เสียงเคาะประตูดังขึ้น โอเทลโล่เลิกคิ้วและถาม “นั่นใคร?”
“ข้าเอง วิกเตอร์” น้ำเสียงวิกเตอร์ดูอ่อนลง
“มีอะไร เข้ามาสิ วิกเตอร์” โอเทลโล่ท่าทางอารมณ์ดี
แม้โอเทลโล่จะล้มเหลวในการปลุกพร แต่เพื่อรักษาฐานันดรศักดิ์และทรัพย์สมบัติ เขาทำงานอย่างหนัก หวังให้แกรนด์ดยุกและเจ้าหญิงนาตาซา ผู้สืบราชสันตติวงศ์ เคาน์ติสแห่งไวโอเล็ต ทรงพอพระทัย ดูเหมือนว่าการสนทนาระหว่างโอเทลโล่กับเจ้าหญิงเป็นไปได้ด้วยดี
วิกเตอร์ค่อยๆ เปิดประตูและเข้ามาในห้อง พร้อมกับลูเซียน
โอเทลโล่เงยหน้าขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มเจือบนใบหน้า นานๆ จะเห็นสักครั้ง ชุดสูทสีดำของเขายังสะอาดเนี้ยบ ไม่มีร่องรอยจากฝนที่เทลงมา
“วิกเตอร์!” โอเทลโล่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานสีแดง พูดกับวิกเตอร์ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “องค์หญิงทรงเฝ้ารอคอนแชร์โตเพลงใหม่ปีนี้ของเจ้า และเครื่องดนตรีชิ้นใหม่ เปียโน! เจ้าต้องทำงานหนักหน่อยนะ วิกเตอร์ อย่าทำให้พระองค์ผิดหวัง แล้วคนนี้คือ…” โอเทลโล่เห็นเด็กหนุ่มแต่งกายสุภาพเดินตามหลังวิกเตอร์เข้ามา แต่เขาลืมไปแล้ว่าเขาเคยเจอลูเซียนมาแล้วครั้งหนึ่ง
“ขอรับ ไม่มีผิดหวังแน่นอน” วิกเตอร์ตอบ เขาดันลูเซียนมาข้างหน้าและแนะนำกับโอเทลโล่ “หนุ่มคนนี้เป็นลูกศิษย์ของข้า ลูเซียน… ลูเซียน อีวานส์ เขาเพิ่งแต่งเพลงขึ้นมาเพลงหนึ่ง ข้าอยากให้ท่านช่วยดูหน่อยขอรับ ใครๆ ก็ทราบว่าท่านรอบรู้ในดนตรีแบบทางการเช่นนี้”
วิกเตอร์อยากให้โอเทลโล่ตั้งใจอ่านงานเพลงของลูเซียนโดยไม่มีอคติ ดังนั้น เขาจึงยังไม่บอกโอเทลโล่ถึงเป้าหมายที่แท้จริงออกไปตรงๆ ก่อน
“เจ้ามีลูกศิษย์ใหม่ตั้งแต่เมื่อไร? ข้าไม่เคยรู้มาก่อน” โอเทลโล่ยังอารมณ์ดีอยู่ เมื่อโอเทลโล่ลองเริ่มอ่านโน้ตเพลง พริบตาเดียวสีหน้าเขากลับดูเคร่งเครียด
โอเทลโล่ประทับใจกับท่อนเริ่มเพลงอย่างมาก เขาบอกได้เลยว่าในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยเห็นงานดนตรีแบบนี้มาก่อน หลังจากอ่านไปหลายท่อน โอเทลโล่บอกได้ว่ากระบวนที่กำลังตามมาจะต้องเร้าใจและเร้าใจยิ่งขึ้น
เขาตระหนักถึงความจริงว่าเขาล่วงสู่วัยชราภาพแล้ว เขาอุทิศทั้งชีวิตเพื่อดนตรีแนวศาสนา การเห็นกระแสดนตรีแนวใหม่ในนครอัลโต้ที่นักดนตรีรุ่นใหม่ต้องการถ่ายทอดอารมณ์ของตนเองผ่านดนตรี เขาลังเลที่จะออกตัวชื่นชม เพราะเขาเชื่อว่าดนตรีควรศักดิ์สิทธิ์มากกว่าแนวเพลงพวกนี้
อย่างไรก็ตาม หัวใจเขาเต้นรุนแรง เมื่ออ่านโน้ตเพลง หลังจากอ่านกระบวนแรกเสร็จ ฝ่ามือโอเทลโล่เต็มไปด้วยเหงื่อ ราวกับเพิ่งผ่านการต่อสู้อย่างดุเดือด
เขาไม่ชอบดนตรีแนวนี้ เขาอยากจะฉีกกระดาษโน้ตเพลงปึกนี้ทิ้ง ไม่ให้เพลงหลุดออกไป สร้างแรงบันดาลใจให้นักดนตรีคนอื่น ในความคิดของเขา ดนตรีที่แท้จริงต้องสงบ ศักดิ์สิทธิ์ และจริงจังกว่านี้
แต่ขณะเดียวกัน เขาก็ไม่อาจปฏิเสธคุณค่าในเพลงของเด็กหนุ่มคนนี้ เขารู้ว่าหนังสือพิมพ์ ‘ดนตรีวิพากษ์’ และ ‘ข่าวสารซิมโฟนี’ มีทัศนคติเปิดกว้างรับดนตรีแนวใหม่ๆ ไม่เว้นแม้แต่เจ้าหญิงนาตาซา
แต่เขาก็ไม่อยากเสียจริตต่อหน้าคนรุ่นใหม่ในฐานะนักดนตรีผู้โด่งดัง โชกโชน และชั้นสูง
เมื่อความเงียบในห้องทำงานของโอเทลโล่เริ่มทำให้บรรยากาศอึดอัดมากขึ้นๆ เขาทิ้งกระดาษโน้ตลงและพูดกับทั้งสองคนในที่สุด “เจ้ามีพรสวรรค์สูงนะ ลูเซียน ข้าดีใจที่เรามีนักดนตรีหนุ่มดาวรุ่งอย่างเจ้า แต่ว่าลูเซียน ข้าอยากเตือนเจ้าว่าดนตรีเป็นเครื่องมืออันศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราในการสรรเสริญพระเจ้า ดนตรีเป็นอะไรที่ทรงพลังและจริงจัง เราควรรับใช้พระองค์ด้วยดนตรี ข้าหวังว่าเจ้าจะใช้ความคิดให้เยอะกว่านี้และสร้างดนตรีที่แท้จริงออกมา”
“ขอรับ ขอบพระคุณขอรับ ท่านผู้อำนวยการโอเทลโล่” ลูเซียนไม่ได้ใส่ใจกับความเห็นของเขาหรอก ในหัวเขา ภาพนักเวทฝึกหัดอย่างเขาสรรเสริญพระเจ้าคงตลกน่าดู
วิกเตอร์พอใจกับอากัปกริยาของโอเทลโล่ อย่างน้อยโอเทลโล่ก็ไม่สรุปว่างานของลูเซียนไม่ได้ความ
ดังนั้น เขาตัดสินใจเดินตามแผนขั้นต่อไป
“ท่านขอรับ ข้าซาบซึ้งในงานเพลงของลูเซียนเหลือเกิน ข้าเชื่อว่าท่านก็เห็นคุณค่าของเพลงนี้ ฉะนั้น ข้าอยากนำเสนอเพลงของลูเซียนในการแสดงดนตรีของข้า”
“ไม่!” แทบไม่ต้องคิด โอเทลโล่ปฏิเสธแผนของวิกเตอร์ตรงไปตรงมา
“ทำไมขอรับ? ท่านโอเทลโล่?” วิกเตอร์มีท่าทีแข็งขืน
แม้ว่าโอเทลโล่จะแปลกใจกับอากัปกริยาของวิกเตอร์อยู่บ้าง แต่เขาเชื่อว่าเขาเข้าใจเป้าหมายที่แท้จริงของวิกเตอร์ โอเทลโล่คิดว่าวิกเตอร์ต้องการใช้งานของลูกศิษย์เป็นสะพานเพิ่มชื่อเสียงและกิตติศัพท์ให้กับตัวเอง
“ข้าถวายรายชื่อเพลงให้เจ้าหญิงนาตาซาไปแล้ว ถ้าเรามาเปลี่ยนรายการตามใจชอบ พระองค์อาจทรงคิดว่าสมาคมไม่น่าเชื่อถือ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เจ้าอยากทำลายภาพลักษณ์สมาคมเพียงเพื่อประโยชน์ส่วนตัวอย่างนั้นหรือ วิกเตอร์?”
“ข้าเกรงว่าอีกมุมหนึ่ง ท่านโอเทลโล่” วิกเตอร์พูดด้วยแรงผลักดันหนักแน่น “หากเรามีตัวเลือกที่ดีกว่า แต่เลือกที่จะไม่ถวายเพลงที่ดีที่สุดให้กับท่านแกรนด์ดยุกและเจ้าหญิงนาตาซา นั่นแหละที่จะทำลายชื่อเสียงของสมาคม และท่านโอเทลโล่ ถ้าท่านยืนกราน…” วิกเตอร์หยุดเว้นช่วง “ถ้าท่านยืนกราน ข้าจะเอาโน้ตเพลงนี้ให้ซิลเวีย และขอให้นางนำไปถวายองค์หญิงนาตาซา ข้าไม่ยอมหยุดแค่นี้”
“วิกเตอร์!” รู้สึกเหมือนถูกท้าทาย โอเทลโล่ยืนขึ้นจากเก้าอี้ จ้องวิกเตอร์อย่างมีน้ำโห
“ท่านโอเทลโล่” วิกเตอร์พยายามเบาน้ำเสียงลง “แกรนด์ดยุกและเจ้าหญิงนาตาซาทรงไม่มีอคติต่อดนตรีแนวนี้…อันที่จริง ทั้งสองพระองค์ทรงโปรดปรานดนตรีแนวนี้เสียด้วยซ้ำ ท่านขอรับ ได้โปรดนึกถึงปฏิกิริยาของทั้งสองพระองค์ เมื่อทรงฟังเพลงของลูเซียนดูเถอะ ข้าเชื่อว่าท่านจะได้ประโยชน์เช่นกัน”
โอเทลโล่รู้อยู่เต็มอกว่าถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนจากเหล่าขุนนาง ดนตรีแนวใหม่นี้ก็จะไม่ได้รับความนิยมเร็วนัก เขาชราแล้ว ลูกหลานก็ไม่สามารถปลุกพรได้สักคน โอเทลโล่รู้ดี เขาต้องวางแผนอนาคตให้กับลูกหลานเพื่อให้ความรุ่งโรจน์ของตระกูลคงอยู่สืบไป อีกอย่าง วิกเตอร์ก็ไม่เคยมีท่าทีจริงจังและหนักแน่นขนาดนี้มาก่อน แม้เขายืนกรานไม่ยอมให้เปลี่ยนรายชื่อเพลง โอเทลโล่เชื่อว่าทั้งสองคนคงดิ้นรนหาวิธีอื่น
หลังพิจารณาปัจจัยต่างๆ ในที่สุด โอเทลโล่ก็โอนอ่อนผ่อนตาม “เอาล่ะ สองวันก่อนวันแสดง ข้าต้องได้ดูการซ้อมใหญ่ให้มั่นใจว่าทุกอย่างราบรื่น”
“แน่นอนขอรับ ท่านโอเทลโล่” วิกเตอร์เขย่ากำปั้นเบาๆ อย่างตื่นเต้น
“อีกอย่าง… ข้าต้องบอกว่าเจ้ามีลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์สูงมาก” โอเทลโล่ชำเลืองมองลูเซียน “ข้าสงสัยว่าทำไมไม่เคยได้ยินชื่อเจ้ามาก่อน…”
“เขาเพิ่งเข้ามาเป็นลูกศิษย์ดนตรีของข้าเมื่อสามเดือนก่อน” วิกเตอร์ตอบตรงไปตรงมา
“สามเดือน? หมายความว่าอย่างไร?” โอเทลโล่ชักสับสน
“ใช่ขอรับ เขาเริ่มศึกษาดนตรีครั้งแรกเมื่อสามเดือนที่แล้ว” วิกเตอร์เดาท่าทีของโอเทลโล่ได้
“…” อ้าปากค้าง โอเทลโล่ถึงกับตะลึง
ชั่วครู่หนึ่ง เขาผุดลุกขึ้นอีกครั้ง ตะโกนใส่วิกเตอร์ “เจ้าล้อเล่นใช่ไหม? มั่นใจหรือว่าเป็นเพลงของเขา?”
“ขอรับ ข้ามั่นใจขอรับ” วิกเตอร์พยักหน้าตอบ “ลูกศิษย์คนอื่นๆ เป็นพยานได้ เห็นพัฒนาการของเขามาตลอด ลูเซียนมีต้นฉบับเป็นตั้งๆ จากโน้ตเพลงที่ผ่านมา โจเซฟก็ได้พิสูจน์เพลงของเขาแล้วด้วยขอรับ”
โอเทลโล่นั่งลงหายใจหอบและพึมพำอย่างอ่อนแรง ราวกับหมดสิ้นเรี่ยวแรง
บางทีเขาอาจกำลังไว้อาลัยให้กับความรุ่งเรืองในโลกดนตรีของเขาที่กำลังผ่านไป
ใช้เวลาสักพักเพื่อสงบสติอารมณ์ โอเทลโล่โบกมือส่งสัญญาณให้ทั้งสองคนออกไป
เมื่อวิกเตอร์กับลูเซียนออกมาจากห้องทำงาน ลูเซียนเห็นชายที่ดูคุ้นเคยมากคนหนึ่ง เมื่อเดินเข้าไปใกล้ ลูเซียนก็จำได้ว่าเขาคือคอเรลล่า อัศวินฝึกหัดชั้นสูงที่เคยต่อกรกับปีศาจหนูนัยน์ตาเลือดร่วมกับเขาในท่อระบายน้ำ
คอเรลล่าสวมเสื้อเกราะโซ่เงิน สีหน้าตึงเครียด เดินตามเอเลน่ามา คอเรลล่าตรงเข้ามาหาลูเซียน
ก่อนลูเซียนจะทันได้พูดอะไรกับเขา คอเรลล่าถามลูเซียนก่อนทันที “ลูเซียน บอกข้ามา ทำไมลางานห้องสมุดเมื่อเช้านี้”
ทั้งวิกเตอร์และเอเลน่าต่างประหลาดใจ ไม่คิดว่าศาสนจักรจะสนใจกับการลางานเช้าของสามัญชนคนทั่วไปแบบนี้ด้วย
……………………………………….