บทที่ 158 เก็บดอกเบี้ย
บทที่ 158 เก็บดอกเบี้ย
ถ้าการเข้าเกมสวมบทบาทส่งผลให้เธอเปลี่ยนไป งั้นเธอยังคงเป็นเธออยู่หรือเปล่า?
ซูโย่วอี๋เกิดความสับสนขึ้น “ลู่เฉิน แล้วคุณชอบฉันเมื่อก่อนหรือชอบฉันในตอนนี้ล่ะ?”
ถ้าเกิดชอบฉันเมื่อก่อนก็คงไม่มีปัญหาอะไร หากเขาชอบตอนนี้ เป็นไปได้ว่าจริง ๆ แล้วลู่เฉินไม่ได้ชอบเธอมากขนาดนั้น…
ลู่เฉินเอาหัวซบลงไหล่เรียวบางของเธอ “ต่างกันด้วยเหรอ? ในสายตาของผม คุณก็คือคุณ”
“อยู่ดี ๆ ทำไมเจ้าแมวจอมขี้เกียจถึงมีอารมณ์อ่อนไหวแบบนี้ล่ะ?”
ซูโย่วอี๋พูดด้วยน้ำเสียงบูดบึ้ง “ก็นิดหน่อย”
ลู่เฉินปล่อยเธอและมองด้วยสายตาจริงจัง “ไม่ต้องกังวลว่าผมจะชอบคุณที่ตัวคุณหรือชอบบทบาทที่คุณแสดง เพราะสำหรับผม คุณได้มอบชีวิตให้กับตัวละครอย่างฮั่วเสวียน แล้วผมก็ชอบฮั่วเสวียนที่แสดงโดยซูโย่วอี๋ด้วย”
เมื่อเห็นสายตาร้อนแรงของลู่เฉิน ซูโย่วอี๋ก็อดไม่ได้ที่จะจูบเขา
เพียงแค่แตะด้วยความอ่อนโยนและก็ผละออกมา
หากแต่สายตาของลู่เฉินกลับมืดสนิท คาดเดาได้ยาก ก่อนที่จะจับมือซูโย่วอี๋ให้เดินไปทางที่จอดรถอย่างรีบร้อน
ซูโย่วอี๋มองดูสองมือที่ประสานเข้าหากันด้วยความรู้สึกสบายใจ
ไม่ว่าคน ๆ นี้จะพาเธอไปไหน ซูโย่วอี๋ก็เต็มใจที่จะตามเขาไป
ที่จอดรถชั้นใต้ดิน
ลู่เฉินขึ้นไปนั่งตรงที่คนขับ ซูโย่วอี๋ก็ถามขึ้นด้วยความสงสัย “คนขับรถไม่ได้ตามคุณมาด้วยเหรอ?”
ลู่เฉินออกมาจากที่ทำงาน และน้อยครั้งมากที่เขาจะขับรถเอง
ลู่เฉินตอบแบบคลุมเครือ “อืม ผมให้เขากลับไปก่อน”
ซูโย่วอี๋ไม่ได้ถามอะไรมากและขึ้นไปนั่งที่นั่งข้าง ๆ คนขับ แต่พึ่งจะปิดประตูรถสนิทลู่เฉินก็เอนกายเข้ามาหา
จนหน้าของคนทั้งสองแทบจะชนเข้าหากัน ห่างกันไม่ถึงหนึ่งนิ้ว
ซูโย่วอี๋พูดตะกุกตะกัก “คุณ…คุณจะทำอะไร?”
ลู่เฉินดึงเข็มขัดนิรภัยเข้ามา “ลามก คิดอะไรน่ะ”
แค่ดึงเข็มขัดนิรภัย…
เมื่อเห็นว่าลู่เฉินดึงเข็มขัดนิรภัยเข้าไปที่ล็อก ซูโย่วอี๋ก็ผ่อนคลายขึ้น “คราวหลังให้ฉันทำเองก็ได้”
พลางแอบตำหนิตัวเอง ‘ฉันคิดอะไรอยู่นะ’
หรือเป็นเพราะพอเธอเจอกับลู่เฉินก็คิดอะไรที่เป็นเหตุเป็นผลไม่ได้เลย
หรือฉันลามกจริง ๆ กันแน่?
แค่เพียงลู่เฉินเข้ามาใกล้ ๆ ก็หลงคิดไปว่าเขาจะทำเรื่องน่าอายอะไร
ขณะที่กำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ริมฝีปากของลู่เฉินประกบปากของเธอเอาไว้
ซูโย่วอี๋เบิกตากว้างมองเข้าไปในดวงตาของคนที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม “ไม่ใช่ว่าคุณ…”
ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่จูบเหรอ?
คำพูดดูสับสนวุ่นวายไปหมด
ลมหายใจของลู่เฉินหอบถี่ขึ้น ลมหายใจดูผิดแปลกไปหมด แต่เขายังคงควบคุมท่าทีอันอ่อนโยน ค่อย ๆ เกลี้ยกล่อมแมวตัวน้อยของเขาอย่างระมัดระวัง เหมือนนักล่าที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดเพื่อรอตระคุบเหยื่อไร้เดียงสา
หัวใจของซูโย่วอี๋พลันอ่อนยวบลง เธอไม่สามารถต้านทานลู่เฉินจากการจู่โจมอันร้อนแรงนี้ได้เลย
เป็นเธอเสียเองที่ยกมือขึ้นโอบรอบคอของเขา เพื่อทำให้จูบอันอ้อยอิ่งนี้แนบแน่นมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของร่างกายที่ต้องการมากขึ้นไปอีก
ลู่เฉินรู้สึกจั๊กจี้กับการหยอกล้อของเธอ ท้ายที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะงับริมฝีปากของเธอ มือก็ค่อย ๆ สอดเข้าไปตามเสื้อผ้า
“อืม”
เมื่อรู้สึกถึงมือของลู่เฉินที่ลุกล้ำเข้ามา มือเล็ก ๆ อันอ่อนนุ่มของซูโย่วอี๋ก็คว้ามือภายใต้เสื้อของเธอเอาไว้ พร้อมกับจับจ้องลู่เฉินด้วยสายตาห้ามปราม
แต่ไม่สามารถยับยั้งเอาไว้ได้
ลู่เฉินหัวเราะเบา ๆ
“ลู่เฉิน นี่มันบนรถนะ!”
“ผมรู้” ชายหนุ่มตอบกลับอย่างมั่นใจ
“เดี๋ยวมีคนมาเห็น”
“งั้นพวกเราไปข้างหลัง…”
ลู่เฉินเห็นว่าหน้าของซูโย่วอี๋แดงก่ำก็ถอนหายใจในใจ เจ้าแมวจอมขี้เกียจตัวนี้ขี้อายจริง ๆ เขาดึงเธอมาโอบกอดไว้ในอ้อมแขน “งั้นพวกเรากลับบ้านกัน”
เป็นการชวนกลับบ้านที่มีความหมายชัดเจนมาก
คำพูดเช่นนี้ทำให้ซูโย่วอี๋ต้องรีบปฏิเสธ
“ลู่เฉิน คุณ…” ซูโย่วอี๋เงียบไปสักพักก่อนบ่นขึ้น “คุณมันลามก”
ลู่เฉินชอบที่จะเห็นท่าทางเกี้ยวโกรธของเธอ อดไม่ได้ที่จะจูบเธอไปอีกสองครั้ง “ถ้าอยู่ต่อหน้าแฟนแล้วยังมัวเก๊กอยู่จะเป็นผู้ชายได้อย่างไร?”
“อีกอย่าง ผมอดทนมาตั้งเป็นอาทิตย์ ขอเก็บดอกเบี้ยเพิ่มหน่อยก็ไม่ได้เลยเหรอ?”
พูดจบก็เข้ามาจูบเธออย่างลึกซึ้งอีกครั้ง
ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเลยจริง ๆ
ซูโย่วอี๋ได้แต่สงสัยว่าปากของตัวเองถูกจูบจนบวมไปแล้วหรือเปล่า ในที่สุดลู่เฉินก็ยอมปล่อยเธอและขับรถไปส่งเธอยังเป่ยสืออี้ผิน
ซูโย่วอี๋พ่ายแพ้รีบหนีลงจากรถ
แต่ลู่เฉินบีบแตรสองครั้งรั้งเธอไว้ “คืนนี้ผมจะมาหาคุณนะ”
ซูโย่วอี๋หันหน้ากลับไปเห็นลู่เฉินแต่งตัวเรียบร้อยราวกับสุภาพบุรุษ แต่ในใจก็คิดว่านี่แหละคือสัตว์ร้ายที่แสร้งทำเป็นคนไร้เดียงสา
“ไม่ได้ คืนนี้ฉันต้องไปหาหยินหยิน”
ลู่เฉินเหมือนอยากจะพูดอะไรต่อ แต่ซูโย่วอี๋ก็รีบเดินขึ้นลิฟต์ไปเสียแล้ว
เธอกลัวว่าลู่เฉินจะพูดอะไรอีก
ลู่เฉินลูบจมูกตัวเอง
หึ
เขาน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?
ซูโย่วอี๋กลับมาถึงบ้านก็รีบโทรหาซูหยินในทันที แต่เสียงปลายสายกลับทุ้มต่ำอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
[หยินหยิน เธอเป็นอะไร?]
ซูหยินนอนอยู่ที่มุมเตียงและมือทั้งสองข้างก็กอดตัวเองเอาไว้ [โย่วอี๋ ฉันคิดถึงเธอจัง]
[ถ้าตอนแรกฉันไม่เข้าวงการบันเทิง เรื่องราวทุกอย่างมันคงไม่เป็นแบบนี้ใช่ไหม?]
ความรู้สึกโศรกเศร้าแผ่ออกมา หัวใจของซูโย่วอี๋สั่นสะเทือน
ซูหยินรักในอาชีพนักแสดงมาก เธอเองก็รู้ดี เรื่องอะไรกันที่ทำให้เธอเป็นถึงขั้นนี้ได้?
ซูโย่วอี๋รีบสวมรองเท้าและวิ่งลงไปชั้นล่างในทันที [หยินหยิน รอฉันก่อนนะ]
บนรถแท็กซี่ ซูโย่วอี๋มองดูบรรยากาศภายนอกผ่านหน้าต่างรถ เกิดความรู้สึกกระวนกระวายและความกลัวขึ้นอย่างกะทันหัน
เธอจ้องมองอยู่นิ่ง ๆ นี่คือครั้งแรกในรอบสามปีที่เธอมายังที่พักของซูหยิน
ระหว่างเธอและซูหยิน พวกเรามีอายุเท่ากัน แต่เป็นซูหยินที่เข้าหาเธอด้วยความห่วงใยเสมอ ช่วยเธอแก้ไขปัญหา แม้ว่าซูหยินไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้เลยด้วยซ้ำ
ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น เธอจะต้องปกป้องซูหยินให้ได้!
“คุณคนขับคะ เร็วหน่อยได้ไหมคะ?”
หลังลงจากรถ ซูโย่วอี๋วิ่งไปตามเขตที่พักไม่หยุดหย่อน พอถึงหน้าประตูก็ยืนหอบหายใจเหนื่อยจนแทบถือกุญแจไว้ไม่ไหว
เธอเปิดประตูเข้าไป ทั้งห้องมืดสนิท ทั้งที่เป็นช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์ส่องแสงมากที่สุดแท้ ๆ แต่ทั้งห้องกลับมืดมนราวกับอยู่ใต้ดิน
“หยินหยิน?”
ซูโย่วอี๋เปลี่ยนร้องเท้าและเดินเข้าไป
ผ่านไปสักพักจึงได้ยินเสียงออกมาจากห้องนอน “ฉันอยู่นี่”
ซูโย่วอี๋ค่อย ๆ ก้าวทีละก้าวไปยังห้องนอน แสงสลัว ๆ เผยให้เห็นซูหยินที่กำลังนอนขดตัวอยู่
หัวใจของซูโย่วอี๋รัดแน่น
เธอยกมือขึ้นเพื่อกดเปิดไฟ
“อย่าเปิดไฟ ฉันอยากอยู่เงียบ ๆ”
ซูโย่วอี๋คลำหาทางและนั่งลงข้าง ๆ เตียง พร้อมกับได้กลิ่นเลือดจาง ๆ
“เธอเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
ซูหยินไม่ได้พูดอะไร เธอเอื้อมมือออกมากอดซูโย่วอี๋และเอนหัวลงไปยังคอของเธอ
ไม่นานนักเสื้อยืดตรงไหล่ของซูโย่วอี๋ก็เปียกโชก
ซูหยินไม่ได้ส่งเสียงร้องไห้ออกมา ไม่มีแม้แต่ท่าทางของคนที่กำลังร้องไห้
ไม่ใช่เพราะกลั้นมันเอาไว้
และซูหยินก็ไม่ได้ส่งเสียงร้องไห้ออกมา
แต่เป็นเพราะหัวใจของซูหยินได้ตายไปแล้ว
ซูโย่วอี๋นิ่งค้างไปชั่วครู่ รู้ตัวอีกทีก็พบว่าใบหน้าของตัวเองนั้นเย็นวาบไปหมด
“โย่วอี๋ ฉันทำผิดไปแล้ว”
ซูโย่วอี๋ไม่สนใจว่าซูหยินไปทำผิดอะไรมา ต่อให้ซูหยินจะฆ่า คนซูโย่วอี๋ก็พร้อมที่จะช่วยเธอแบกรับมันเอาไว้
ขอแค่ไม่ต้องเห็นเพื่อนร้องไห้
ซูโย่วอี๋ลูบลงเบา ๆ ที่หลังของอีกฝ่าย “ไม่เป็นไร มันไม่เป็นอะไรจริง ๆ”
ซูหยินดูทุกข์ทรมาน “ไม่ เธอไม่รู้ว่าฉันทำอะไรลงไป เธอถึงพูดออกมาได้อย่างง่ายดายว่าไม่เป็นไร ถ้าฉันบอกว่าฉันขายร่างกายของตัวเองเพื่อชื่อเสียงและกลายเป็นเมียน้อยที่เป็นสิ่งที่เธอเกลียดมากที่สุดล่ะ?”
“แถมภรรยาของผู้ชายคนนั้นก็ท้องอยู่ด้วย สิ่งที่น่ารังเกียจมากที่สุดก็คือฉันยังคงชอบผู้ชายคนนั้นอยู่!”