แม้ว่านี่จะไม่ได้อยู่ในแผนเดิมของเขาแต่ลูเซียนก็พยักหน้า “ไม่มีปัญหาขอรับอาจารย์”
ลูเซียนไม่ได้สนใจว่าใครจะกล่าวหาว่าขโมยความคิดมา ตราบใดที่ไม่มีใครสงสัยว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับเวทมนตร์หรือพวกนอกรีต
ในหนังสือทางศาสนามากมายหลายเล่มในห้องสมุดถูกนำมาเปรียบเทียบกับสมบัติที่พระเจ้าประทานให้กับมนุษย์ซึ่งเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุดที่ผู้คนใช้ในการต่อสู้กับความยากลำบากทั้งหมด ดังนั้น ดนตรีจึงถือว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งแสงสว่างและความหวังอยู่เสมอโดยไม่เกี่ยวข้องกับความมืดและความชั่วร้าย
นอกจากนี้ ลูเซียนสังเกตเห็นช่องว่างระหว่างศาสนจักรและขุนนางจากหนังสือที่เขาอ่านและบทสนทนาระหว่าง ล็อตต์ เฟลิเซีย และเฮโรโดตัส แม้ว่าขุนนางจะยังเคารพพระเจ้า แต่ความคิดที่ว่าศาสนาและฝ่ายปกครองควรทำงานแยกจากกันก็เกิดขึ้นในนครอัลโต้ซึ่งเป็นเมืองที่ศาสนจักรปกครองเกือบทุกอย่าง
ลูเซียนค่อนข้างแน่ใจว่าศาสนจักรจะไม่สงสัยนักดนตรีหน้าใหม่จากสมาคมซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดทั้งขุนนางและศาสนจักร
สิ่งเดียวที่ลูเซียนกังวลคือในอนาคตเมื่อเขาได้รับเชิญให้เข้าร่วมการแสดงหรืองานเลี้ยง เขาอาจจะต้องถูกตรวจสอบความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ลูเซียนเชื่อว่าถ้าเขามีชื่อเสียงไม่ว่าจะมากหรือน้อยเขาก็อาจจะไม่ต้องถูกตรวจสอบ
ไรน์หยิบกระดาษและปากกาขนนกจากโต๊ะและส่งมันให้กับลูเซียน
ลูเซียนคว้าปากกาขนนก ก่อนที่เขาจะเขียนอะไรลง เขาก็จามออกมาทันที ผมของเขายังคงเปียกอยู่และหยดน้ำก็หยดลงบนกระดาษ
วิกเตอร์เพิ่งสังเกตเห็นว่าเสื้อผ้าของลูเซียนยังเปียกอยู่ “เจ้าไม่ได้พกร่มมาหรือไง”
ใบหน้าของเฟลิเซียแดงเรื่อเล็กน้อย เพราะนางสามารถเห็นร่างกายที่สมส่วนของลูเซียนภายใต้เสื้อผ้าของเขา
“ข้าพกร่มมา แต่ฝนตกหนักมากและข้าก็วิ่งมาตลอดทาง” ลูเซียนตอบ
วิกเตอร์สะเทือนใจ “ข้าจะหาเสื้อผ้าให้เจ้า ข้ามีชุดสูทหลายชุดที่นี่ คงจะมีสักชุดที่เหมาะกับเจ้า”
“ข้าจะเขียนท่อนดนตรีให้เจ้าได้ก่อน” ไรน์กล่าวแล้วเขาก็คว้าปากกาขนนกมาจากในมือของลูเซียน “ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะไป”
ในขณะนั้นนิ้วของไรน์สัมผัสมือของลูเซียน ลูเซียนสังเกตอย่างประหลาดใจว่ามือของไรน์เย็นกว่ามือของเขา
…
ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมของเขาแห้งแล้วและเขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวทับด้วยเสื้อสูทสีดำพร้อมด้วยกางเกงและรองเท้าหนังของวิกเตอร์ ภาพในกระจกแสดงให้เห็นถึงคนหนุ่มหน้าตาดี ผมและตาสีดำ
“ดูเจ้าสิ ลูเซียน! เจ้าดูดีมากในชุดนี้!” วิกเตอร์พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
เฟลิเซีย ล็อตต์ และเฮโรโดตัส รู้สึกว่าลูเซียนดูน่าเชื่อถือมากขึ้นในชุดนี้
การตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะบนโลกที่เขาจากมา
“ลูเซียน มาดูว่าสิท่อนที่ไรน์เขียนถูกต้องไหม” วิกเตอร์ถาม
เมื่อลูเซียนเดินผ่านล็อตต์ เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงทุ่มต่ำพร้อมกับรอยยิ้มแสนสุภาพตามแบบฉบับของเขา “ข้าหวังว่าพวกเราจะสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้บ่อยขึ้นในอนาคต”
“แน่นอน” ลูเซียนตอบด้วยความสุภาพเช่นกัน
เมื่อได้ยินการสนทนาของพวกเขา เฟลิเซียกัดฟันสีขาวลงไปบนริมฝีปากครุ่นคิดอย่างหนัก “ลูเซียนข้าอยากขอโทษ ข้าขอโทษที่ข้าใจร้ายกับเจ้า เพราะอคติของข้า ข้าหวังว่าเราจะเข้ากันได้ดีและช่วยเหลือซึ่งกันและกันในอนาคตนะ”
ใบหน้าของนางเขินแดงอีกครั้ง
มีเพียงเฮโรโดตัสที่ยังยืนอยู่อีกด้านหนึ่งศีรษะของเขาค้อมต่ำลง และดวงตาของเขาจ้องมองที่ปลายเท้าโดยไม่พูดอะไรเลย
“ไม่มีปัญหาเฟลิเซีย” ลูเซียนพยักหน้าแล้วเดินไปที่ไรน์และวิกเตอร์
…
บ่ายสามโมง เฟลิเซียเห็นว่ารถม้าของบารอนโอเทลโล่เทียบอยู่ด้านหน้าอาคารสมาคม
วิกเตอร์ดูมีความสุขมาก “ทำได้ดีมากทุกคน! กลุ่มพวกเราไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ความตื่นเต้นที่ข้าได้รับจากดนตรียยังคงหลอกหลอนข้าอยู่ แม้ยังเขียนแก้ไขใหม่ไม่เสร็จ แต่งานส่วนที่เหลือก็มีรายละเอียดค่อนข้างดี ข้ารู้สึกว่าพร้อมที่จะขึ้นทะเบียนเพลงกับสมาคมแล้ว และข้าไม่คิดว่าการเปลี่ยนรายชื่อเพลงจะเป็นปัญหาเช่นกัน”
ลูเซียนรู้ว่าตอนนี้การเล่นดนตรีของเขายังไม่ชำนาญมากนัก ดังนั้น เขาเชื่อว่าเป็นเพราะอารมณ์ของเขาทำให้ผู้ฟังสัมผัสได้
เมื่อลูเซียนตามวิกเตอร์ไปที่ห้องหนึ่งบนชั้นสามที่มีชายชราสวมแว่นนั่งอยู่
“เจ้าทำงานเสร็จแล้วหรือ วิกเตอร์” ชายชราถาม
“ไม่ใช่ข้าหรอกโจเซฟ แต่เป็นลูกศิษย์ของข้า ลูเซียน เราต้องการจดทะเบียนงานเพลงชิ้นเอกของเขา” วิกเตอร์ตอบแล้วแนะนำเขาให้รู้จักลูเซียน “ท่านนี้คือท่านโจเซฟนักวิจารณ์เพลงอาวุโสที่มีประสบการณ์โชกโชน ท่านโจเซฟรู้จักดนตรีส่วนใหญ่ในโลกรวมถึงดนตรีที่ไม่ใช่ของมนุษย์ เช่น เพลงของเอลฟ์ ท่านโจเซฟยังเป็นบาทหลวงฝึกหัด ท่านสามารถบอกได้ว่าเจ้ากำลังขโมยความคิดคนอื่นหรือเป็นเจ้าของผลงานจริงๆ แล้วท่านโจเซฟจะใช้พลังบาทหลวงบันทึกเวลา จดทะเบียนเพลงของเจ้า เพลงใดๆ ก็ตามที่แต่งขึ้นหลังจากนี้ซึ่งคล้ายกับงานของเจ้าจะถือว่าเป็นงานลอกเลียนแบบ”
“นานแค่ไหนแล้วที่เจ้าเรียนดนตรีกับวิกเตอร์” โจเซฟถามแล้วขยับแว่นตาของเขา “พ่อหนุ่มไฟแรง ว่าไง…”
“คือ… ประมาณ… สามเดือนขอรับ” ลูเซียนรู้สึกอายนิดหน่อย
“เจ้าต้องล้อเล่นแน่ๆ” ตาของโจเซฟเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “สามเดือน?”
“ช่วยดูก่อนเถอะ” วิกเตอร์ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
“เอาล่ะ มาดูสิว่านี่อะไรกัน” โจเซฟรู้สึกเหมือนเป็นเรื่องตลก
ในไม่ช้ารอยยิ้มบนใบหน้าของโจเซฟก็ถูกแทนที่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด มือซ้ายของเขากำลังสั่นเมื่อเขาฮัมโน้ตเพลงราวกับว่าเขาเข้าไปสู่โลกใหม่หรือเรื่องราวที่น่าสนใจ
ประมาณสิบนาทีต่อมา โจเซฟถอนหายใจออกมาแล้วบอกกับวิกเตอร์ด้วยความตื่นเต้นว่า “ช่างเป็นงานที่ยอดเยี่ยมมาก! มันทำให้ข้านึกถึงปีที่ข้ากำลังช่วยอัศวินต่อสู้กับปีศาจร้ายในเทือกเขาแห่งความมืด ช่างเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความกล้าหาญ ความศรัทธา และความหวัง…”
“ข้าบอกท่านแล้วโจเซฟ” วิกเตอร์ดูภูมิใจมาก
“ข้า… ข้ายังไม่อยากจะเชื่อเลย เจ้าบอกว่ามันเป็นเพลงของลูกศิษย์…จากเด็กหนุ่มคนนี้นะหรือ?” แว่นตาของโจเซฟเอียงอยู่บนจมูกของเขา
“ลูเซียนเป็นเด็กหนุ่มที่มีเรื่องราวชีวิตที่ยากลำบาก” วิกเตอร์กล่าว จากนั้นเขาก็แบ่งปันเรื่องราวของลูเซียนให้กับโจเซฟ
“ถ้าอย่างนั้น… ข้าคิดว่าสมาคมของเราคงมีนักดนตรีพรสวรรค์เพิ่มขึ้นอีกคน” โจเซฟประทับใจมาก แต่ก็ยังไม่อยากจะเชื่อ เขาหันกลับไปพูดกับลูเซียนว่า “หากเจ้าต้องการพิสูจน์ตัวเอง ไปศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับดนตรีแนวใหม่ และทุกสองปีเจ้าต้องมีผลงานเพลงออกมาพิสูจน์ตัวเอง”
‘ในอีกสองปี…ข้าจะออกจากอัลโต้แล้ว’ ลูเซียนคิดกับตัวเองในขณะที่ดูโจเซฟประทับเวลาด้วยพลังบาทหลวงของเขาลงบนกระดาษโน้ตเพลง
“งานของเจ้ามีชื่อหรือไม่?” โจเซฟเงยหน้าขึ้น
“ชะตาชีวิต”
…
หลังจากวิกเตอร์และลูเซียนเสร็จสิ้นการขึ้นทะเบียนเพลง พวกเขาก็ไปยังห้องทำงานของผู้อำนวยการ
วิกเตอร์ยิ้มก่อนเข้าไปในห้องทำงาน
‘ข้าแทบรอไม่ไหวที่จะเห็นปฏิกิริยาของท่านโอเทลโล่กับเพลงนี้’
ลูเซียนเพิ่งรู้ตัวว่าหลายเดือนแล้วที่เขาไม่ได้เห็นรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าของวิกเตอร์
……………………………………….