในนครเรนทาโต แต่พวกเขาก็จะไม่ยอมรับหรือก
ชายที่มีแผลเป็นหัวเราะ “เอานา… แม้ว่าเขาจะดูเด็ก แต่บางทีเขาอาจจะอายุสองสามร้อยปีแล้ว… แก่กว่า ย่าของทวดของทวดของทวด ฮาฮา!”
…
ท่ามกลางสายลมหนาว ลูเซียน ชาร์ลี และซานดร้ากำลังบินไปยังปราสาทเบอร์ทเรินด์ ถ้ามองจากด้านบนของป่าจะเห็นทางที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะหนา และมองเห็นต้นสนที่เขียวชอุ่มตลอดปีสองสามต้นเป็นจุดสีเขียวๆ ด้านล่าง
“นี่ละ” ซานดร้าที่กำลังแบกซูซานกำลังบินด้วยเวทมนตร์ที่เรียกว่า ‘คอยล์’ บอกกับลูเซียนถึงข้อมูลทั้งหมดที่พวกเขาได้รับ
เมื่อเห็นว่าซูซานที่กำลังอดทนกับความหนาวเย็น ซานดร้าจึงนำเวททานทนธาตุมาใช้กับซูซาน เวททานทนธาตุเป็นเวทมนตร์โบราณ แม้ว่าจะป้องกันการโจมตีจากเวทมนตร์ได้ไม่ดีนัก แต่มันค่อนข้างมีประโยชน์ในสภาพแวดล้อมที่หนาวจัดหรือร้อนจัด แต่เวทมนตร์อุณหพลศาสตร์ เช่น เวทต้านความเย็น และเวทต้านความร้อนที่จะทำให้รู้สึกว่าได้สัมผัสกับสภาพอากาศในฤดูใบไม้ผลิ มันจะได้ผลดีในสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายตั้งแต่ลบสิบไปจนถึงหกสิบเจ็ดสิบองศา
ลูเซียนขยับแว่นตาข้างเดียวของเขาเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ในตอนที่ซูซาน และสก็อตต์กำลังตกใจ แต่พวกเขาก็สังเกตเห็นปีศาจระดับต่ำเพียงไม่กี่ตนเท่านั้น แต่เราจะไม่ลดความปลอดภัยของเราลง ข้าเป็นนักเวทระดับสามที่เชี่ยวชาญด้านธาตุและโหราศาสตร์ และข้าก็มีวัตถุเวทมนตร์ด้วย แล้วพวกเจ้าสองคนล่ะ?”
“นักเวทประจัญบานระดับสี่เชี่ยวชาญเรื่องสนามพลัง อุณหพลศาสตร์ และการจำแลงกาย ข้าก็มีวัตถุเวทมนตร์บางอย่างเช่นกัน” ชาร์ลีตอบ และมองไปที่ปราสาทที่อยู่ถัดจากภูเขาไม่ไกลจากพวกเขา
ซานดร้าสังเกตเห็นปราสาทที่อยู่ด้านหน้าแล้วและนางก็ตอบสั้นๆ ว่า “ระดับสี่ เชี่ยวชาญด้านแม่เหล็กไฟฟ้า ความมืด แสง สนามพลังและการอัญเชิญ”
“เยี่ยม ให้เจ้าจัดการกับวงเวทอัญเชิญ” ลูเซียนพยักหน้า ม่านเปลวไฟสีขาวทองปกคลุมเสื้อคลุมยาวของเขา และในไม่ช้าก็กลายเป็นเกราะป้องกันที่ดูเหมือนเปลือกไข่
เมื่อพวกเขาเข้าใกล้จุดหมายปลายทางแล้ว ลูเซียนก็ร่ายโล่เพลิงอัคคีอันทรงพลังที่สลักอยู่ภายในวงแหวนธาตุของเขา โล่เพลิงสามารถอยู่ได้นานถึงสิบนาทีก่อนที่มันจะสลายไป
ชาร์ลีกับซานดร้าก็ร่ายเวทป้องกันที่ทรงพลังที่สุดออกมา
เสื้อคลุมเวทมนตร์ของชาร์ลีเริ่มเปล่งแสงระยิบระยับจากสัญลักษณ์เวทมนตร์ที่เคลื่อนที่ได้นับไม่ถ้วน นี่เป็นเวทมนตร์พิเศษที่สร้างโดยสภาที่เรียกว่า ‘กำแพงดูดซับดักลาส’ จากการผนึกกำลังระหว่างเวท ‘โลกคงกระพัน’ และ ‘เวทพลังอารักขา’
ผิวและเสื้อผ้าของซานดร้าเปลี่ยนเป็นสีเทาเหมือนรูปปั้นหินอย่างรวดเร็ว มวลพลังเวทมนตร์สีสันสดใสห้าลูกลอยอยู่รอบศีรษะของซูซานและซานดร้า นี้คือ ‘เวทร่างหิน’ และ ‘มวลพลังเวท’ ของพาล์เมรา ทั้งสองบทเป็นเวทมนตร์ระดับสี่
อีกทั้งลูเซียนยังร่าย ‘เวทจิตกล’ คุ้มครองตัวเองเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะยังคงมีสติอยู่
ปราสาทเบอร์เทรนด์ เป็นปราสาทสีดำที่สร้างล้อมรอบ หอคอยที่เป็นจุดศูนย์กลาง ท้องฟ้าเริ่มมืดลงเล็กน้อย และตัวปราสาทเองก็ดูเหมือนสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวกำลังรอคอยเหยื่ออยู่
ประตูปราสาทเปิดออกกว้างมันมีลักษณะเหมือนปากของสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ และมีกลิ่นเลือดเข้มข้นลอยออกมาจากภายในปราสาท
…………………………..