“ท่านเจอลุงโจเอล ป้าอะลิซ่า กับไอเวินไหม? พวกเขาปลอดภัยหรือเปล่า? ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน?” หลังจากหายตกใจที่เห็นเจ้าหญิงมาโผล่ที่หน้าต่าง ลูเซียนถามอย่างกระตือรือร้นจนลืมแสดงความเคารพอย่างเหมาะสม
ใครก็ตามที่เป็นห่วงครอบครัวของตัวเองคงมีปฏิกิริยาแบบนี้ และลูเซียนถือว่าทั้งสามคนเป็นญาติสนิทที่สุดในโลกใบนี้
แม้ว่าเขาจะสังหารแจนสันและอัศวินฝึกหัดของพวกนอกรีตในคุกใต้ดินแล้ว ลูเซียนก็เฝ้ารอคำยืนยันจากเจ้าหญิง การต่อสู้ในคืนนี้ดุเดือดมากจนคนธรรมดาอย่างโจเอล อะลิซ่า และไอเวิน อาจตกเป็นเหยื่อผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่จากเวทมนตร์ที่ทรงพลังเอาได้ง่ายๆ
“คือ… ข้ารบอยู่แนวหน้า ลูเซียน” นาตาซารู้สึกละอายใจขึ้นมา “ขอโทษด้วย ข้าน่าจะใส่ใจครอบครัวเจ้ามากกว่านี้… แต่ไม่ต้องห่วง ลูเซียน ข้าคุยกับอัศวินที่รับผิดชอบการช่วยตัวประกันแล้ว พวกเขาปลอดภัยดี”
“ขอบพระทัยพะยะค่ะ ฝ่าบาท” รอยยิ้มที่ออกมาจากใจปรากฏบนหน้าลูเซียน เนื่องจากแผนทั้งหมดของเขาเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย ความผิดพลาดเพียงนิดเดียวอาจทำให้คนที่เขาเป็นห่วงมากที่สุดในโลกนี้ถูกฆ่า “แล้วตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหนพะยะค่ะ? เมื่อไรกระหม่อมจะได้เจอพวกเขา?” ลูเซียนถามย้ำอีกครั้ง
“ตอนนี้ พวกเขาอยู่ที่ ‘มหาวิหารกลาง’ เพราะถูกทรมานทั้งร่างกายและจิตใจอย่างหนัก” คามิลตอบ “บาทหลวงที่มหาวิหารจะดูแลพวกเขาเอง และจะมีการสอบปากคำในภายหลัง”
“แต่พวกเขาเป็นผู้บริสุทธิ์! พวกเขาเป็นแค่คนธรรมดา…” ลูเซียนรู้สึกตัวสั่นเมื่อคิดถึงการสอบปากคำที่เขาเคยได้รับ หรือถ้าจะพูดให้ถูก การสอบปากคำที่เจ้าของร่างกายนี้เคยได้รับจากศาสนจักร
“ข้ารู้ว่าเจ้ากังวลเรื่องอะไร ลูเซียน” นาตาซาปลอบใจเขา “ครั้งก่อน เจ้าถูกเข้าใจผิดจนตกเป็นผู้ต้องสงสัย แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน ‘ศาสนจักร’ เพียงแค่ต้องการสอบถามพวกเขาเกี่ยวกับทหารเฝ้าคุกใต้ดินของ ‘อาร์เจนต์ ฮอร์น’ เท่านั้น ไม่มีอย่างอื่น”
แล้วนาตาซาก็พูดกับท่านหญิงคามิล “พลังของอัศวินอาภาน่าประทับใจมาก การโจมตีฉับพลันที่ท่านป้าจู่โจมนักบวชหลวงทรงอานุภาพน่าดู แม้แต่คนธรรมดาในคุกใต้ดินก็พลอยหมดสติไปด้วย เมื่อไรข้าจะได้เป็นอัศวินอาภากับเขาสักที”
“ฝ่าบาท… แล้ว ‘อาร์เจนต์ ฮอร์น’ คืออะไรพะยะค่ะ?” ลูเซียนแสร้งถามอย่างมีวัตถุประสงค์
“อาร์เจนต์ ฮอร์น คือพวกที่ลักพาตัวลุงของเจ้ากับครอบครัวไป พวกมันเป็นสาวกบูชาปีศาจ พวกมันเรียกตัวเองว่า ‘อาร์เจนต์ ฮอร์น’” นาตาซาอธิบาย “วิญญาณของพวกมันถูกความมืดเข้าครอบงำ ตอนที่เราพยายามจะจับเป็นพวกสาวกนอกรีตพวกนี้ พวกมันกลับตะโกนว่า ‘คืนสู่ความเงียบอันนิรันดร์’ และระเบิดตัวเองตาย”
เมื่อเล่าถึงเรื่องนี้ หัวใจของนาตาซายังคงเต้นแรง แม้ว่านางเหลืออีกเพียงขั้นเดียวก็จะได้กลายเป็น ‘อัศวินอาภา’ และผ่านการต่อสู้มามากมาย แต่ภาพสยดสยองที่พวกสาวกนอกรีตระเบิดตัวเองต่อหน้าต่อตานางยังคงค้างอยู่ในความคิด
“พวกนอกรีตทุกคน… ฆ่าตัวตายหมดเลยหรือพะยะค่ะ?” ลูเซียนหวังว่าพวกนอกรีตจะตายกันหมด ศาสนจักรกับเจ้าหญิงจะได้ไม่มีทางรู้ว่าแท้จริงแล้วเขาใช้วิธีไหนปลุก ‘พร’
“พวกนอกรีตส่วนใหญ่ตายหมด ส่วนตัวหัวหน้าพวกมันก็หนีไปได้” นาตาซาเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยและพูดอย่างภาคภูมิใจ “แต่ข้าจับเป็นนักบวชมาได้รูปหนึ่ง เราเค้นมาได้มาว่า ‘มือขวา’ ของปีศาจร้ายถูกผนึกไว้ในโบราณสถานร้างแห่งนี้ แต่มันถูกพวกนอกรีตพาหนีไปได้”
เมื่อได้ยินว่ามีสาวกนอกรีตถูกจับได้ หัวใจของลูเซียนแทบจะหยุดเต้น เขารีบสงบสติลงและถามว่า “ได้ข้อมูลอะไรอีกไหมพะยะค่ะ? กระหม่อมเกรงว่าพวกมันกำลังวางแผนทำร้ายพระองค์กับท่านแกรนด์ดยุก”
“ใช่ พวกมันกำลังวางแผนก่อการครั้งใหญ่” นาตาซาลูบคางอย่างครุ่นคิด “แต่มีเฉพาะนักบวชชั้นสูงเท่านั้นที่รู้แผนการ”
“เราจะสอบถามจากเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับของเรา ข้ามั่นใจว่าเราจะได้ข้อมูลเพิ่ม” คามิลพูดเสริมน้ำเสียงจริงจัง
“ขอรับ… อย่างนั้นตอนนี้ ข้าก็ปลอดภัยแล้วใช่ไหม?” ลูเซียนถามไปทั้งๆ ที่รู้คำตอบดีอยู่แล้ว เขารู้สึกว่าเขาเป็นนักแสดงที่ตีบทแตกพอตัว
“แม้ว่าเรายังไม่เจอตัวคนที่เฝ้าสอดแนมเจ้า แต่ข้ามั่นใจว่าเจ้าปลอดภัยแล้วในตอนนี้ พวกนอกรีตพ่ายแพ้ย่อยยับในคืนนี้ พวกมันคงสาละวนกับการหนีเอาตัวรอด”
ลูเซียนพยักหน้าและมีสีหน้าผ่อนคลาย
“ขอบใจเจ้ามาก ลูเซียน ข้อมูลของเจ้าช่วยเราได้มากครั้งนี้” นาตาซาพูดอย่างจริงใจ
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งพะยะค่ะ” ลูเซียนค้อมศีรษะลงตอบอย่างสุภาพ
ตอนนั้นเอง สีหน้าของคามิลดูหมองและขมวดคิ้วเคร่งเครียด ทำให้นางดูเคร่งเครียดมากกว่าปกติ
“มีอะไรหรือท่านป้า?”
“วิสเคานต์ สจวร์ต ฆ่าตัวตายก่อนที่คนของเราจะไปถึง ฝ่าบาท” คามิลตอบเสียงแผ่วเบา
วิสเคานต์ สจวร์ต เป็นผู้ดูแล ‘หน่วยสืบราชการลับ’ ของราชรัฐ และเป็นถึงขั้นอัศวินหลวงด้วย
นาตาซาโบกมือขวา เกราะแขนของนางส่งเสียงโลหะเสียดสีเอี๊ยดอ๊าด “ตัวการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังสจวร์ต.. ทำไมสจวร์ตถึงหักหลังเรา? ทำไมเขาถึงยอมเป็นศัตรูกับศาสนจักร?”
“เราควรไปได้แล้ว ฝ่าบาท” คามิลเตือนสตินาง
“อ้าวหรือ… ข้าเพิ่งรู้ตัวนะเนี่ยว่ายังยืนอยู่บนขอบหน้าต่าง ข้าต้องไปแล้ว ลูเซียน” นาตาซาพยักหน้าให้เขา “เรื่องมันซับซ้อนกว่าที่เจ้าคิด ข้าจะแจ้งกับ ‘ศาสนจักร’ ว่าเจ้าปลุก ‘พร’ จากความช่วยเหลือของข้า”
ว่าแล้วนางก็หยุดและพูดกับลูเซียน “ข้าต้องขอโทษด้วยนะที่ไม่อาจมอบตำแหน่งอัศวินและเลื่อนสถานะให้เจ้าได้ เพราะตามกฎมณเฑียรบาล เจ้ายังไม่แข็งแกร่งเท่ากับอัศวิน นอกจากนี้ การเลื่อนชั้นให้เจ้าเป็นอัศวินในตอนนี้จะยิ่งทำให้เจ้าตกอยู่ในอันตราย ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจ”
“กระหม่อมเข้าใจดี ฝ่าบาท” ลูเซียนตอบ “ความไว้ใจของฝ่าบาทเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับกระหม่อม ครอบครัวของกระหม่อมปลอดภัยแล้ว กระหม่อมไม่ต้องการอะไรอีกแล้วพะยะค่ะ”
“ข้าจะให้รางวัลเจ้าเป็นคฤหาสน์สักหลังในภายหลัง แต่ต้องเว้นไปหลายเดือนหน่อย ข้าขอสัญญา” นาตาซาเอ่ย
“คฤหาสน์? ฝ่าบาท มัน… มันมากเกินไปพะยะค่ะ” ลูเซียนปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด เขารู้ดีว่าอีกไม่นานก็ต้องออกจากนครอัลโต้อยู่ดี สำหรับเขา เงินมีประโยชน์มากกว่าคฤหาสน์
นาตาซาโบกมือปัดและย้ำคำเดิม “ราชวงศ์ไวโอเล็ตไม่เคยติดค้างหนี้บุญคุณ นี่เป็นธรรมเนียมของเรา ว่าแต่ว่า เจ้าประมาณตำแหน่งของพวกมันได้อย่างไร ลูเซียน?”
“กระหม่อมเห็น ‘นกติ๊ดหางยาว’ พันธุ์หายากในลูกแก้วฉายภาพ” ลูเซียนเตรียมตัวไว้แล้วสำหรับคำถามนี้ เลยโกหกได้โดยไม่ลังเล “ตอนที่กระหม่อมยากไร้จนต้องหาของป่าประทังชีวิต กระหม่อมเข้าไปในป่าดำบ่อยๆ เพื่อหาเห็ดป่า กระหม่อมเห็นนกชนิดนี้หลายครั้ง ทั่วทั้งอัลโต้ นกพวกนี้จะอยู่แถวๆ ‘ป่าดำเมลเซอร์’ และ ‘ภูเขาลูเบค’ เท่านั้น”
“น่าสนใจ ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย” นาตาซาพยักหน้า “นอกจากคฤหาสน์ เจ้าควรได้รับดาบอัศวินสักเล่ม ข้าจะหามาให้ ลูเซียน”
“ขอบพระทัยพะยะค่ะ ฝ่าบาท” ลูเซียนค้อมศีรษะให้เจ้าหญิง
นาตาซาก้าวถอยหลังไปลอยตัวกลางอากาศ แม้นางจะยังไม่ใช่อัศวินอาภา แต่ ‘เกราะโลหิตมังกร’ ก็ช่วยให้นางเหาะเหินเดินอากาศได้
“อย่าลืมออกไปเดินเล่มชมจันทร์ละ ลูเซียน” นาตาซาหัวเราะและลอยตัวจากไปพร้อมกับคามิล
หลังจากเห็นทั้งคู่จากไป ลูเซียนถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก เขาก็รู้สึกหมดเรี่ยวหมดแรงในทันทีนั้นเอง
……………………………………….