บทที่ 105 คุณเก็บมันเป็นความลับได้
บทที่ 105 คุณเก็บมันเป็นความลับได้
ซูโย่วอี๋หันศีรษะไปเห็นลู่เฉินยืนอยู่ไม่ไกล
เมื่อมองไปที่ลีดเดอร์ของเธอ ชุ่ยเชียนต้งไม่แน่ใจว่าเธอจะสามารถบอกเกี่ยวกับฮิลเบิร์ตให้ประธานลู่รู้ได้หรือไม่ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้พูดอะไร
ทันใดนั้นบรรยากาศพลันตึงเครียด
“เราจะไปเที่ยวด้วยกันหลังออกจากเกาะ” ซูโย่วอี๋หันไปพูดกับเขาด้วยรอยยิ้ม
เธอรู้สึกผิดเล็กน้อยราวกับว่าเธอกำลังจะหนีเจ้านายของเธอเที่ยว
ดวงตาของเขาลึกล้ำและพูดกับเธอตามตรง
“ทำไมผมได้ยินคนพูดถึงฮิลเบิร์ต”
ซูโย่วอี๋อึก ๆ อัก ๆ
ราวกับถูกจับได้ว่าโกหก
เธอยกยิ้ม “ประธานลู่ คุณอยากนั่งกับฉันไหมคะ?”
โดยไม่คาดคิด ลู่เฉินนั่งถัดจากเธอทันที
เธอแค่พูดออกไปตามมารยาทเองนะ!
ส่วนอวี๋ชิงจ้าวกลับยืนขึ้นแล้วถามเขาว่า “ไม่ไปสระว่ายน้ำกันเหรอ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของอวี๋ชิงจ้าว ทั้งชุ่ยเชียนต้งและเฮ่อเหว่ยก็เข้าใจทันทีว่ามันหมายถึงอะไร “ใช่ ประธานลู่ คุณไปคุยกันเถอะค่ะ เราไปก่อนนะ”
ว่าจบ พวกเธอก็ออกไป
ด้านซูโย่วอี๋ก็รู้สึกอึ้ง ‘นี่พวกเธอจะปล่อยให้ฉันอยู่คนเดียวได้ยังไง?’
จู่ ๆ ก็มีลมพัดแรง ผมของเธอถูกพัดขึ้นและสัมผัสเบา ๆ กับใบหน้าและปากของเธอ
จั๊กจี้ชะมัด…
“คุณต้องการไปที่ฮิลเบิร์ตเหรอ?”
เขาถามขึ้นทันที
เมื่อนึกถึงความฉลาดของลู่เฉิน ซูโย่วอี๋จึงไม่คิดจะปิดบัง ดังนั้นเธอจึงบอกลู่เฉินออกไปตามตรงเกี่ยวกับการจดหมายรับรอง
ลู่เฉินพอได้ยินก็พยักหน้า “ที่นั่นเป็นมหาวิทยาลัยที่น่าอยู่”
“ผู้อำนวยการคนปัจจุบันเป็นผู้สืบทอดรุ่นที่สิบแปดของตระกูลดนตรี และเขามีผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรีจากทั่วทุกมุมโลก เป็นผู้ก่อตั้งองค์กรดนตรีแปดองค์กรสำคัญ ซึ่งรวมถึงดนตรีป็อป ดนตรีคลาสสิก และแจ๊ส”
“นักเรียนที่ได้รับรางวัลส่วนใหญ่เป็นนักเรียนจากมหาวิทยาลัยนี้”
“การเรียนในมหาวิทยาลัยนี้ก็เป็นเรื่องหนึ่ง และทรัพยากรก็นับว่าดีที่สุด”
รุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยก็เป็นคนใหญ่คนโตในสังคม
แน่นอนว่าการที่จะเข้ามหาวิทยาลัยได้นั้นไม่ง่ายเลย แม้จะไม่ได้อาศัยเส้นสายก็ตาม
ซูโย่วอี๋บ่นพึมพำ “ขนาดนี้เลยเหรอ”
เธอคิดว่ามันเป็นมหาวิทยาลัยสอนดนตรีธรรมดา ๆ
นั่นสินะ มหาวิทยาลัยที่อาจารย์จงลี่แนะนำจะเป็นมหาวิทยาลัยธรรมดาได้ยังไง
เธอไม่สามารถไม่คิดมากอย่างที่จงลี่ว่าได้ ในความคิดของเขา นี่คงเป็นข้อเสนอธรรมดา ๆ
แต่เมื่อเธอรู้สถานะของมหาวิทยาลัย เธอก็ลังเลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ซูโย่วอี๋มองเขาอย่างจริงจังและถามว่า “คุณจะคิดยังไงถ้าฉันบอกว่าอยากไป”
“แน่นอน ผมไม่มีสิทธิ์ห้ามคุณ เพราะคุณยังไม่ได้เซ็นสัญญากับเทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์ คุณสามารถทำอะไรก็ได้”
ซูโย่วอี๋เม้มริมฝีปากแน่น เธอเซ็นสัญญานั่นไปแล้ว ถ้าเธอไม่ลืมที่จะส่งมันให้กับลู่เฉิน สัญญานั่นก็จะมีผลบังคับและเธอต้องทำตามเงื่อนไขของเขา
เธอมองไปที่น้ำทะเลไกลออกไปและพูดว่า “ประธานลู่ อันที่จริง ฉันเซ็นสัญญานั่นไปแล้ว และตอนนี้มันอยู่ในหอพัก”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ลู่เฉินก็หัวเราะ “คุณเก็บเป็นความลับได้นะ”
ซูโย่วอี๋อึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นเธอเงยหน้าขึ้นมองลู่เฉินซึ่งมองมาที่เธอด้วยดวงตาจริงจัง
ดวงตาที่สวยงามของเขามีเธอสะท้อนอยู่ในนั้น
ซูโย่วอี๋ยังจำครั้งแรกที่เธอพบเขาได้ ในตอนนั้น ดวงตาของคนตรงหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชาและแข็งกร้าว
ไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่ที่ดวงตาคู่นี้อ่อนโยนขึ้นมากขนาดนี้เมื่อมองมาที่เธอ
ติ๊ง!
[ขอแสดงความยินดีกับซู่จู่: ระบบตรวจพบว่าลู่เฉินแอบชอบคุณ และการประเมินก็อยู่ในระดับที่ดี]
อะไรนะ?
‘เขาชอบฉัน?’
“ผมไม่ใช่คนที่ไม่มีความอดทน เทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์จะไม่ขัดขวางใครจากการมีอนาคตที่ดีกว่า บริษัทและพนักงานผลักดันซึ่งกันและกันเสมอ”
“คุณเป็นศิลปินที่มีแนวโน้มจะประสบความสำเร็จสูง ผมหวังว่าคุณจะเลือกบริษัทของเรา ถ้าคุณกลับมาหลังจากเรียนจบ”
ทันใดนั้น ความคับข้องในใจของซูโย่วอี๋ก็หายไป เธอต้องยอมรับว่าลู่เฉินเป็นเจ้านายที่ดีจริง ๆ
“ประธานลู่ ขอบคุณมากค่ะ”
เมื่อมองไปยังใบหน้าที่จริงจังของหญิงสาวตรงหน้า จู่ ๆ เขาก็ต้องการที่จะแกล้งเธอ
“คุณเชื่อใจคนอื่นง่ายเกินไปแล้ว คุณคิดว่าผมหมายถึงอย่างนั้นจริง ๆ เหรอ? แค่คำพูดของผมเนี่ยนะ ผมจำได้ว่าผมเคยเตือนคุณไปแล้วว่าโลกนี้ซับซ้อนมาก”
ซูโย่วอี๋ได้ยินเขาพูดอย่างนั้นก็รู้สึกสับสน และไม่รู้ว่าลู่เฉินหมายถึงอะไร
“ผมบอกคุณว่ามหาวิทยาลัยฮิลเบิร์ตเป็นมหาวิทยาลัยที่ดี แต่ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น แม้ว่าคุณจะมีจดหมายรับรอง แต่ก็มีโอกาสสูงที่คุณจะไม่ผ่านการคัดเลือก ในทุกปีจำนวนนักเรียนที่รับเข้ามหาวิทยาลัยมีน้อยกว่าหนึ่งเปอร์เซ็นต์ที่เข้าเรียนที่นั่นได้ และการรับสมัครจะเปิดในเดือนมีนาคม ตอนนี้แค่เดือนสิงหาคมเท่านั้น คุณอาจจะเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากถ้าคุณปฏิเสธเทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์ และคุณยังสอบไม่ผ่านมหาวิทยาลัยที่คุณต้องการเข้าเรียน มันก็ถือว่าเป็นเรื่องล้มเหลวมากนะ”
“แต่ถ้าคุณกลับมาที่เทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์อีกครั้ง ด้วยความแค้น ผมอาจไม่รับคุณเป็นศิลปินอีก ท้ายที่สุดแล้ว ในช่วงรายการวาไรตี้ก็เป็นช่วงเวลาที่คุณได้รับความนิยมมากที่สุด พอหลังจากนั้นไม่กี่เดือน จะมีกี่คนกันที่จำคุณได้ ในเมื่อคุณไม่อยู่ในสายตาของสาธารณชนแบบเวลานี้?”
“และสิ่งที่ผมพูดไปเมื่อกี้ก็ไม่สามารถรับประกันอะไรคุณได้เลย”
ก่อนที่ซูโย่วอี๋จะทันได้ตอบสนอง สุนัขจิ้งจอกก็ตบมือของมันและอุทานว่า [ว้าว ยอดเยี่ยมมาก ผู้ชายคนนี้น่าสนใจจริง ๆ ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนเดียวที่อยู่ในระดับเดียวกับฉันได้]
ซูโย่วอี๋ “…”
เขาบอกความจริงกับเธอรัว ๆ และในขณะเดียวกัน เขาก็วิเคราะห์ความจริงที่โหดร้ายที่สุดให้เธอฟัง
แต่แทนที่เธอจะโกรธ หัวใจของเธอกลับเต้นแรง
“ประธานลู่”
“คุณไม่จำเป็นต้องพูดคำเหล่านี้หรอกค่ะ”
แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังพูดมัน แสดงว่าในใจคุณไม่ได้มองฉันเป็นแค่ลูกน้องที่คุณจ้องจะเอาแต่ผลประโยชน์ใช่ไหม?
เขาไม่ตอบ แต่เธอก็เข้าใจมันอยู่เต็มอก
บรรยากาศที่ไม่คุ้นเคยวนเวียนอยู่รอบตัวพวกเขา
จนกระทั่ง ชุ่ยเชียนต้งเข้ามา “ลีดเดอร์ ประธานลู่มาว่ายน้ำกันเถอะ ถ้าคุณไม่เล่นน้ำตอนนี้ มันจะหนาวนะ”
ซูโย่วอี๋กล่าวตอบเธอและมองไปที่ลู่เฉิน “คุณอยากเล่นไหม” เธอถาม
ลู่เฉินยืนขึ้นและพูดว่า “คุณไปเถอะ”
เมื่อเริ่มมืด กิจกรรมทางทะเล และปาร์ตี้บาร์บิคิวก็จบลง คนส่วนใหญ่จึงรีบไปที่สระว่ายน้ำ
สาว ๆ มองหน้ากันด้วยสีหน้าที่แตกต่าง
ด้านทีมงานผู้กำกับต่างก็ถ่ายทำแบบโคลสอัพ
เฮ่อเหว่ยโบกมือก่อน “ลีดเดอร์ ทางนี้ ๆ!”
หลังจากแยกทางกับลู่เฉิน ซูโย่วอี๋จึงรีบไปหาพวกเธอ
ตรงนั้นมีเก้าอี้ผ้าใบและโต๊ะของหวานรอบสระว่ายน้ำ
สมาชิกในทีมว่ายน้ำเพียงไม่กี่รอบ ตอนนี้พวกเธอก็ขึ้นมากำลังพักผ่อนบนเก้าอี้และหาอะไรกินเพื่อเติมพลัง
“ลีดเดอร์ คุณคุยกับประธานลู่เสร็จหรือยัง?”
ซูโย่วอี๋พยักหน้า “ฉันคุยเสร็จแล้ว ไม่มีอะไรมากหรอก”
“ไปเล่นน้ำกันไหม”
ซูโย่วอี๋มองไปที่สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่มีทั้งบริเวณน้ำลึกและน้ำตื้น
จากนั้นหญิงสาวก็ส่ายหัว
ส่วนสุนัขจิ้งจอกก็เตือนเธอว่า [ซู่จู่ คุณว่ายน้ำได้แล้ว คุณลืมไปแล้วเหรอว่าคุณได้คัดลอกทักษะการว่ายน้ำของ ‘แจ็ค’ ด้วยการ์ดคัดลอกทักษะน่ะ]
แน่นอน ซูโย่วอี๋จำได้ แต่ว่าสาเหตุที่เธอไม่ลงน้ำนั่นก็เพราะว่าเธอกลัวน้ำ
ตอนเธออายุได้ 10 ขวบ เธอกับซูหยินเคยแอบไปเล่นน้ำในสระ
ซูหยินที่ว่ายน้ำได้และไปยังบริเวณน้ำลึก ส่วนเธออยู่ในบริเวณน้ำตื้น แต่เพราะยังเด็กและซุกซน เธอจึงว่ายไปยังบริเวณน้ำลึกที่ซูหยินอยู่