เมื่อเรียนจบคาบ วิกเตอร์บอกกับบรรดาลูกศิษย์ “ข้ารู้ว่าพวกเจ้าหลายคนทำงานหนัก บางคนเรียนกลวิธีแคนอนด้วยตัวเองมานาน ข้าอยากเห็นพวกเจ้าทุกคนลองแต่งแคนอนสักเพลง เพื่อแสดงให้เห็นว่าเข้าใจกลวิธีการประพันธ์เพลงแบบนี้จริงๆ”
ขณะที่ลูกศิษย์คนอื่นๆ ตื่นเต้นกับงานนี้ ลูเซียนยังคงนิ่งเงียบอยู่กับความคิดตัวเอง กระนั้น วิกเตอร์ก็พูดกับลูเซียน “ลูเซียน แม้เจ้าจะมีพรสวรรค์สูง อย่าประเมินแคนอนต่ำเกินไป ดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ แต่เพลงแนวแคนอนยังเป็นงานชิ้นเอกสืบทอดมาหลายต่อหลายรุ่น เช่น แคนอนดีเมเจอร์ ของท่านเฮอร์ซีย์ และการฝึกแคนอนยังเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับลูกศิษย์อย่างเจ้าที่ไม่มีพื้นฐานดนตรีแข็งแรงมากนัก”
วิกเตอร์มักใส่ใจกับการให้ ‘คำเตือน’ ที่เหมาะสมกับลูเซียน นักดนตรีอัจฉริยะหนุ่ม ไม่ให้ทำเรื่องโง่เขลาที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในเหล่านักดนตรีที่โด่งดังตั้งแต่อายุยังน้อย และโชคร้ายที่ส่วนใหญ่ลงเอยด้วยการสูญเสียพรสวรรค์และชื่อเสียงอย่างรวดเร็ว
กว่าลูเซียนจะรวบรวมสติกลับมาได้ก็ตอนที่วิกเตอร์เริ่มพูดกับเขา เขาพยักหน้าและอธิบาย “ขอบคุณขอรับ อาจารย์วิกเตอร์ ข้าเข้าใจความสำคัญของพื้นฐานดนตรีที่แข็งแรงดี ข้าจะทุ่มเทสร้างเพลงแคนอนของตัวเองแน่นอน”
“ดี แล้วเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ละ?” วิกเตอร์ถาม
“ตอนที่ท่านแนะนำ ‘แคนอน ดีเมเจอร์’ ของท่านเฮอร์ซีย์ ข้ากำลังคิดว่าข้าอาจประพันธ์เพลงคลาสสิกเพลงนี้ขึ้นใหม่ ให้เป็นเปียโนคอนแชร์โต้ เปียโนคอนแชร์โต้ฉบับแคนอน ดีเมเจอร์ น่าจะมีเอกลักษณ์โดดเด่นดีขอรับ”
“ความคิดน่าสนใจดี ลูเซียน” วิกเตอร์ลูบคางใช้ความคิด “ส่วนที่ยากก็คืองานของท่านเฮอร์ซีย์ประพันธ์ด้วยห้องเพลงที่สั้นมาก การเปลี่ยนโครงสร้างที่ซับซ้อนภายในห้องเพลงทั้งหมดน่าจะยาก”
“อาจารย์คิดว่าเป็นไปได้ไหมขอรับ?” ลูเซียนถามด้วยความคาดหวัง
“อืม… เพลงแคนอน ดีเมเจอร์ เคยถูกประพันธ์ใหม่เป็นรูปแบบอื่นๆ แล้ว ข้าคิดว่าเปียโนคอนแชร์โต้น่าจะเป็นอีกฉบับหนึ่งที่น่าสนใจ” วิกเตอร์ยิ้มและสนับสนุนความคิดของลูเซียน
หลังจากจบคาบเรียน เมื่อลูกศิษย์ทุกคนมุ่งหน้าไปห้องซ้อมดนตรี เฟลิเซียเข้ามาคุยกับลูเซียนและถามเขาเสียงเบาๆ ด้วยความคาดหวัง “เจ้าจะเล่นเปียโนคอนแชร์โต้ฉบับแคนอน ดีเมเจอร์ ในงานวันเกิดข้าเดือนหน้าได้ไหม?”
‘แคนอน’ ไม่ใช่กลวิธีที่ยุ่งยากหรือซับซ้อนอะไรมากนัก นางคิดว่าลูเซียนคงใช้เวลาไม่นานในการแต่งเพลง
ลูเซียนเกิดแรงบันดาลใจขึ้นมาทันที เขายิ้ม “เฟลิเซีย ข้าไม่มีวันลืมความช่วยเหลือจากเจ้า ข้าจะเล่นเปียโนในงานวันเกิดเจ้า แต่คงยังไม่ใช่แคนอน ข้าจะแต่งเพลง ‘เซเรเนด’ ให้เจ้า”
“จริงหรือ!” เฟลิเซียแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ที่ปรึกษาดนตรีส่วนพระองค์เจ้าหญิงจะแต่งเพลงเซเรเนดให้นางเป็นการเฉพาะ อยู่เหนือความคาดหวังของนางมาก
“จริงสิ แต่อาจไม่ใช่เพลงที่สมบูรณ์นักนะ เพราะเรามีเวลาจำกัด อาจเป็นเพลงสั้นๆ เท่านั้น”
“วิเศษเลย ลูเซียน!” เฟลิเซียตื่นเต้นแต่ก็รู้สึกกังวลอยู่ “แต่เจ้ามีเวลาแค่เดือนเดียว… ถ้าเพลงออกมาไม่ดี มันอาจทำลายชื่อเสียงเจ้านะ”
แม้การแต่งเพลงสั้นๆ ภายในหนึ่งเดือนไม่ใช่เรื่องเกินความสามารถ แต่เฟลิเซียก็ยังรู้สึกห่วงลูเซียน เนื่องจากลูเซียนตกเป็นเป้าสายตา ตั้งแต่หลังจบมหรสพดนตรีของวิกเตอร์มาตลอด หลายๆ คนที่อิจฉาความสมารถของเขาจะมองเขาด้วยสายตาสัตว์ป่าดุร้ายยามวิกาล เฝ้ารอจังหวะที่จะโจมตีและสั่งสอนบทเรียนกับนักดนตรีหนุ่มคนนี้
“เพลงเซเรเนดสักเพลงไม่น่าเป็นปัญหา” ลูเซียนดูค่อนข้างมั่นใจ ความมั่นใจของลูเซียนมาจากความจริงที่ว่าเขาเจอเพลงเซเรเนดคลาสสิกชั้นครูใน ‘ห้องสมุดห้วงจิต’ ที่ยังไม่ซ้ำกับงานเพลงๆ ใดในโลกใบนี้
เพื่อเลี่ยงไม่ให้น่าสงสัยเกินไป ลูเซียนตัดสินใจใช้เพลงสั้นๆ เพลงนี้ในงานวันเกิดเท่านั้น
“ก็ได้… ข้าจะรอฟังเพลงเซเรเนดของเจ้า” เฟลิเซียพูดด้วยความคาดหวังและความกังวล
…
เดือนต่อมา ในยามวิกาล นอกเหนือจากการวิเคราะห์การร่ายคาถาและการอ่านตำรา ‘โหราศาสตร์และธาตุเวทมนตร์’ ที่เขียนด้วยภาษาโบราณซิลนาวาส โดยอาศัยบันทึกของแม่มด ลูเซียนก็จะใช้เวลาทั้งหมดการศึกษาดนตรีและประพันธ์เพลงแคนอนและเซเรเนด ดนตรีเป็นหนทางที่จะทำให้เขามีโอกาสเข้าถึงศูนย์บัญชาการของสภาเวทมนตร์
ด้วยการทุ่มเททำงานหนักและความจำที่เป็นเลิศ ลูเซียนรู้สึกว่าเขามีทักษะสูงพอในฐานะลูกศิษย์ดนตรีแล้ว ภายในเดือนนี้ เขาประพันธ์เพลงแคนอน ดีเมเจอร์ และเพลงเซเรเนด สำหรับงานวันเกิดเฟลิเซียเสร็จเรียบร้อย
ขณะเดียวกัน จอห์นยังคงฝึกฝนทักษะอัศวิน แม้ว่าเขาต้องการปลุก ‘พร’ ให้เร็วที่สุด แต่ลอร์ดเว็นน์ก็เตือนเขาว่า หากไม่มีพื้นฐานแข็งแรงพอ การปลุกพลังอาจล้มเหลวเสียมากกว่า ถึงแม้เขาจะปลุกพรได้สำเร็จ การเจริญเติบโตในหน้าที่การงานก็ยังมีขีดจำกัดสูง
ดังนั้น จอห์นต้องใช้ความอดทนสูง แม้จะหมายความว่าเขาต้องฝึกซ้อมเหมือนเดิมทุกวันซ้ำแล้วซ้ำเล่า เวลาว่างของจอห์น เขาจะเข้าไปในป่าดำเพื่อสู้กับปีศาจก็อบลินและปีศาจหัวสุนัข หวังเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ขณะเดียวกัน ลอร์ดเว็นน์ให้เงินกับจอห์นจำนวนหนึ่งเพื่อให้เขาเช่าบ้านพักในเขตการปกครองเพื่อปกป้องครอบครัว
แม้โจเอลและครอบครัวมีความสุขดีในบ้านของลูเซียน แต่พวกเขาจะมีความสุขยิ่งกว่าหากอยู่ในบ้านตัวเอง โดยเฉพาะเป็นบ้านที่บุตรชายหามาได้ ฉะนั้น พวกเขาจึงย้ายออกจากบ้านลูเซียนในไม่นาน และลูเซียนก็เคารพการตัดสินใจของพวกเขา อย่างไรเสียพวกเขาก็ยังเป็นครอบครัวไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะได้อยู่ด้วยกันหรือไม่
…
วันพฤหัสบดีสุดท้ายของเดือนแห่งทอง (ตุลาคม) ณ หอศิลป์สงคราม
“ข้าคิดว่าพอใจกับท่อนนี้แล้วละ” นาตาซาเพิ่งหารือกับลูเซียนถึงเพลงซิมโฟ กระบวนนี้เสร็จ “ท่อนนี้สร้างความตื่นเต้นพอที่จะเข้ากับแนวทางของเพลง”
“ฉบับก่อนก็ค่อนข้างดีนะพะยะค่ะ” ลูเซียนยิ้ม “พระองค์ทรงตั้งความคาดหวังในตัวพระองค์เองสูงมากนะฝ่าบาท”
ความรู้ด้านดนตรีของนาตาซาลึกซึ้งกว่าลูเซียนมาก เมื่อได้ทำงานร่วมกัน ลูเซียนก็มีโอกาสได้เรียนรู้จากเจ้าหญิงมากเช่นกัน
“ข้าคิดว่า… ถ้าเจ้าจะทำอะไร ต้องทำให้ดีที่สุด” นาตาซาพูดอย่างอารมณ์ดี
“พะยะค่ะ ฝ่าบาท” ลูเซียนเห็นด้วย
เมื่อลูเซียนกำลังจะกลับ นาตาซาถามเขาด้วยความสงสัย “ข้าได้ยินว่าเจ้าแต่งเพลงเซเรเนดให้งานวันเกิดของสหายในคืนนี้ใช่ไหม?”
“พะยะค่ะ” ลูเซียนพยักหน้า
ชี้ไปที่เปียโนที่ตั้งอยู่กลางห้อง นาตาซาถาม “ข้าขอฟังเป็นคนแรกได้ไหม?”
“ขอประทานอภัยจริงๆ พะยะค่ะ เพลงนี้เป็นของขวัญวันเกิดเฟลิเซีย” ลูเซียนปฏิเสธเจ้าหญิงอย่างสุภาพ
“ถ้าอย่างนั้น ข้าเดาว่า…” นาตาซาเดินวนไปวนมา “แม้ข้าจะอยากฟังมาก ข้าคิดว่าเจ้าพูดถูก ข้ารู้สึกอยากจะแต่งเพลงเซเรเนดรักๆ ใคร่ๆ ให้วันเกิดซิลเวียเหมือนกัน”
“นั่น… น่าประทับใจมากพะยะค่ะ” ลูเซียนใกล้จะชินกับเรื่องนี้แล้ว
ว่าแล้วนาตาซาก็หันกลับมาพูดอะไรบางอย่างกับท่านหญิงคามิล คามิลออกไปจากห้อง ชั่วครู่ต่อมา ก็กลับมาพร้อมกับดาบเนื้อดีในมือ
“นี่คือดาบอัศวินที่ข้าสัญญากับเจ้าไว้” นาตาซาเอ่ย “ดาบชื่อว่า ‘อะเลิร์ต’ เป็นดาบระดับหนึ่ง ชั้นสูงที่มีพลังพิเศษ ‘อะเลิร์ต’ ทำให้สัญชาตญาณของเจ้าตอบสนองแม่นยำขึ้น เจ้าจะสัมผัสอันตรายที่ย่างกรายเข้ามาได้ดีขึ้นมาก”
……………………………………….