ในขณะที่วิกตอร์ ไรน์ และล็อตต์ กำลังคุยกันเรื่องคฤหาสน์ของครอบครัวเฟลิเซีย ลูเซียนก็มองทิวทัศน์ด้านนอกผ่านหน้าต่างของรถม้า
“เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า ลูเซียน? เจ้าไม่สนใจไวน์เบิร์นที่ผลิตเฉพาะที่คฤหาสน์ของตระกูลเฮย์นหรอกหรือ?” ไรน์ยิ้มให้ลูเซียนและเอ่ยถาม หลังเห็นเขานั่งเงียบมานาน
ไวน์ที่มีชื่อว่า ‘เบิร์น’ มีชื่อเสียงมากในเมืองอัลโต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งองุ่นซึ่งปลูกในที่ดินของคฤหาสน์นั้นเป็นองุ่นชั้นดี แขกที่ได้รับเชิญมายังคฤหาสน์เท่านั้นถึงจะมีโอกาสได้ลิ้มรสไวน์
“ข้าสบายดีขอรับ ไรน์ จริงๆ แล้ว ข้ากังวลนิดหน่อย เพราะข้าเต้นรำไม่เป็นเลย มัน… น่าอายชะมัด” ลูเซียนหาข้ออ้างเพื่อปกปิดเรื่องที่เขาหนักใจอยู่
“ข้าสอนเจ้าได้นะ ถึงแม้เจ้าจะไม่ใช่สตรีก็เถอะ” ไรน์พูดตลก “เจ้าสมมุติว่าข้าเป็นสาวสวยก็ได้”
ลูเซียนยิ้มเจื่อนๆ
“ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอก ลูเซียน” วิกเตอร์ปลอบเขา “พวกเราทุกคนรู้จักพื้นเพเจ้าดี ไม่มีใครจงใจเชิญเจ้าออกไปเต้นรำเพื่อที่จะทำให้เจ้าขายหน้าหรอก แต่ถ้าเจ้าอยากหัดเต้น ข้ามั่นใจว่ามีหญิงงามมากมายเต็มใจสอนเจ้า”
ลูเซียนค่อยๆ ผ่อนคลายเพราะบรรยากาศอันรื่นรมย์นี้ เขารู้ว่าถึงกังวลไปก็ไม่ช่วยให้แผนการคืนนี้สำเร็จได้
สักพักรถม้าก็วิ่งออกจากตัวเมืองและผ่านแม่น้ำเบเล็ม มุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศเหนือของป่าดำเมลเซอร์
คฤหาสน์ของตระกูลเฮย์นนั้นโอ่อ่า ทุกสิ่งทุกอย่างในคฤหาสน์ดูหรูหราเนื่องจากตัวคฤหาสน์สร้างจากหินแกรนิตคุณภาพดี
เฟลิเซียสวมชุดราตรีสีแดงเพลิงรออยู่ที่ห้องโถง มีข้ารับใช้ยืนอยู่ข้างหลังสองแถว แสงสีเหลืองจากคบเพลิงหกอันทำให้ค่ำคืน ณ เวลาสิบเก้านาฬิกา สว่างไสว
“สวัสดีเจ้าค่ะ ท่านวิกเตอร์ ไรน์ สวัสดี ลูเซียน ล็อตต์” เฟลิเซียต้อนรับพวกเขา คืนนี้นางเป็นเจ้าภาพ พ่อแม่ของนางไม่ได้มาร่วมงานด้วย
สตรีชั้นสูงทุกคนต้องจัดงานเต้นรำของตนเอง
“คืนนี้เจ้างดงามมาก เฟลิเซีย” วิกเตอร์กอดเฟลิเซียหลวมๆ แล้วยิ้ม
ชุดสีแดงช่วยขับให้ดวงตาสีแดงและผิวขาวนั้นงดงามยิ่งขึ้น
เฟลิเซียแสดงความขอบคุณอาจารย์อย่างสตรีสูงศักดิ์ จากนั้นนางก็ไปต้อนรับแขกอื่นๆ ซึ่งไม่ได้มีเพียงเพื่อนร่วมชั้นเรียนดนตรีเท่านั้น แต่รวมถึงเพื่อนซึ่งมียศถาบรรดาศักดิ์ด้วยเช่นกัน
ลูเซียนเดินตามวิกเตอร์และไรน์เข้าไปในห้องโถง ซึ่งสามารถจุคนได้มากกว่าหนึ่งร้อยคน
โต๊ะอาหารตัวยาววางอยู่ที่มุมห้อง มีไวน์ สลัดและพายหลากหลายชนิด มีไส้กรอก เนื้อวัว ไก่ เป็ด ขนมปังชั้นดี ผลไม้ และขนมหน้าตาน่ารับประทานที่ลูเซียนไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อ
วงดนตรีที่ได้รับเชิญกำลังบรรเลงเพลงไพเราะ ทำให้ค่ำคืนนี้ช่างน่าอภิรมย์
ลูเซียนหยิบจานบนโต๊ะ ตักอาหารใส่จนเต็ม แล้วไปกินเงียบๆ อยู่ที่มุมห้อง เขารอให้เฟลิเซียประกาศเริ่มการเต้นรำ
“ขอขอบคุณทุกท่านที่มาในค่ำคืนนี้ ข้าและครอบครัวตระกูลเฮย์นรู้สึกยินดียิ่งนัก!” เฟลิเซียกล่าวแก่แขกทุกคนอย่างมารยาทดี “เอาละ มาเต้นรำให้สนุกกันเถอะ!”
ขณะที่เฟลิเซียพูด ห้องโถงก็สลัวลงเล็กน้อย และวงดนตรีก็เปลี่ยนเพลงที่บรรเลง
พวกผู้ชายเดินไปหาหญิงสาว และเริ่มเต้นรำแบบที่เรียกว่า ‘การเต้นลมวน’ จากซึ่งเริ่มมาจากพระราชวังเทรีย ในขณะที่การเต้นลมวนตัวนั้นเป็นที่นิยมในกลุ่มหนุ่มสาวชั้นสูง แต่สำหรับพวกอาวุโสหัวอนุรักษ์นิยมกลับประณามว่าเป็นการเต้นรำที่ ‘ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง’ และ ‘ผิดทำนองคลองธรรม’ เพราะการเต้นแบบหมุนตัวแบบนี้ทำให้ต้องใกล้ชิดกัน
“ลูเซียน เจ้ายังกินอยู่อีกหรือ? นี่งานเต้นรำนะ!” หลังจากเต้นรำเปิดงานกับวิกเตอร์แล้ว เฟลิเซียก็มาเจอลูเซียนกินอาหารอยู่ที่ข้างโต๊ะมุมห้อง
ลูเซียนวางจานแล้วยักไหล่ “ข้าเต้นลมวนไม่เป็นนี่ เฟลิเซีย”
หลังจากปลุกพลังแฝง ลูเซียนรู้สึกหิวอยู่บ่อยๆ นอกจากนี้ คืนนี้เขามีงานยากรออยู่
“ข้าสอนเจ้าได้นะ ลูเซียน” เฟลิเซียบอกอย่างจริงใจ “การเต้นรำ การชอบดนตรี และการล่าสัตว์ เป็นสิ่งสำคัญในการเข้าสังคม ถ้าเจ้าอยากเข้ากับพวกคนชั้นสูงได้ เจ้าต้องเต้นรำเป็น”
“ไม่รู้สิ… ข้าไม่ได้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้” ลูเซียนประหม่าเล็กน้อย เขาไม่อยากทำอะไรแปลกๆ ในงานเต้นรำ เขายื่นมือขอเฟลิเซียเต้นรำอย่างงุ่มง่าม
“ดีแล้ว” เฟลิเซียวางมือบนมือลูเซียน “อย่ากังวล ครั้งแรกไม่สมบูรณ์แบบหรอก”
ลูเซียนใช้มืออีกข้างแตะเอวเฟลิเซียเบาๆ แล้วเริ่มเต้นรำโดยมีนางคอยสอน ลูเซียนพยายามรักษาระยะห่างจากเฟลิเซีย
หลายนาทีต่อมา เฟลิเซียมองลูเซียนอย่างรู้สึกทึ่ง “เจ้าเต้นได้ดีมาก… แต่แค่ตัวแข็งไปหน่อย นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าหัดเต้นลมวนหรือ?”
“ไม่… ก็ไม่เชิง” ลูเซียนบอกเฟลิเซียเรื่องพลังแฝงจาก ‘พร’ ไม่ได้ เขาหาข้อแก้ตัวอย่างรวดเร็ว “องค์หญิงสอนข้ามานิดหน่อยน่ะ”
“มิน่าล่ะ คิดๆดูแล้ว องค์หญิงเป็นถึงมหาอัศวิน พระองค์ก็ต้องเป็นครูสอนเต้นที่เก่งด้วย” เฟลิเซียพยักหน้า จากนั้นก็หัวเราะคิกคัก “องค์หญิงสูงกว่าเจ้าตั้งครึ่งหัวแน่ะ แถมยังเป็นอัศวินยอดฝีมือ ตอนที่เจ้าเต้นกับพระองค์ เจ้าคง ดูเป็นผู้หญิงมากกว่าเสียอีก”
เฟลิเซียรู้เรื่องซุบซิบเกี่ยวกับเจ้าหญิงอยู่บ้าง แต่ถึงอย่างไร นาตาซาก็ไม่เคยปกปิดตัวตนต่อหน้าผู้คน
ลูเซียนเงียบไปพักหนึ่ง แล้วความคิดก็ผุดขึ้นในหัว
ทันใดนั้น ลูเซียนเสียหลักแล้วล้มลง เขาอ้าปากค้างด้วยความเจ็บปวด
“เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?” เฟลิเซียถามอย่างกังวล “เรียกหมอไหม?”
ลูเซียนส่ายศีรษะ “ข้าเจ็บข้อเท้า ท่านช่วยให้คนพาข้าไปที่ห้องพักแขกหน่อยได้ไหม? ข้าอยากพักหน่อย”
เฟลิเซียพยักหน้าและเรียกข้ารับใช้มาพยุงลูเซียนไปยังห้องพักแขกบนชั้นสาม
…
ห้องพักแขกสะอาดเรียบร้อย ผ้าห่มบนเตียงทั้งเบาและนุ่ม
ลูเซียนนั่งลงบนเตียง เขาหยิบจดหมายออกมาแล้วเขียนข้อความลงไป
“ข้าต้องการลูกแก้ว”
เกือบยี่สิบนาฬิกาแล้ว ข้างนอกมืดสนิท
เมื่อลูเซียนเปิดหน้าต่าง เสียงดนตรีอันรื่นเริงก็ลอยเข้ามา ลูกแก้วเล็กๆ สีดำลูกหนึ่งก็ถูกขว้างเข้ามาพร้อมกับเสียงดนตรีนั้น
ลูเซียนคว้าลูกแก้วอย่างว่องไว
คราวนี้ แทนที่จะทำลายมัน เขากลับมองเข้าไปข้างในแทน หลังม่านควันหนาในนั้น เขาเห็นบ้านไม้หลังเดิม
โชคดีที่พวกคนร้ายยังอยู่ที่เดิม
ลูเซียนเก็บลูกแก้วลงกระเป๋า แล้วตอบผ่านทางจดหมาย “พรุ่งนี้เช้า เจอจอห์นเมื่อไหร่ ข้าจะเกลี้ยกล่อมเขาเอง”
“ขอบใจที่ให้ความร่วมมือ” จดหมายตอบอย่างเยือกเย็น
ลูเซียนพับจดหมายเก็บใส่กระเป๋าชุดสูทสีดำของเขา แล้วแขวนสูทบนราว
ชั่วโมงต่อมา มีคนมาเยี่ยมลูเซียน นั่นก็คือวิกเตอร์ ไรน์ และพวกคนหนุ่มสาวชนชั้นสูงที่ลูเซียนไม่รู้จัก อีเว็ตต์ดูผิดหวังเล็กน้อยเมื่อนางไปเยี่ยมลูเซียนและเห็นว่าเขาทำอะไรไม่ได้เลย
หลังสามทุ่มครึ่ง ในที่สุดห้องพักแขกก็เงียบสงบเสียที ลูเซียนลั่นดาลประตูจากด้านใน เป่าเทียนให้ดับแล้วนอนนิ่งๆ ในความมืด
ครู่ต่อมา เขาลุกไปรินน้ำใส่แก้วพลางแอบหย่อนไพลินหนึ่งเม็ดที่ได้จากคามิลลงไปในแก้วน้ำ
“เจ้ามีข้อมูลอะไรหรือ ลูเซียน?” เสียงของคามิลดังขึ้นในหัว
ลูเซียนตอบคามิลในใจ “ทิศตะวันออกเฉียงใต้ของป่าดำเมลเซอร์ ใกล้ภูเขาลูเบค” จากนั้นเขาทำแก้วตกลงพื้นแสร้งว่าเป็นอุบัติเหตุ
ทิศทางนั้นตรงข้ามกับความเป็นจริงอย่างสิ้นเชิง และอยู่ไกลจากบ้านไม้หลังนั้นมาก ถึงแม้คามิลจะไปค้นหาจนทั่วบริเวณ นางก็หาบ้านไม่หลังนั้นไม่เจอ
ลูเซียนสบถเล็กน้อยแล้วเดินกลับไปที่เตียง เขาซุกไพลินที่เหลืออีกสองเม็ดไว้ใต้หมอนแล้วดึงผ่าห่มผืนใหญ่นุ่มมาคลุมตัว
งานเต้นรำยังคงดำเนินต่อไป เสียงจากงานทำให้ค่ำคืนนี้เงียบงันกว่าเดิม
มีเสียงสุนัขเห่าหอนมาจากที่ไกลๆ
ดวงจันทร์สีเงินลอยเด่น แสงจันทร์ส่องเข้ามาในห้อง ท่ามกลางแสงจันทร์นั้นเอง ผ้าห่มที่คลุมตัวลูเซียนอยู่ม้วนเล็กน้อย
ลูเซียนแอบออกไปทางหน้าต่างที่เขาจงใจเปิดทิ้งไว้
ด้วยการมองเห็นที่คมชัด ลูเซียนเห็นร่างดำๆ แอบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ไม่ไกลจากคฤหาสน์ เขาปีนกำแพงของคฤหาสน์ซึ่งอยู่คนละทางแล้ววิ่งเข้าไปในป่าหลังกำแพงนั้น
เมื่ออยู่ในป่า เขานำชุดคลุมนักเวทสีดำที่เตรียมเอาไว้ออกมาสวม แล้วมุ่งหน้าไปยังหุบเหวลาร์นาคา
……………………………………….