บทที่ 102 ไร้ค่าขนาดนั้นเลยเหรอ?
บทที่ 102 ไร้ค่าขนาดนั้นเลยเหรอ?
แม้แต่ไฟในห้องนอนก็เปลี่ยนเป็นสีเหลืองอบอุ่น เพื่อสร้างบรรยากาศ
บริษัทของเฉินเฉินอยู่ห่างจากบ้านใหม่ไม่ถึง 20 นาที แต่กว่าเฉินเฉินมาถึงก็ผ่านไปแล้วสองชั่วโมง
ซึ่งเธอเข้านอนและเกือบจะหลับไปแล้ว
แต่ตื่นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงปิดประตู
เหอมี่มี่รู้สึกไม่พอใจมาก แต่เมื่อคิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป เธอก็ระงับอารมณ์และแสร้งทำเป็นอ่อนหวาน
เฉินเฉินเดินเข้าไปในห้องนอนและเห็นแสงไฟสลัว ๆ ในนั้น เขาจึงคิดว่าเธอคงรอไม่ไหวและเข้านอนไปก่อนแล้ว ชายหนุ่มจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เมื่อเร็ว ๆ นี้เขารู้สึกว่าตัวเองแปลก ๆ ไปเมื่อได้ดูวิดีโอการแสดงของซูโย่วอี๋เกือบทั้งหมด
และทำการเปรียบเทียบภรรยาของตัวเองกับซูโย่วอี๋อย่างไม่รู้ตัว
เฉินเฉินอยากจะกลับไปหาซูโย่วอี๋!
อีกด้านเหอมี่มี่ลุกจากเตียงอย่างเงียบ ๆ และกอดเฉินเฉินจากด้านหลัง “ทำไมคุณกลับมาช้าจัง ฉันรอคุณตั้งนานแล้ว”
เมื่อสัมผัสถึงความนุ่มนวลบนแผ่นหลัง เฉินเฉินก็หันกลับมาด้วยความประหลาดใจในดวงตา
พูดได้เลยว่าคงมีผู้ชายไม่กี่คนที่จะกล้าปฏิเสธอ้อมกอดของผู้หญิงคนนี้ได้
“คืนนี้คุณดูสวยมาก”
เหอมี่มี่แสร้งทำเป็นเขินอายและเอียงศีรษะ “คุณชอบเซอร์ไพรส์นี้ไหม?”
เฉินเฉินอุ้มเธอขึ้นและโยนลงบนเตียง
“คุณคิดว่าไงล่ะ?”
มันเป็นช่วงเวลาที่หอมหวาน
ในห้องอบอวลไปด้วยความรัก
เฉินเฉินมีความสุขมากเมื่อได้ยินเสียงที่ไพเราะจากเหอมี่มี่
เมื่อเสร็จกิจ เธอก็นั่งพิงหน้าอกของเฉินเฉินและกล่าวขอโทษ “ฉันขอโทษเฉินเฉิน ฉันอ่อนไหวเกินไป และคิดถึงแต่ตัวเองในทุก ๆ เรื่อง มันคงทำให้คุณลำบากใจ”
“ส่วนใหญ่ฉันไม่เกรงใจคุณและมักทำให้คุณลำบากใจ ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอย่างนั้นอีก”
พวกเขาสองคนเพิ่งได้พูดคุยกันแบบเปิดอก เมื่อได้ยินว่าเธอสำนึกผิด เฉินเฉินก็รู้สึกอบอุ่นในใจ เขาลูบผมนุ่มสลวยของเธอแล้วพูดว่า “เมื่อเร็ว ๆ นี้มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในบริษัท ผมอาจจะละเลยคุณไป”
“ไม่เป็นไรเลย เฉินเฉิน คุณรู้ไหม? ฉันอิจฉาซูโย่วอี๋มาตลอด ฉันอิจฉาเธอที่ได้พบคุณเร็วกว่าฉัน แต่คุณไม่เคยบอกฉันเกี่ยวกับตัวคุณเลย ฉันเลยคิดว่าคุณยังมีเธออยู่ในใจ”
มือของเฉินเฉินหยุดชะงัก “ไม่มีอะไรหรอก”
“เล่าให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม ทำไมคุณไม่กล้าบอกฉันล่ะ”
เขาไม่สามารถทนต่อการออดอ้อนได้ ในที่สุดก็เริ่มเล่าอดีตของเขาและซูโย่วอี๋ให้เธอฟัง
เมื่อได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต เหอมี่มี่กำมือแน่นภายใต้ผ้าห่มด้วยความหึงหวง แต่เธอดูไร้เดียงสา
“คุณผ่านเรื่องราวมามากมาย แต่คุณช่วยลืมความทรงจำระหว่างคุณกับเธอไปได้หรือเปล่า อย่างพวกรูปถ่ายหรืออะไรทำนองนั้น”
“ไปนอนได้แล้ว จะมานั่งเก็บของเก่าทำไม”
เฉินเฉินดูออกง่ายในเวลาที่เขาโกหก เขาไม่สบตา และหลีกเลี่ยงการตอบคำถามเสมอ
ซึ่งตอนนี้มันเป็นแบบนั้น!
เธอจำได้ว่าเฉินเฉินไม่เคยใช้โทรศัพท์เครื่องนี้มาก่อน
ดูเหมือนว่าพวกมันจะยังอยู่
….
เช้าวันต่อมา เมื่อซูโย่วอี๋เรียกแท็กซี่ไปที่ท่าเรือ ผู้รับผิดชอบสถานที่ทักทายเธอด้วยรอยยิ้ม “วันนี้คุณดูดีมาก”
ดูเหมือนว่าเธอจะชนะรายการวาไรตี้นี้
ผู้พูดเป็นคนที่มักเสแสร้ง ทัศนคติของเขาที่มีต่อเด็กฝึกที่มีชื่อเสียงน้อยนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ซูโย่วอี๋รู้สึกไม่สบายใจ แต่เธอแสร้งทำเป็นสุภาพ “ขอบคุณค่ะ”
ชายผู้รับผิดชอบโบกมือแล้วพูดว่า “มานี่สิ”
ผู้ช่วยผู้จัดการรีบวิ่งมา “ให้ฉันทำอะไรให้คะ?”
“เอาชุดฝึกมาให้เธอสองชุด คุณไม่เห็นเหรอ เสื้อผ้ามันใหญ่ไป เดี๋ยวจะถ่ายไม่สวย!”
หญิงสาวผวาหลังถูกดุ “โอ้ ฉันขอโทษ คุณซู มากับฉันค่ะ”
สุนัขจิ้งจอกสูดจมูก [โย่วอี๋ คุณน่ารักมาก ฉันไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของพวกคุณดีแค่ไหน]
ระหว่างทาง สาว ๆ หลายคนทักทายเธอ ซูโย่วอี๋รู้สึกได้ถึงความนิยมที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
หลังจากไปที่เกาะแล้ว เธอรีบเข้าห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนชุดฝึกใหม่และรีบไปที่ห้องประชุม
[ว้าว เทพธิดาปรากฏตัว!]
[พวกคุณมาที่นี่เพื่อเลียหน้าจออีกครั้ง (อิอิ)]
[ว้าว สวยจัง!]
[เธอดูเป็นธรรมชาติและสบายตามาก!]
[ขอเตือนไว้ก่อนว่าความงามเป็นสิ่งสุดท้ายที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงโย่วโย่วของฉัน ตกลงไหม?]
[สาวสวยคนนี้คือใคร บอกมา!]
[คนคนนี้คือใคร ฉันไม่เคยเห็นเธอมาก่อน เธอสวยมาก!]
ทันทีที่เธอนั่งลง การถ่ายทำรายการก็เริ่มขึ้น
แต่คราวนี้พิธีกรบนเวทีไม่ใช่ ฮันเอินจีแต่เป็นซือเฉิน
ฮันเอินจีถูกเปลี่ยนอย่างกะทันหัน และทีมงานของรายการก็ไม่ได้ถามถึงความเห็นของเธอด้วยซ้ำ
มันเป็นอะไรที่ไม่สุภาพมาก
แต่มีเพียงคนเดียวที่กล้าตัดสินใจอะไรแบบนี้ และนั่นคือลู่เฉิน!
ฮันเอินจีให้ความสำคัญกับเขามากกว่าความโกรธ
แต่เห็นได้ชัดว่าซือเฉินทำงานได้ดีในฐานะพิธีกร สไตล์ของเขาทำให้รายการดูสบาย ๆ และในขณะที่เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ เขามักจะทำให้ผู้ชมหัวเราะ
ฮันเอินจีรู้สึกว่าปฏิกิริยานี้เป็นการเยาะเย้ยเธอทางอ้อมด้วยซ้ำ
ลู่เฉินมองเธออย่างมีกำลังใช้ความคิด
“ต่อไปเราจะประกาศอันดับของเด็กฝึก โปรดดูที่หน้าจอใหญ่ครับ”
ทุกคนกลั้นหายใจ
อันดับที่ 1: ซูโย่วอี๋ 8,886,668 คะแนน!
อันดับที่ 2: อวี๋ชิงจ้าว 7,965,452 คะแนน!
อันดับที่ 3: เฉียวเซิง 7,124,770 คะแนน!
อันดับที่ 4: เฉินซีซี 6,593,221 คะแนน!
อันดับที่ 5: ฉูรั่วฮวน 6,235,865 คะแนน!
เมื่อประกาศความนิยมของทั้ง 5 อันดับแรก แฟน ๆ ทุกคนต่างก็ตื่นเต้น
หลังจากมีความสุข ซูโย่วอี๋ก็รู้สึกเศร้าหมองเล็กน้อย แม้ว่าความพยายามของเฉินซีซีจะได้รับการตอบรับ แต่เธอก็ไม่มีโอกาสที่จะชนะการแข่งขันนี้แล้ว
ยกเว้นห้าอันดับแรก ทุกคนต่างก็เห็นอันดับของตัวเองบนหน้าจอ
“ตามกฎเมื่อเริ่มรายการ ห้าอันดับแรกจะมีสิทธิ์ได้รับเลือกให้เซ็นสัญญาของเทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์ พวกเธอคือซูโย่วอี๋ อวี๋ชิงจ้าว และเฉียวเซิง”
[อะไร?]
ชาวเน็ตจับผิดทันทีว่ามีชื่อของคน 2 คนหายไป
[กระต่ายน้อยอยู่ไหน?]
[มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า? กระต่ายน้อยไม่ปรากฏตัวตั้งแต่การแสดงครั้งที่สองแล้ว!]
[คุณไม่สังเกตเหรอว่า เฉินซีซีไม่ได้อยู่ที่นั่น]
[ใช่ ฉันคิดผิดแล้ว คลาส A มีแค่สี่คน!]
[ฉันมีทฤษฎีสมคบคิดอีกแล้ว!]
[พูดให้ฟังครั้งเดียวนะ ให้ยากับม้าที่ตายแล้ว*[1]]
“ด้วยเหตุผลส่วนตัว ฉูรั่วฮวนและเฉินซีซีได้สละสิทธิ์ในการเป็นศิลปินในเทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์ ซึ่งเราเคารพในการตัดสินใจของทุกคน และขอให้พวกเขาก้าวต่อไปในเส้นทางของพวกเขา”
ยอมแพ้?
ผู้ชมต่างตกตะลึง นี่คือเทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์ พวกเธอยอมแพ้อย่างง่ายดายถึงสองคนเลยเหรอ?
เทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์ไร้ค่าขนาดนั้นเลยเหรอ?
กลับกัน ผู้เข้าแข่งขันค่อนข้างใจเย็น ในวันแสดง ได้มีตำรวจมาและห้องแต่งหน้าของซูโย่วอี๋ก็ถูกปิดตาย และพวกเธอก็ถูกตำรวจสอบสวนหลังจบการแสดง
ในตอนนี้หัวใจของหลินเจี้ยนเต็มไปด้วยความสุข เธอยิ้มอย่างน่าขนลุก ตะกอนในหัวใจของเธอค่อย ๆ ถูกกัดกร่อนออกไปในที่สุด
[1] ให้ยากับม้าที่ตายแล้ว เป็นสำนวน หมายถึง พยายามทำทุกอย่างแม้ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง