ทุกอย่างในห้องทดลองเวทมนตร์ยังอยู่เหมือนเดิมหลังจากตอนที่ลูเซียนออกมาครั้งล่าสุด ไม่มีกลิ่นของคนแปลกหน้า มีเพียงกลิ่นกำมะถันเล็กน้อยมาจากช่องระบายอากาศลับๆ
ในช่วงเวลาครึ่งชั่วโมงแรก ลูเซียนกำลังทำสมาธิเพื่อให้มีสติมั่นคง และที่สำคัญกว่า เขากำลังรอให้ผู้พิทักษ์ราตรีผ่านไป และพวกนอกรีตกลับมาสอดแนมห้องของเขาอีกครั้ง
หลังจากมั่นใจว่าบนพื้นดินไม่มีอะไรผิดแผน ลูเซียนเริ่มร่ายคาถาเรียกใช้วงเวทที่สลักบนโต๊ะด้วยพลังวิญญาณ หลังจากนั้น เขาก็หยิบผงวิญญาณแค้นหลอดหนึ่ง เห็ดซากศพสามชิ้น เนื้อเยื่อสมองผีดิบใต้น้ำส่วนหนึ่ง และสารประกอบเวทอื่นๆ อีกบางส่วน
ลูเซียนสวมถุงมือและใช้กริชสีเงินจิ้มเห็ดซากศพใส่ไปในวงเวท
“6.72 กรัม” ในห้องสมุดห้วงจิต ลูเซียนบันทึกน้ำหนักของเห็ดซากศพ รวมถึงปริมาณการใช้วัสดุและสารประกอบเวทอื่นๆ เขาใส่เห็ดลงในภาชนะแก้วสลักอักษรรูน แล้วชั่งน้ำหนักกระบอกแก้วแห้ง
ลูเซียนจ้องตาเขม็งตอนใส่ผงวิญญาณแค้นลงในกระบอกแก้วแห้ง และหยุดเมื่อใส่ผงวิญญาณแค้นลงไป 3 กรัม ด้วยวิธีการเดียวกัน ลูเซียนชั่งน้ำหนักผงกุหลาบแสงจันทร์ 10 กรัม
หลังจากนั้น เขาก็หันไปทางเนื้อเยื่อสมองผีดิบใต้น้ำ ลูเซียนใช้กริชหั่นออกอย่างระมัดระวัง
ราวกับว่าเนื้อเยื่อสมองผีดิบใต้น้ำยังมีชีวิตอยู่ จังหวะที่คมกริชของลูเซียนสัมผัสมัน เนื้อเยื่อสมองก็จะขยับตัว ราวกับว่ามีหนอนยั้วเยี้ยอยู่ข้างใน
ทั้งเย็นทั้งเหนียว ลูเซียนเกือบจะสำรอกออกมากตอนกำลังหั่นมัน ทันใดนั้น ภาพหลอนซอมบี้ใต้น้ำและวิญญาณแค้นดุร้ายนับไม่ถ้วนก็ปรากฏต่อหน้าลูเซียน ผิวและเนื้อของมันเน่าเฟะ ฟันของมันเต็มไปด้วยเลือด และกลิ่นศพยิ่งกว่าน่ารังเกียจ
ลูเซียนขมวดคิ้วตั้งสมาธิให้มั่น ตามโครงสร้างของเยื่อหุ้มสมอง เขาเพิ่งหั่นเนื้อสมองส่วนในออกมา
แล้วภาพหลอนก็หายไปทันตา เนื้อเยื่อสมองส่วนอื่นค่อยๆ สงบลง
หลังจากชั่งน้ำหนักเนื้อเยื่อสมอง ลูเซียนวางหม้อหนาสีดำกลางวงเวทเปลวไฟและเร่งไฟทีละนิดๆ จนกระทั่งสีของเปลวไฟกลายเป็นสีทองและสีขาว
ลูเซียนโยนเห็ดซากศพลงในหม้อและเติมน้ำลงไปเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ค่อยๆ คนส่วนผสมในหม้ออย่างระมัดระวัง
เห็ดในหม้อค่อยๆ ละลายอย่างแปลกประหลาด กลิ่นเหม็นถูกจำกัดอยู่ภายในวงเวท
เมื่อของเหลวข้นๆ สีดำในหม้อเริ่มแตกฟอง ลูเซียนค่อยๆ เติมผงวิญาณแค้นและผงกุหลาบแสงจันทร์ช้าๆ
ทันทีที่ส่วนผสมทั้งสามชนิดประสานรวมกัน ควันสีดำและสีเงินหนาลอยออกมา ดูเหมือนวิญญาณแค้นหลายตนกำลังสู้กันเอง เสียงร้องแหลมทิ่มแทงเข้ามาในหูของลูเซียน เสียงแหลมๆ ของมันทำให้เขารู้สึกคลื่นเหียน
ลูเซียนรู้ว่าเขาไม่สามารถเสียสมาธิในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ได้ ด้วยการควบคุมของพลังวิญญาณ เปลวไฟเปลี่ยนเป็นสีขาว
ควันสีดำและสีเงินเริ่มผสานเข้ากันซีดลงเหมือนสีผิวหนังของศพ
เมื่อเวลาผ่านไป ควันกลั่นตัวกลายเป็นหยดน้ำนองอยู่ในหม้อ จังหวะนั้นเอง ลูเซียนใส่เนื้อเยื่อสมองผีดิบใต้น้ำลงไปของเหลวในหม้อ
หยดน้ำในหม้อซึมเข้าในเนื้อเยื่อสมองสีดำจนเปียกโชกอย่างรวดเร็ว เนื้อเยื่อสมองหายวับไปภายในหนึ่งวินาที
จู่ๆ ทั้งห้องทดลองเวทมนตร์ก็เย็นและมืด แม้แต่เปลวไฟในวงเวทก็ดูเป็นสีเขียว
ทันใดนั้น ลูเซียนถูกจู่โจมด้วยคลื่นใต้เสียง จนต้องผงะถอยหลังไปหลายก้าวและเกือบจะหมดสติ อวัยวะภายในของเขาปั่นป่วน และหัวของเขามีเสียงหึ่งๆ ดังก้อง
ลูเซียนไม่คิดว่าจะเกิดสถานการณ์นี้ บันทึกของแม่มดไม่ได้พูดถึง
เขาเริ่มร่ายคาถา ‘เวทกำแพงกักเสียง’ กำแพงโปร่งแสงปรากฏขึ้นรอบๆ ตัวลูเซียนป้องกันเขาจากการโจมตีของคลื่นเสียง
ไม่กี่วินาทีต่อมา ลูเซียนก็ร่ายคาถา ‘เวทแสงสว่าง’
ดวงไฟแสงสว่างปรากฏขึ้นกลางอากาศ ด้วยแสงแสงสว่างดังกล่าว ลูเซียนเห็นใบหน้ามนุษย์ซีดเซียวมากมายในหม้อสีดำ!
ใบหน้าโปร่งแสงดูค่อนข้างพร่ามัว แต่ความเลวร้ายและชั่วร้ายปราฏให้เห็นชัดเจน พวกมันดิ้นรนอยู่ในวงเวทและพยายามเข้าสิ่งสู่ร่างลูเซียน
ท่ามกลางแสงสว่างรุนแรง ใบหน้าพวกนั้นค่อยๆ สลายไป เมื่อทุกอย่างกลับสู่ภาวะปกติ ลูเซียนก็เห็นของเหลวสีดำหลงเหลืออยู่ในหม้อที่มีกลิ่นไหม้รุนแรงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
‘สูตรน่าจะถูกต้อง แต่แม่มดน่าจะทิ้งคำอธิบายส่วนที่นางไม่ได้แปลไว้ อาจเป็นเพราะเนื้อเยื่อสมองอันนี้ได้มาจากผีดิบใต้น้ำกลายพันธุ์ ข้าเกือบตายแล้วไง’ ลูเซียนถอดถุงมือปาดเหงื่อบนหน้าผาก ‘ข้าต้องหาโอกาสเรียนภาษาจักรวรรดิเวทมนตร์โบราณ’
‘น้ำยาวิญญาณครวญ’ เป็นหนึ่งในความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่สุดของ ‘จักรวรรดิเวทมนตร์ซิลวานาส’ ยุคโบราณ ตามบันทึกของแม่มด มีนักเวทเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีสูตรนี้ การปรุงยาวิเศษต้องมีปริมาณวัสดุและสารประกอบเวทต่างๆ ที่แม่นยำ ความผิดพลาดเล็กน้อยอาจนำไปสู่ความล้มเหลว
โชคดี เนื้อเยื่อสมองของผีดิบใต้น้ำกลายพันธุ์ตัวนี้มีพลังวิญญาณมากกว่าผีดิบปกติไม่มาก ครั้งนี้ ลูเซียนตัดสินใจใช้เห็ดซากศพที่ดีที่สุดที่มี ลูเซียนทำตามขั้นตอนเดียวกันจนถึงขั้นตอนสุดท้ายอย่างราบรื่น
เมื่อลูเซียนโยนเนื้อเยื่อสมองผีดิบใต้น้ำอีกชิ้นลงไปในหม้อ เสียงกรีดร้องแหลมแสนขมขื่นก็ดังขึ้นมาออกมาอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้เสียงนั้นถูกกักโดยกำแพงโปร่งแสงได้ทั้งหมด จากนั้นเขาค่อยๆ เติมสารประกอบเวทอื่นๆ ทีละน้อยอย่างใจเย็น
ทันใดนั้น เปลวไฟสีขาวก็ลุกพรึบคลุมทั่วหม้อทั้งใบ จากนั้นเปลวไฟใหญ่ที่หายวับไปในวินาทีถัดไป
ของเหลวสีดำมีฟองผุดเหลืออยู่ในหม้อ แต่ละฟอง มีใบหน้าที่น่าสยดสยองและชั่วร้ายกำลังร้องไห้และกรีดร้อง
นั่นเป็นสาเหตุที่ยาวิเศษชนิดนี้เรียกว่า ‘วิญญาณครวญ’
ลูเซียนใช้เวท ‘หัตถ์ผู้วิเศษ’ เทของเหลวสีดำลงในหลอดแก้ว
เมื่อสังเกตอย่างระมัดระวัง ลูเซียนมั่นใจว่ายาวิเศษนี้ถูกต้องตามกระบวนการแล้ว ลูเซียนกัดริมฝีปากอยู่ชั่วอึดใจและดื่มของเหลวสีดำหมดในครั้งเดียว
เขาไม่มีเวลามากพอที่จะทดสอบคุณสมบัติของยาวิเศษ เขาจำเป็นต้องเสี่ยง
รสชาติของยาวิเศษนั้นไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น แต่เนื้อสัมผัสมันค่อนข้างแปลก
ในไม่ช้า ลูเซียนก็รู้สึกเจ็บปวดทรมานไปทั่วทั้งตัว ราวกับว่ายาวิเศษกำลังฉีกร่างกายเขาเป็นชิ้นๆ
ลูเซียนได้ยินเสียงร้องครวญมากมาย แต่เขาไม่รู้ว่าเป็นเสียงร้องจริงๆ หรือหลอนไปเองกันแน่
เขาคุดคู้ลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวด จากนั้นก็ล้มตัวลงนอนกลิ้งไปมา ลูเซียนคว้าผ้าผืนหนึ่งยัดเข้าไปในปาก เผื่อเขารู้สึกว่าต้องร้องออกมา
แม้ลูเซียนคิดว่าเขาแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป เพราะบริหารร่างกายเป็นประจำ แต่ตอนนี้เมื่อต้องเผชิญกับความเจ็บปวด เขาเริ่มไม่แน่ใจว่าเขาจะสามารถปลุกพลังศักยภาพแฝงในกายได้จริงๆ หรือไม่
เลือดของเขาเดือดปุดๆ และเส้นเลือดก็บวมเป่ง ลูเซียนรู้สึกว่าร่างกายของเขากำลังจะระเบิด ผิวทั้งตัวเต็มไปด้วยเส้นเลือดสีน้ำเงินและสีเขียวเส้นหนา ซึ่งมันดูน่าขนลุกมาก
เลือดไหลออกมาจากร่างของลูเซียนเหมือนไอสีแดง จากนั้นก็ไหลกลับเข้าสู่ร่างของเขาอีกที ด้วยสติสัมปชัญญะที่เลือนราง ลูเซียนรับรู้ถึงพลังที่เย็นเยียบและมืดมิดกำลังค่อยๆ เข้าครอบงำเขา ตอนนั้นเอง แสงสว่างไสวก็ทอแสงออกมาจากดาวหลักประจำตัวลูเซียนในสภาวะวิญญาณเชื่อมต่อกับดาวหลักจริงๆ บนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ซึ่งปรากฏตรงหน้าลูเซียน พลังดวงดาวเริ่มเข้าเคลื่อนย้ายเข้าสู่เส้นเลือดของลูเซียน ซึ่งกำลังต่อสู้กับความเจ็บปวดและพยายามขับไล่พลังแห่งความมืดออกไป
ลูเซียนหวังว่าพลังแห่งดวงดาวจะเป็นชนะในกายของเขา เขาไม่ต้องการถูกครอบงำจากพลังชั่วร้ายมากไปกว่านี้ ซึ่งอาจทำให้เขาเกิดปัญหาและเป็นอันตรายในอนาคต
แต่น่าเสียดายที่พลังแห่งความตายจากน้ำยา ‘วิญญาณครวญ’ ยังคงแข็งแกร่ง ตอนที่ลูเซียนเกือบตายจากการปะทะกันของพลังทั้งสอง เลือดในกายของเขาไหลเวียนช้าลง
……………………………………….