โจเอลไม่อยู่บ้านในขณะที่จอห์นกำลังพูดคุยกับลูเซียน และป้าอะลิซ่าก็กำลังยุ่งกับการเตรียมอาหารเย็น ไอเวินลูกชายคนสุดท้องของพวกเขาก็ยังคงเล่นกับเพื่อนอยู่บนถนน
“เจ้าจินตนาการไม่ออกแน่ว่าเราเจออะไรที่นั่น” จอห์นพูดน้ำเสียงจริงจัง “ที่นั่นมันโถงปีศาจ!”
“อะไรนะ?!” ลูเซียนตกใจมาก “พวกเขาสร้างโถงใต้ท่อระบายน้ำงั้นรึ? ท่านลอร์ดเวนน์ได้ถามพวกนอกรีตหรือยัง?”
จอห์นส่ายหน้าและถอนหายใจอย่างผิดหวัง “ไม่ ลูเซียน เราไม่พบใครที่นั่น เมื่อเราไปถึงพวกมันหายไปหมดแล้ว”
“ …มันเป็นไปไม่ได้หรอกจอห์น ข้าไม่ได้บอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้ยกเว้นเจ้า” ลูเซียนเริ่มรู้สึกเป็นกังวล ถ้าผู้ติดตามของปีศาจรู้ว่าเขาเปิดเผยตัวตนของพวกมัน เขาจะเป็นอย่างไร
“ลอร์ดเวนน์บอกข้าว่าข้อมูลเรื่องที่เราจัดการอาจถูกเปิดเผยโดยพวกอัศวิน เรายังไม่รู้ว่าใครจะเป็นคนทำ แต่ก็ต้องอัศวินระดับสูง” ลูเซียนคิดถึงความเป็นไปได้ที่ว่าอำนาจของพวกนอกรีตได้แทรกซึมเข้าไปในหมู่ชนชั้นสูง อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องที่น่าประหลาดที่จะจินตนาการได้ว่าอำนาจนอกรีตได้แทรกซึมถึงอัศวินชั้นสูง
“แล้วแก๊งของอารอนล่ะ?” ลูเซียนถาม
“หัวหน้ามันหนีไปได้รวมถึง โรซาน อารอน ส่วนพวกที่เหลือก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพวกนอกรีต พวกมันไม่สามารถโกหกต่อหน้าพลังศักดิ์สิทธิ์ของฝ่ายสอบสวนได้” คิ้วของจอห์นขมวดแน่น “แม้ว่าพวกมันจะไม่รู้อะไรเลยแต่ผู้พิพากษาก็ตัดสินประหารชีวิตทั้งหมด”
ศาสนจักรไม่เคยใจดีกับพวกนอกรีตและลูเซียนเชื่อว่าวิธีที่ศาสนจักรปฏิบัติต่อพวกนักเวทก็ไม่ต่างกัน
หนังสือเล่มหนึ่งในห้องสมุดที่ลูเซียนเพิ่งอ่านชื่อว่า ‘ล่านักเวท’ ซึ่งเขียนในปฏิทินนักบุญปีที่ 392 หรือเมื่อ 423 ปีก่อน ลูเซียนนึกถึงบางส่วนของย่อหน้าซึ่งฟังดูไร้สาระและโหดร้ายสำหรับเขา หนังสือเล่าเรื่องการล่าเหล่านักล่าผู้ใช้เวทและผู้พิทักษ์ราตรีถึงและวิธีการระบุตัวตนของพวกนักเวทและวิธีทรมาน เช่น “ถ้าผู้ต้องสงสัยอยู่ในสถานที่ไม่เหมาะสมหรือผิดปกติ พวกมันมีโอกาสสูงมากที่อาจเป็นผู้ใช้เวทมนตร์ แม้ว่าผู้ต้องสงสัยจะเข้ากับสังคมได้ดีแต่ก็ไม่สามารถตัดข้อเท็จว่าพวกเขามันอาจเสแสร้งอยู่ก็เป็นได้”
“ถ้าบุคคลที่ท่านสงสัยรู้สึกตกใจเมื่อเขารู้ว่าท่านเป็นใคร แสดงว่าพวกมันเป็นนักเวท แม้ว่าถ้าบุคคลนั้นไม่ได้ตกใจ ก็อย่าเพิ่งคลายสงสัย เพราะนักเวททุกคนมักจะโกหก”
“หากมนตร์อันศักดิ์สิทธิ์ของท่านไม่สามารถบอกถึงตัวตนของผู้ต้องสงสัยได้ การลงโทษอันศักดิ์สิทธิ์กับผู้ต้องสงสัยนั้นจะมีประโยชน์อย่างมาก หากบุคคลนั้นกลอกตาเมื่อเผชิญหน้ากับการลงโทษนั่นหมายความว่ามันพยายามสื่อสารกับปีศาจเพื่อค้นหาพลังอำนาจ หรือหากดวงตาของพวกมันจ้องมองอย่างไม่เกรงกลัวนั่นหมายความว่าพวกมันได้รับการปกป้องจากพลังของปีศาจ ดังนั้นท่านต้องทรมานบุคคลอย่างรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หากบุคคลนั้นเสียชีวิตนั่นก็เป็นเพราะปีศาจได้ฆ่าพวกมันเพื่อเก็บรักษาความลับ”
“หากท่านลองทั้งหมดแล้ว แต่ก็ยังไม่มั่นใจ ให้ท่านปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ของเรา โดยการเผาพวกมัน ถ้าพวกมันเป็นนักเวทจะถูกเผาให้เป็นเถ้าถ่าน ขณะที่พระเจ้าจะคุ้มครองบุคคลผู้บริสุทธิ์นั้นให้ปลอดภัย”
ลูเซียนรู้สึกขอบคุณที่ยังมีชีวิตอยู่ หากลูเซียนมีชีวิตอยู่เมื่อสี่ร้อยปีก่อนเมื่อหนังสือเล่มนี้ถูกเขียนขึ้น เขาจะต้องถูกเผาจนตายเป็นพันครั้ง ศาสนจักรได้ปกครองทวีปมานานแสนนาน ดังนั้น พวกเขาจึงให้ความสำคัญกับพวกนอกรีตทางทิศเหนือมากกว่าการออกไปล่าพวกนักเวทที่กระจัดกระจาย
“แล้วเจ้าพบอะไรในโถงปีศาจ” ลูเซียนถามอย่างสงสัย
ความทรงจำที่เลวร้ายทำให้จอห์นขมวดคิ้วแน่นยิ่งขึ้น “พวกเราอัศวินฝึกหัดไม่ได้เข้าไปที่นั่น อัศวินและบาทหลวงที่นำโดยท่านลอร์ดเวนน์ ลอร์ดเวอร์ดี้และพระคาร์ดินัลซัลวาตอร์เข้าไปตรวจดูโถง ลอร์ดเวนน์ไม่เคยบอกสิ่งที่เขาเห็นที่นั่น แต่ข้าเห็นสีหน้าเขาเมื่อเขาเดินออกมา… เขาดูเครียดทีเดียว”
“ข้าเฝ้าอยู่ด้านนอกประตู” ดวงตาของจอห์นมองลงพื้นดินและลูเซียนเห็นว่าความทรงจำที่เลวร้ายยังคงหลอกหลอนเขา “ตอนพวกเขาเปิดประตู ข้าเห็นว่าพื้นดินนั้นเต็มไปด้วยเลือด และข้าเห็นหัวใจ….หัวใจเต้นตุบๆ อยู่บนพื้นดิน พวกเขาบอกว่าหัวใจเหล่านั้นถูกควักออกมาจากอกทั้งๆ ที่เหยื่อยังมีชีวิต”
“ลูเซียน ข้าได้ยินเรื่องราวบทกวีและข่าวลือมากมายเกี่ยวกับวิธีการที่น่ากลัวและชั่วร้ายของพวกนอกรีต แต่ในที่สุดวันนี้ ข้าตระหนักแล้วว่ามันน่ารังเกียจและชั่วช้าขนาดไหน” จอห์นเงยหน้าขึ้นมองลูเซียน และพูดด้วยความมุ่งมั่น “ข้าเกลียดพวกนอกรีต ข้าจะไม่มีวันลืมสิ่งที่ข้าเห็นที่นั่น ข้าอยากแข็งแกร่งขึ้นและกำจัดพวกปีศาจทั้งหมด”
เมื่อมองดูใบหน้าที่จริงจังของเขา ลูเซียนยิ้ม “นี่คือความยุติธรรมที่เจ้ากำลังมองหาใช่ไหมจอห์น?”
จอห์นพยักหน้าแล้วส่ายหัว “ข้ายังไม่รู้ว่าข้ากำลังมองหาความยุติธรรมแบบไหนลูเซียน ทั้งหมดที่ข้ารู้คือข้าไม่เพียงแต่ต้องการที่จะปกป้องครอบครัวและสหายของข้า แต่ยังต้องการที่จะปกป้องผู้คนและต่อสู้กับอำนาจความมืดด้วย”
“ข้ารู้ว่ามีพวกอัศวินที่ชื่อ ‘นักล่าปีศาจ’ พวกเขาตระเวนราตรีและเต็มใจที่จะต่อสู้กับพลังอำนาจของปีศาจ นั่นคือความฝันของเจ้าหรือเปล่า?” ลูเซียนถาม
“ข้าไม่รู้ลูเซียน ข้ายังไม่สามารถปลุกพรของข้าได้ ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถเป็นอัศวินได้จริงๆ ไม่ต้องพูดถึงการเป็นนักล่าปีศาจเลย” จอห์นตอบอย่างหดหู่เล็กน้อย
“ไม่เอาน่า! แน่นอน เจ้าทำได้” ลูเซียนผลักจอห์นอย่างเป็นกันเอง “ดูสิว่าข้ากำลังพูดกับใครอยู่ อัศวินฝึกหัดเป็นความหวังสูงสุดของลอร์ดเวนน์เชียวนะ!” จอห์นได้รับกำลังใจจากสหายสนิทของเขา จากนั้นเขาก็ยิ้มให้ลูเซียน
“พูดถึงลอร์ดเวนน์…” ลูเซียนถาม “เขาได้พูดถึงรางวัลของเจ้าบ้างไหม?”
“แน่นอน!” ใบหน้าของจอห์นผ่อนคลายลงกับเรื่องนี้ “ลอร์ดเวนน์สัญญาว่าจะมอบดาบอัศวินที่ทำจากเหล็กชั้นดี ซึ่งเทียบกับดาบที่ข้าใช้อยู่ในตอนนี้ เล่มนั้นจะคมกว่าและมีพลังเวทอยู่ด้วย!” จอห์นหัวเราะด้วยความคาดหวังเล็กน้อยเมื่อพูดถึงดาบเล่มใหม่
ลูเซียนและจอห์นหยุดการสนทนาเมื่อโจเอลกลับมา ในท้ายที่สุดจอห์นเตือนลูเซียนว่า “ลอร์ดเวนน์บอกกับข้าว่าการรักษาความปลอดภัยจะเข้มงวดขึ้นและจะมีการสืบสวนลับมากขึ้นในนครอัลโต้ในเร็ว ๆ นี้ เจ้าเคยถูกสอบสวนเพราะแม่มดมาก่อนดังนั้นช่วงนี้เจ้าต้องระวัง ตอนนี้เจ้าเป็นศิษย์ท่านวิกเตอร์ เจ้าไม่มีทางรู้ว่าใครจะใส่ร้ายเจ้าจากความอิจฉาได้”
“ขอบคุณจอห์น ข้าจะระวัง” ลูเซียนกล่าวขอบคุณอย่างสุดซึ้ง เขารู้ว่าในฐานะอัศวินฝึกหัด จอห์นไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดเผยข้อมูลนี้กับคนอื่นๆ ลูเซียนรู้ว่าเขาจะต้องระมัดระวังมากขึ้นและหยุดฝึกเวทมนตร์ที่อาจทำให้เกิดความสงสัย อย่างไรก็ตาม ลูเซียนเชื่อว่าหลังจากการตรวจค้นครั้งใหญ่นี้ เมื่ออัศวินและชนชั้นสูงเริ่มผ่อนคลายความระมัดระวังขึ้น เขาก็จะปลอดภัยมากขึ้นกว่าเดิม
…
เช้าวันอาทิตย์ถัดมา ลูเซียนพยายามที่จะจัดการทุกอย่างในวันหยุดของเขาให้เรียบร้อย แม้ว่าเขาจะไม่ได้ฝึกเวทมนตร์มากนักในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่เขาก็ทำผลงานได้ดีในการวิเคราะห์เวทมนตร์อื่นๆ อีกหลายบทได้ค่อนข้างดี พลังวิญญาณของเขากลับคืนมาอย่างสมบูรณ์และแข็งแรงยิ่งกว่าเดิมด้วยการทำสมาธิ ตอนนี้ ลูเซียนสามารถร่ายเวทมนตร์ได้อย่างต่อเนื่องถึงหกบทแล้ว ในเวลาว่าง ลูเซียนก็ยังตั้งใจเรียนดนตรีอย่างหนัก เขาใช้เวลามากมายไปกับการอ่านหนังสือต่าง ๆ ในห้องสมุดห้วงจิต และไม่ใช่แค่หนังสือดนตรีเท่านั้น หนังสือต่างๆ ลูเซียนก็เริ่มเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวแคว้นในทวีปที่เชื่อในพระเจ้าแห่งสัจธรรมในตอนใต้ และดินแดนนอกรีตในทางเหนือ รวมถึงสัตว์ร้ายที่อาศัยอยู่ในเทือกเขาแห่งความมืด
เนื้อเยื่อสมองของผีดิบกลายพันธุ์สามารถเก็บไว้ได้ถึงสามปีด้วยการใช้เวทมนตร์วันละครั้งทำให้ลูเซียนมีเวลามากพอที่จะรวบรวมองค์ประกอบส่วนที่เหลือของเวทมนตร์
…
“ความก้าวหน้าของเจ้าทำให้ข้าประทับใจอีกแล้วนะ ลูเซียน” วิกเตอร์กล่าวชื่นชมหลังจากการทดสอบความรู้พื้นฐานทางดนตรีของลูเซียนที่เรียนรู้ในชั้นเรียน “จากนี้เราสามารถก้าวไปสู่การฝึกฝนจริงๆ และเรียนรู้วิธีร่วมกับสิ่งที่เจ้าได้เรียนรู้จากหนังสือเข้าด้วยกัน”
เมื่อลูเซียนช่วยปรับปรุงฮาร์ปซิคอร์ดครั้งแรก วิกเตอร์คิดว่าลูเซียนอาจจะมีแรงบันดาลใจเกิดขึ้น แต่ตอนนี้วิกเตอร์รู้สึกว่าอย่างน้อยลูเซียนก็มีความสามารถด้านดนตรี “ลูเซียน เครื่องดนตรีประเภทไหนที่เจ้าอยากเรียน” วิกเตอร์ถามอย่างอ่อนโยน “ข้าค่อนข้างชำนาญไวโอลิน ฮาร์ปซิคอร์ด ออร์แกน และขลุ่ย แต่ถ้าเจ้าต้องการเรียนรู้อย่างอื่นข้าก็สามารถช่วยได้”
ลูเซียนไม่เคยคิดอย่างจริงจัง เขาลังเลนิดหน่อย ลูเซียนเคยเป็นแฟนเปียโนแต่เขาไม่เคยได้รับโอกาสที่จะเรียนรู้การเล่นเปียโน แต่หลังจากคิดอีกครั้ง วันหนึ่งลูเซียนต้องออกเดินทางไปหาศูนย์บัญชาการสภาเวทมนตร์แห่งทวีป แน่นอนว่าเขาไม่สามารถพกเปียโนติดตัวไปได้ บางทีเขาควรเลือกบางอย่างที่ค่อนข้างเบา เช่น ไวโอลิน?
ล็อตต์ เฟลิเซีย และเฮโรโดตัส อยากรู้ว่าลูเซียนจะเลือกอันไหน แต่ลูเซียนยังคงลังเลอยู่
“ไม่เป็นไร ลูเซียน” วิกเตอร์กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้าเจ้ามีอะไรจะบอกข้า บางทีข้าอาจจะช่วยเจ้าได้”
ลูเซียนจึงถามอย่างจริงใจ “อาจารย์วิกเตอร์ ข้าสามารถเลือกทั้งฮาร์ปซิคอร์ดและไวโอลินที่พัฒนาแล้วได้ไหม?”
นักเรียนอีกสามคนโกรธนิดหน่อย พวกเขารู้สึกว่าลูเซียนนั้นโลภมาก เพราะเขาสามารถเรียนโดยไม่ต้องเสียเงินสักแดง
“ไม่มีปัญหา” วิกเตอร์ตอบ “แต่เจ้าต้องจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นอย่างๆ ไป เราจะเริ่มจากการเรียนฮาร์ปซิคอร์ดไหม? ข้าอาจมีแนวคิดใหม่ๆ ในขณะที่ข้ากำลังสอนอยู่”
“ได้ครับ ขอบคุณขอรับอาจารย์วิกเตอร์” ลูเซียนรู้สึกขอบคุณมาก
……………………………………….