บทที่ 156 ดึงดูดแฟนคลับผู้หญิง
บทที่ 156 ดึงดูดแฟนคลับผู้หญิง
หลังจากได้ยินประกาศจากทีมงานว่าการออดิชั่นกลุ่มที่สองจบลงแล้ว เสิ้งเซี่ยที่ได้รับการช่วยเหลือจากครูฝึกม้าก็ลงมาจากม้า ขาของเธอรู้สึกอ่อนแรงเล็กน้อย
สวีโหมวพูดขึ้นขำ ๆ “เสิ้งเซี่ย เมื่อครู่ที่คุณอยู่บนม้าไม่ได้ดูงดงามอ่อนช้อย ดู ๆ ไปแล้วเหมือนคนที่ไม่ค่อยขี่ม้าเสียมากกว่า”
ดูเหมือนจะมีคำชื่นชมปนอยู่ด้วย
ใบหน้าขาวใสของเสิ้งเซี่ยเริ่มมีรอยแดงเกิดขึ้นบนแก้มทั้งสอง เธอรู้สึกเขินอาย “ผู้กำกับสวี ฉันขอสารภาพว่านี่คือการขี่ม้าครั้งแรกของฉัน ที่คุณมาจากความพยายาม แต่ถ้าหากฉันมีโอกาสได้รับบทฮั่วเสวียนล่ะก็ ฉันสัญญาว่าจะรีบเรียนขี่ม้าให้เป็นค่ะ”
เธอกำลังโยนหินถามทาง
สวีโหมวจ้องเธออยู่สักพัก “นักแสดงที่ดีย่อมเป็นที่ยอมรับของทุกคน”
เขาไม่ได้ตอบกลับอะไร แต่ตอนนี้ทุกคนดูออกเลยว่าสวีโหมวพอใจการแสดงของเสิ้งเซี่ยมากที่สุด
“ดูแล้วคงไม่มีหวังแล้วล่ะ”
“อย่ามองโลกในแง่ร้ายนักสิ ยังไม่ประกาศคนได้บทสักหน่อย”
“ต่อให้ไม่ใช่เสิ้งเซี่ย ก็คงไม่มีทางเป็นฉันหรอก อ่า เสียเวลาเปล่าไปอีกหนึ่งวัน”
ตอนที่เสิ้งเซี่ยตามเหล่าผู้คนออกมาจากลานขี่ม้า ใบหน้าเธอไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ได้ เห็นได้ชัดว่าเธอเข้าใจบทฮั่วเสวียนเป็นอย่างดี
ผู้จัดการเองก็ดูพอใจการแสดงของเสิ้งเซี่ยเป็นอย่างมาก แถมแอบยกนิ้วโป้งให้เธอ
แต่ซูโย่วอี๋ไม่ได้สนใจท่าทีของสวีโหมวและเสิ้งเซี่ยเลย เธอเริ่มอบอุ่นร่างกายอยู่ด้านข้างของลานขี่ม้า ขยับข้อมือและเท้าพร้อมเริ่มทำสมาธิ
แต่สายตาของสวีโหมวมองข้ามซูโย่วอี๋ไป พร้อมกับส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่เริ่มการออดิชั่นของกลุ่มที่สามได้
อีกด้านในห้องรับรองสองชั้นที่อยู่ไม่ไกล ผู้ชายหลายคนในชุดสูทและรองเท้าหนังยืนอยู่ตรงหน้าต่าง มองไปยังสนามขี่ม้าที่อยู่ไกล ๆ
“ประธานลู่ คุณดูอะไรอยู่เหรอ?”
วันนี้ลู่เฉินได้หารือเกี่ยวกับการพัฒนาและการผลิตเกมใหม่ ๆ กับบริษัทเกมในต่างประเทศ แต่เพราะประธานจากอีกฝ่ายชื่นชอบการแข่งขันขี่ม้ามาก จึงเลือกนัดพบกันที่สนามม้าซานเฮ่อ
ไม่คิดว่าจะเจอซูโย่วอี๋ที่นี่ด้วย
หลายวันมากแล้วที่พวกเขาไม่ได้เจอกันเลย
ลู่เฉินยกแก้วกาแฟในมือขึ้นมาจิบ รสขมเริ่มกระจายตัวอยู่ที่ปลายลิ้น แต่สายตาก็ไม่ละไปจากผู้หญิงที่กำลังเดินไปยังลานขี่ม้าเลย “ดูแฟนอยู่ครับ”
เจ้าของหุ้นส่วนอีกฝ่ายเป็นคนอเมริกา ไม่ค่อยรู้จักเรื่องวงการบันเทิงในประเทศจีนสักเท่าไหร่ เมื่อได้ยินว่าลู่เฉินมีแฟนอยู่แล้วก็รู้สึกแปลกใจมาก “ประธานลู่ดูอายุยังน้อย แต่ก็รู้จักการตกหลุมรัก ผมไม่รู้เลยว่าผู้หญิงแบบไหนที่ได้หัวใจของประธานลู่ไป”
เขาพูดชื่นชมด้วยความสุภาพตามแบบฉบับนักธุรกิจ
หางตาของลู่เฉินยกโค้งขึ้นและพูดด้วยน้ำเสียงอารมณ์ขัน “เธอน่ะดีมาก ๆ เลย”
ซูโย่วอี๋แต่งกายด้วยชุดลำลองเรียบร้อย มัดผมหางม้ายกสูง เธอเดินออกไปด้วยตัวตั้งตรงด้วยใบหน้าอันงดงาม แม้ว่าจะยังไม่ได้เริ่มต้นแต่ก็โดดเด่นกว่าผู้หญิงทุกคนตรงนั้น
สวีโหมวดับบุหรี่ในมือของเขาด้วยท่าทางจริงจังมากขึ้นในการออดิชั่นของกลุ่มที่สาม
ซูโย่วอี๋เดินมาถึงด้านข้างของม้า เธอไม่ได้ยกมือขึ้นไปสัมผัสม้าในทันที แต่ถามครูฝึกม้าก่อน “ขอลองจับมันเพื่อให้คุ้นชินหน่อยได้มั้ยคะ?”
“ได้ครับ ม้าผ่านการฝึกมาแล้ว มันค่อนข้างเชื่องเลยครับ”
ซูโย่วอี๋เข้าไปใกล้ ๆ ตรงหูของม้า และค่อย ๆ ลูบลงตรงคอของมันอย่างเบามือ พลางกระซิบเบา ๆ “เด็กดี ต่อไปพวกเราจะต้องสู้เคียงข้างกัน ให้ความร่วมมือดี ๆ ล่ะ ตกลงมั้ย?”
ม้าทำท่าทางราวกับกำลังตั้งใจฟัง
ซูโย่วอี๋เอ่ยปากชมขึ้น “เด็กดี”
ช่วงเวลาทำความคุ้นเคยจบลงอย่างรวดเร็ว และทีมงานก็ตะโกนขึ้น “เริ่มการออดิชั่นได้!”
ครูฝึกม้าถามว่าต้องการความช่วยเหลือไหม แต่ซูโย่วอี๋ปฏิเสธอย่างมีมารยาท “ขอบคุณค่ะ แต่ฉันพอไหว”
ตอนที่ครูฝึกม้ายังไม่ได้ตอบกลับอะไร เธอดึงอานม้าไว้ด้วยมือเดียว เท้าขวาเหยียบโกลนม้า ขาซ้ายวาดโค้งขึ้นไปในอากาศอย่างสวยงาม
จากนั้นตัวเธอก็นั่งลงบนหลังม้าได้อย่างมั่นคง!
ท่าทางเป็นธรรมชาติและสวยงาม
ผู้หญิงที่ดูอยู่ข้าง ๆ ถึงกับตะโกนชื่นชม “เท่มากเลย”
ซูโย่วอี๋เริ่มบังคับม้าให้วิ่งด้วยความเร็วมากขึ้น เธอแซงหน้าทุกคนในชั่วพริบตา และพุ่งตรงไปยังด้านหน้าสุด
ในทางกลับกันตัวของเธอเองเพียงแค่กุมบังเหียนม้าอย่างหลวม ๆ เท่านั้น ดูสบาย ๆ แต่ยังแสดงถึงความมั่นใจในตนเองและจิตวิญญาณจากภายในสู่ภายนอก
สายลมพัดผ่านใบหูไป ผมสีดำของซูโย่วอี๋ปลิวไสวพร้อมกับม้าที่กำลังวิ่งอย่างเต็มกำลัง
เสิ้งเซี่ยเห็นอย่างนั้น รอยยิ้มก่อนหน้านี้ก็ค่อย ๆ หายไป สีหน้าเริ่มจริงจัง
ซูโย่วอี๋ขี่ม้าเก่งขนาดนี้เลยเหรอ!
ผ่านไปครึ่งทาง ซูโย่วอี๋ปรับความเร็วให้อยู่ในจังหวะที่สามารถควบคุมได้ หลังจากนั้นก็ปล่อยบังเหียน!
แต่ในสายตาของคนอื่น เธอกำลังปล่อยเชือกบังคับม้าในขณะที่กำลังควบม้าอยู่
“บ้าน่า เธอใจกล้ามากเกินไปแล้ว”
“แบบนี้ถ้าตกลงมากระดูกหักแน่ ๆ”
“พระเจ้า ซูโย่วอี๋ขี่ม้าเก่งมาก ฉันไม่รู้มาก่อนเลย!”
“ฉันขอประกาศเอาไว้เลย เธอคือฮั่วเสวียนในดวงใจของฉัน เท่มากจริง ๆ”
“ซูโย่วอี๋ฉันรักคุณ ฉันอยากเป็นภรรยาของคุณ”
“ฮ่ะฮ่ะฮ่าฮ่า พอเถอะ ซูโย่วอี๋เป็นของฉัน”
ซูโย่วอี๋ฟังเสียงจากคนรอบข้าง มุมปากก็ยกยิ้มขึ้น แต่สายตากลับคมกริบ เธอค่อย ๆ เอนตัวไปเล็กน้อยและหยิบลูกธนูหนึ่งอันมาจากซองธนูข้าง ๆ ตัวม้า ดึงจนสุดสาย และได้ยินเพียงเสียงดัง ‘ปัก’
ลูกธนูขนนกพุ่งไปข้างหน้าและปักลงตรงกลางเป้า!
การออดิชั่นราบรื่นเหมือนน้ำไหล!
สวีโหมวอดไม่ได้ที่จะร้องตะโกน “เยี่ยม”
เสียงปรบมือดังกึกก้องไปจนทั่ว
“ให้ตายเถอะ นี่คือฮั่วเสวียนตัวจริงเสียงจริง แต่ถึงตัวจริงมาก็คงไม่เก่งขนาดนี้”
แต่ยังมีคนที่อึ้งค้างอยู่กับที่ “ลูกธนูนั้นพึ่งพุ่งผ่านตาของฉันไปเอง”
“ทำไมความแตกต่างของคนเราถึงมากขนาดนี้นะ?”
“ฉันขอประกาศ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปฉันจะเรียนขี่ม้าและยิงธนู มันเท่มากจริง ๆ”
“เธอไม่เคยถูกม้าเตะมาก่อนเหรอ? แค่เห็นม้าก็กลัวแล้วมั้ง?”
“หึ นี่มัน…ช่างมันเถอะ ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันโดนซูโย่วอี๋สะกดจิตให้เรียนขี่ม้า ใครก็ขัดขวางฉันไม่ได้”
เสิ้งเซี่ยอดไม่ได้ที่จะหันไปดูปฏิกิริยาของสวีโหมว แค่เธอมองเพียงแป๊บเดียวก็ต้องตกตะลึง
หากสายตาของสวีโหมวที่มองเสิ้งเซี่ยนั้นเป็นความชื่นชอบ งั้นสายตาที่มองซูโย่วอี๋ก็คงจะเต็มไปด้วยความหลงใหล
ดวงตาสงบคู่นั้นส่องประกายในแบบที่พบเห็นได้น้อยมาก ๆ ออกมา ราวกับว่าเขาได้เห็นเทพเจ้าที่เขานับถือตัวเป็น ๆ!
ร่างกายของเสิ้งเซี่ยชาวาบ
แม้จะยังไม่ได้ประกาศผล เธอก็รู้ได้เลยว่าเธอแพ้แล้ว
หลังจากที่ซูโย่วอี๋ออดิชั่นเสร็จตามกำหนดการ เธอก็ยังไม่หยุดการแสดงและยังคงบังคับม้าให้วิ่งวนไปอีกหลายรอบ รอจนทีมงานบอกว่าเสร็จแล้วจึงกลับไปยังที่พักและลงจากม้า
ซูโย่วอี๋นำม้าส่งคืนให้กับครูฝึก เธอมองมันอย่างเสียดายก่อนที่จะตบที่คอของมัน “เด็กดี”
ม้าโค้งเข้าหามือของเธออย่างเชื่อฟัง ทำเอาครูฝึกม้าถึงกับประหลาดใจ
“ทักษะการขี่ม้าของคุณดีมาก ไม่เพียงพิชิตใจของพวกเราเท่านั้น แต่ยังสามารถพิชิตเจ้าม้าตัวนี้ได้ด้วย”
ซูโย่วอี๋กล่าวอย่างถ่อมตัว “ชมเกินไปแล้วค่ะ”
จากนั้นก็ตามเหล่าผู้คนออกจากลานขี่ม้าไป
เหล่าศิลปินและทีมงานยืนดูอยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นว่าซูโย่วอี๋เดินมาต่างพากันส่งเสียงกรี๊ด กระทืบเท้าอย่างมีความสุข กำมือสองข้างเข้าหากันแน่น หน้าแดงด้วยความตื่นเต้น
ราวกับพวกเธอกำลังไล่ตามดารา
ซูโย่วอี๋ลูบจมูกอย่างเขิน ๆ แค่ขี่ม้าก็ตกแฟนคลับสาว ๆ ได้มากขนาดนี้เลยหรอ?
สุนัขจิ้งจอกกลอกตาไปมา [ฉันว่าคุณดูชอบอะไรแบบนี้นะ]
“ฮึฮึ นิดหน่อย อย่างไรเสียฮั่วเสวียนก็ดึงดูดแฟนคลับผู้หญิงมาได้ แบบนี้ก็ถือว่าฉันสวมบทบาทสำเร็จ”