“เปียโน” ลูเซียนตอบ “อาจารย์วิกเตอร์พัฒนาฮาร์ปซิคอร์ดแล้วตั้งชื่อใหม่ว่า ‘เปียโน’ อีกไม่นานเขาจะขึ้นทะเบียนเป็นเครื่องดนตรีชนิดใหม่ในสมาคม”
ขณะที่การศึกษาเวทของลูเซียนพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เขาก็ไม่ได้ลดละด้านการเรียนดนตรี ทั้งหมดก็เพราะเขาอยากมีงานดีๆ หาเลี้ยงชีวิต และที่สำคัญกว่านั้น เพื่อปิดบังตัวตน การเป็นนักดนตรีดูจะมีเกียรติมากพอ คงไม่มีใครกล่าวหานักดนตรีหนุ่มมากฝีมือเป็นพ่อมดหมอผีกันง่ายๆ
“ฮาร์ปซิคอร์ด…เปียโน…” ปิแอร์พูดย้ำอย่างครุ่นคิด เขานึกอะไรขึ้นมาได้และวิ่งไปที่ชั้นหนังสือ ไม่นานปิแอร์กลับมาพร้อมกับหนังสือเล่มหนึ่งในมือ “เจ้าต้องอ่านเล่มนี้! ข้าได้ความรู้มาเพียบ! ข้าบอกเจ้าหรือยังว่าอีกสี่เดือน ข้าจะลองสอบคัดเลือกเข้าสมาคมดูบ้าง? ถ้าสอบผ่านนะ ข้าจะได้เป็นนักดนตรีจริงๆ กับเขาสักที!”
เหมือนสมาคมอื่นๆ สมาคมนักดนตรีผูกขาดอำนาจและมีเอกสิทธิ์เด็ดขาดในการประเมินนักดนตรี
“ไม่นะ เจ้าไม่เคยพูด” ลูเซียนมองที่หนังสือชื่อ ศิลปะการแสดงฮาร์ปซิคอร์ด “แต่ข้าเชื่อว่าเจ้าสอบผ่านแน่ ปิแอร์” ลูเซียนพูดออกมาจากใจจริง
ชั่วโมงผ่านไป ปิแอร์ไม่ปล่อยให้ลูเซียนได้มีเวลาอ่านหนังสือในมือ พอรู้ว่าลูเซียนก็เป็นนักเรียนดนตรีเหมือนกัน ปิแอร์เลยใช้โอกาสที่มีแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องดนตรีกับคู่หู
อย่างไรก็ตาม วันนี้ดูจะไม่เหมาะกับการแลกเปลี่ยนความเห็นกันสักเท่าไร เพราะลูเซียนง่วงเกินกว่าจะคิดตามปิแอร์ หนังตาของเขาหนักเหลือเกินจนแทบจะลืมตาไม่ขึ้น ลูเซียนพยายามตัดบทปิแอร์หลายต่อหลายครั้ง แต่ปิแอร์ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พูดแทรกเลย
แล้วโชคก็เข้าข้าง ตอนนั้นเอง หญิงสาวในชุดกระโปรงยาวสีขาวพร้อมหมวกทรงผู้ดีสีดำเดินเข้ามาในหอสมุด นางงามจับใจ เอวบางร่างน้อย ขาเพรียวชวนมอง ราวกับเดินออกมาจากภาพจิตรกรรม
ลูเซียนก็ลอบมองถุงน่องยาวสีขาวที่ยิ่งทำให้ขาของนางชวนพิศมัยมากยิ่งขึ้น อย่างไรเสีย ลูเซียนไม่ได้ใส่ใจกับขาเพรียวคู่นั้น แต่เขากำลังสงสัยว่าวัสดุเนื้อเนียนเหมือนไหมนั้นหามาจากไหน หรือมันอาจถูกสร้างมาจากการเล่นแร่แปรธาตุ?
“อรุณสวัสดิ์ขอรับท่านหญิงซิลเวีย” ปิแอร์เปลี่ยนท่าทางในทันที กล่าวตอนรับอย่างสุภาพ และใช้ศอกสะกิดลูเซียน “วันนี้ มีอะไรให้ข้าช่วยขอรับ?”
ลูเซียนก็รู้ได้ทันทีว่านางคือซิลเวียที่ปิแอร์พูดถึงบ่อยๆ ผมยาวสลวยของนางราวกับเส้นไหม เปล่งประกายและนุ่มนวล นอกจากจมูกน่ารักของนาง นางมีริมฝีปากสีแดงเชอร์รี่ แน่นอน นางสวยและงดงามเหลือเกิน
“สวัสดี ปิแอร์ ข้าขอยืมหนังสือหลายเล่มหน่อยนะ มี …” ซิลเวียพูดไปพร้อมกับรอยยิ้มหวานละไมบนหน้า นางมักดึงดูดสายตาผู้คนอยู่แล้ว ฉะนั้นอาการจ้องนิ่งเนิ่นนานของลูเซียนไม่ได้ทำให้นางแปลกใจอะไร
ปิแอร์หน้าแดงด้วยความตื่นเต้น เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าซิลเวียจะจำชื่อเขาได้ เขาพยักหน้าหลายครั้งก่อนดิ่งไปที่ชั้นหนังสืออีกครั้งเพื่อค้นหาหนังสือให้เทพธิดาของเขา
ลูเซียนยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ ได้กลิ่นหอมหวานที่คลับคล้ายคลับคลา ใช้เวลาสักพัก ลูเซียนก็นึกขึ้นได้ว่ากลิ่นนี้คล้ายกับกลิ่นจากผ้าโพกศีรษะสีดำที่เคยเจอจากกองขยะ ผ้าราคาแพงที่เรียกว่าผ้าไนติงเกลดำ
แต่ลูเซียนก็ไม่มั่นใจ และเขาก็ไม่จำเป็นต้องมานั่งคิดด้วยว่าท่านหญิงซิลเวียเป็นเจ้าของผ้าโพกศีรษะผืนนั้นหรือไม่ แต่ถึงอย่างนั้นกลิ่นมันก็ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว
ด้วยความประหม่าและตื่นเต้น ยิ่งปิแอร์อยากทำให้ท่านหญิงซิลเวียร์ประทับใจเท่าไร เขายิ่งงุ่มง่ามมากเท่านั้น หลายนาทีผ่านไป เขาเริ่มรู้สึกกระดากอาย
“ให้ข้าช่วยไหม?” ลูเซียนหันมาถาม แล้วก็เดินตรงเข้าไปที่ชั้นและหยิบหนังสือเล่มที่ท่านหญิงซิลเวียต้องการจากตรงหน้าปิแอร์ แน่นอน ไม่ใช่เพราะลูเซียนความจำดีอะไรหรอก แต่เพราะห้องสมุดห้วงจิตมหัศจรรย์ต่างหากที่ยังสามารถจัดหมวดหมู่ของห้องสมุดได้ทั้งหมด
“ลูเซียน!” ปิแอร์อ้าปากค้าง “เจ้าคุ้นกับชั้นหนังสือนี่ได้ตั้งแต่เมื่อไร?!”
ลูเซียนหอบหนังสือกองโตไปทางซิลเวียและถามอย่างสุภาพ “ท่านหญิง ให้ข้าเอาหนังสือพวกนี้ไปส่งให้ที่ห้องอ่านหนังสือไหมขอรับ”
ลูเซียนพูดได้ไม่เต็มปากว่าไม่ได้มีความคิดแบบที่ผู้ชายเป็นกัน เวลามองผู้หญิงสวยๆ อย่างซิลเวีย แต่เขารู้ดีว่าความสัมพันธ์เชิงชู้สาวเป็นเรื่องสิ้นเปลืองและไร้ประโยชน์ต่อแผนอนาคตของเขาในตอนนี้ ฉะนั้น ท่าทางปกติของลูเซียต่างจากท่าทีลุกลี้ลุกลนของปิแอร์กันคนละโยชน์
“วางไว้ที่โต๊ะนี่เถอะ เดี๋ยวจะมีคนมารับไปทีหลัง” เสียงแหบๆ ซิลเวียช่างชวนหลงใหล “เจ้าชื่ออะไร? ข้าไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อน”
“ข้าชื่อลูเซียน อีวานส์ เพิ่งมาใหม่ขอรับ” ลูเซียนตอบอย่างใจเย็น ก่อนจะเผยต่อว่า “ข้าเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์วิกเตอร์”
“อ๋อเหรอ” ซิลเวียยิ้มหวาน “มิน่าล่ะ…ได้ยินมาว่าท่านวิกเตอร์พัฒนาฮาร์ปซิคอร์ดสำเร็จ แล้วตั้งชื่อใหม่ว่า ‘เปียโน’ ฝากบอกด้วยนะว่าข้าตั้งตารอคอนเสิร์ตของเขาอยู่ ลูเซียน”
ท่าทีที่เปลี่ยนไปของลูเซียนทำให้ซิลเวียแปลกใจไม่น้อย ตอนแรกที่นางเดินเข้ามาในหอสมุด ลูเซียนจ้องมองขานางเหมือนพวกวิตถาร แต่ตอนนี้กลับดูเหมือนไม่สนใจในเพศตรงข้ามเสียอย่างนั้น
หลังจากลูเซียนบันทึกข้อมูลหนังสือยืมแล้ว ซิลเวียขอบใจทั้งสองคนก่อนออกจากห้องสมุด ลูเซียนสังเกตว่ามีผู้หญิงสวมหมวกสีดำอีกคนรอซิลเวียอยู่ ยืนหลังตรงเป็นไม้กระดาน หญิงสาวรูปร่างอ้อนแอ้นคนนี้ดูสูงกว่าลูเซียนราวครึ่งศีรษะ ถัดไปยังมีสาวใช้หน้าตาดีกับผู้หญิงวัยกลางคนดูเจ้าระเบียบยืนอยู่
เมื่อรู้ตัวว่ากำลังมีคนมองอยู่ ผู้หญิงวัยกลางตาสีหน้าเรียบเฉยส่งสายตาเยือกเย็นมาทางลูเซียน นาทีนั้น ลูเซียนรู้สึกเหมือนถูกจับโยนลงจากหน้าผาและโลกทั้งใบเฉาลงทันตา ราวกับว่าผู้หญิงคนนั้นมีทะเลที่พายุกำลังบ้าคลั่งอยู่ในดวงตา ลูเซียนรู้สึกเสียวสันหลังวาบต่อหน้าคลื่นลูกใหญ่ในทะเลแบบนี้
ลูเซียนหมดปัญญาจะคิดอะไรต่อ เขาเรียกสติกลับมาได้หลังจากผู้หญิงคนนั้นหันหลังไป นางพูดอะไรบางอย่างกับหญิงสาวร่างผอมเพรียวคนนั้น จนหันกลับมามองลูเซียนอีกเหมือนมีความขบขันซ่อนอยู่ในตานาง ลูเซียนสัมผัสได้ถึงแรงกดดันจากตาคู่นั้นและท่าทีทรงอำนาจ
“นั่นใครเหรอ…?” ลูเซียนสงสัยขึ้นมา เขายังไม่เคยเจอใครมีท่าทางแบบนี้มาก่อนในโลกนี้ โดยเฉพาะสตรีวัยกลางคนคนนั้น เหมือนกับว่าเพียงแค่การมองก็สยบลูเซียนได้โดยง่าย
ปิแอร์ขยับมาใกล้ลูเซียน ถอนหายใจยาว “ซิลเวีย นางเป็นเทพธิดาของข้า ข้ารู้…ข้าไม่มีอะไรให้นางประทับใจเลย” ว่าแล้วก็สะกิดลูเซียนอีก “แต่สหาย เจ้าไม่ควรจ้องขาท่านหญิงซิลเวียแบบนั้น นั่นมัน…เกินไป”
ทว่าลูเซียนไม่ได้สนใจกับสิ่งที่ปิแอร์พูดเลย
“…เดี๋ยว ทำไมเจ้าดูหน้าซีดขนาดนั้น ลูเซียน?” ปิแอร์ถามอย่างประหลาดใจ
……………………………………….