บทที่ 161 อยากล้มเหลวทั้ง ๆ ที่กำลังประสบความสำเร็จอยู่แล้วงั้นเหรอ?
บทที่ 161 อยากล้มเหลวทั้ง ๆ ที่กำลังประสบความสำเร็จอยู่แล้วงั้นเหรอ?
ซูหยินมองดูซูโย่วอี๋ทรุดตัวลง ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์จริง ๆ ทำเรื่องไม่ดีแล้วยังทำให้โย่วอี๋เป็นห่วงอีก
“ไม่ต้องห่วง ในเมื่อครั้งนี้ฉันฆ่าตัวตายไม่สำเร็จ มันจะไม่มีครั้งที่สองแล้ว”
“ฉันทิ้งเธอไปไม่ได้หรอก ถ้าหากว่าลู่เฉินรังแกเธอ ใครจะมาช่วยเธอล่ะ?”
แม้ซูหยินจะพูดอย่างนั้น แต่ในใจของซูโย่วอี๋กลับไม่กล้าเชื่อใจ ทำได้เพียงให้ซูหยินอยู่ในสายตาของตัวเองตลอดเวลา เธอถึงจะรู้สึกวางใจได้
“พวกเราไปอยู่ด้วยกันนะ ถ้าเธอไม่อยากย้ายมาอยู่กับฉัน ฉันจะไปกับเธอเอง เธอไปที่ไหนฉันก็จะไปด้วย”
ซูหยินตอบกลับ ท้ายที่สุดก็ต้องยอมรับปาก “ตกลง”
ซูโย่วอี๋ขยับตัวอย่างรวดเร็ว รีบเก็บข้าวของของซูหยินใส่กระเป๋าและพาเธอกลับไปยังเป่ยสืออี้ผิน ทันทีที่เปิดประตูก็เห็นว่าบ้านถูกเปิดไฟเอาไว้อย่างสว่างไสว
ลู่เฉินนั่งอยู่บนโซฟา พอได้ยินเสียงก็เงยหน้าขึ้นมองทั้งสองคน
ซูหยินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ซูโย่วอี๋เลยจับมือของเธอและเดินเข้าไป
“ลู่เฉิน มาช่วยยกกระเป๋าหน่อย ต่อไปนี้หยินหยินจะมาอยู่กับฉัน”
ลู่เฉินไม่ได้พูดอะไร เขาลุกขึ้นยืนและมารับกระเป๋าไป กวาดสายตามองก็เห็นว่าดวงตาของผู้หญิงทั้งสองคนนี้แดงก่ำ “เมื่อก่อนผมคิดอยู่ว่าถ้าโย่วอี๋อยู่คนเดียวจะกลัวหรือเปล่า ตอนนี้มีคุณมาอยู่ด้วยก็ดีแล้ว”
ซูหยินเงียบไปครู่หนึ่งและพูดขึ้น “ขอบคุณค่ะ”
ซูโย่วอี๋เก็บกวาดห้องนอนที่อยู่ข้าง ๆ ห้องนอนใหญ่ ไล่ลู่เฉินไปทำความสะอาดทุกซอกทุกมุม โดยเฉพาะของมีคม ถึงได้วางใจให้ซูหยินเข้ามา
“หยินหยิน เหนื่อยมาทั้งวันแล้วเธอรีบพักผ่อนเถอะ”
ซูหยินพยักหน้า “โอเค”
วันนี้ทั้งวันเป็นวันที่ซูโย่วอี๋เหนื่อยทั้งกายและใจ ตอนนี้เลยนั่งพักอยู่บนโซฟาสักครู่
ลู่เฉินนั่งลงข้าง ๆ โอบเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาและคลอเคลียที่แก้มของเธอด้วยคางของตัวเอง “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“ลู่เฉิน คุณจะว่าอะไรมั้ยถ้าฉันจะพาซูหยินมาโดยไม่ได้ขออนุญาตก่อน?”
“ขอแค่คุณมีความสุขก็ดีแล้ว”
“หยินหยินเจอเรื่องบางอย่าง…” ซูโย่วอี๋กำลังคิดว่าจะบอกกับลู่เฉินยังไง เธอไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องส่วนตัวของซูหยิน
ลู่เฉินเองก็มองเห็นความลำบากใจของเธอ “ไม่เป็นไร คุณไม่ต้องอธิบายให้ผมฟังหรอก ถ้าต้องการความช่วยเหลือคุณแค่บอกผมก็พอ”
“ผมจะไม่มาที่ห้องนี้ตามอำเภอใจอีก คุณจะตั้งค่ารหัสผ่านใหม่เลยก็ได้ ไม่งั้น…”
ซูโย่วอี๋เงยหน้าขึ้นมองเขา “ไม่งั้นทำไมคะ?”
ลู่เฉินโน้มตัวเข้าไปใกล้ ๆ หูของเธอ “ไม่งั้นผมก็จะดำเนินการตามสิทธิ์ของคนเป็นแฟน คุณไม่สามารถปฏิเสธผมได้”
…
ซูโย่วอี๋ย่นหน้าผาก “จริงจังหน่อยได้ไหมเนี่ย?”
“นี่ก็จริงจังอยู่ไง”
ซูโย่วอี๋จ้องตาทั้งสองข้างของเขาอย่างไม่พอใจ ลู่เฉินยิ้มและจูบที่ปากของเธอไปสองครั้ง “ไม่แกล้งคุณแล้ว คุณว่าอะไรผมก็ตกลงตามนั้น”
“ห้ามให้หยินหยินเข้าร่วมงานหรือกิจกรรมที่ต้องกินข้าวหรือดื่มเหล้าอีก”
“อีกอย่าง ตอนนี้มีคนกลั่นแกล้งเธอไม่ให้เธอได้งานอะไรเลย คุณจะช่วย…”
สามารถช่วยเธอได้ไหม?
“ได้”
แม้ว่าซูโย่วอี๋จะไม่ได้พูดออกไป แต่ลู่เฉินก็เดาได้ถึงความสัมพันธ์ที่ตัดไม่ขาดระหว่างซูหยินและฮัวจิง ก่อนหน้านี้เขาไม่อยากเข้าไปยุ่ง แต่ก็ไม่ได้แสดงว่าเขาไม่มีอำนาจเข้าไปยุ่ง
จู่ ๆ ซูโย่วอี๋ก็รู้สึกว่าลู่เฉินเชื่อฟังเธอจัง เลยอดไม่ได้ที่จะลูบหัวของเขา “คุณใจดีจัง”
แต่เสียงของลู่เฉินทุ้มต่ำลง “ไม่มีใครบอกคุณเลยหรอว่าอย่าลูบหัวของผู้ชาย?”
“ทำไมล่ะ?”
“จะทำให้ตัวไม่สูง”
ซูโย่วอี๋หัวเราะออกมา “ลู่เฉินนี่คุณอายุเท่าไหร่กัน พัฒนาการด้านการเติบโตของคุณหยุดทำงานไปตั้งนานแล้ว เข้าใจไหม?”
ลู่เฉินเห็นว่าเจ้าแมวจอมขี้เกียจในอ้อมแขนของเขาหัวเราะได้แล้วก็พูดขึ้น “ไม่เศร้าแล้วเหรอ?”
ซูโย่วอี๋จึงตระหนักได้ว่าลู่เฉินตั้งใจหยอกเธอ
“อืม”
ขอเพียงแค่หยินหยินยังอยู่ ทุก ๆ เรื่องก็สามารถผ่านไปได้ ขอเพียงแค่ไม่ต้องแยกจากกันก็คงไม่ต้องเจ็บปวดอีก
จนลู่เฉินกลับไป ซูโย่วอี๋ย่องไปยังห้องนอนเพื่อไปดูซูหยินและพบว่าเธอหลับไปแล้ว เธอคงจะเหนื่อยมากจริง ๆ
ตื่นขึ้นมาตอนเช้า ซูโย่วอี๋รู้สึกเศร้าที่ตัวเองติดอันดับการค้นหาร้อนแรงอีกแล้ว
ช่วงนี้เธอติดอันดับค้นหาร้อนแรงหลายครั้ง แต่ไม่ใช่เรื่องดีเลย
ซูโย่วอี๋คิดว่าเธอจัดการเรื่องหย่าร้างเรียบร้อยแล้ว ยังมีเหตุผลอะไรอีกที่ทำให้เธอติดอันดับการค้นหาร้อนแรง?
เมื่อกดเข้าไปดูก็พบว่าเรื่องรักในฝันประกาศรายชื่อนักแสดงหลักอย่างเป็นทางการแล้ว
พระเอกหลี่จื้อ : ฮันเจ๋อหยาง
นางเอกกู้ชิงเฉิง : อวิ๋นเหมี่ยว
พระรองอูซือม่าน : ไป๋หลิน
นางรองฮั่วเสวียน : ซูโย่วอี๋
ด้านหลังมีชื่อของตัวรองชายหญิงและเหล่าตัวประกอบ ทันทีที่ประกาศรายชื่อนักแสดงก็มีการ รีโพสต์กันอย่างบ้าคลั่ง
เพราะอิทธิพลของฮันเจ๋อหยางและซูโย่วอี๋ที่ได้รับบทเป็นฮั่วเสวียน จึงกลายเป็นจุดสนใจและเป็นประเด็นร้อนแรงของเหล่าชาวเน็ต ข่าวในส่วนของนางเอกก็เงียบไปเลย
ชาวเน็ตส่วนใหญ่กำลังต่อว่าเธอ!
[ห๊ะ? สวีโหมวมองแต่ภายนอกโดยไม่สนใจประวัติของนักแสดงเลยเหรอ? ทำไมถึงให้คนที่ไม่เคยแสดงละครมาก่อนอย่างซูโย่วอี๋เป็นนางรองได้ล่ะ]
[แย่แล้ว นางเอกของฉันแย่แล้ว! ฮั่วเสวียนในใจของฉันไม่ใช่แบบนี้ ซูโย่วอี๋ก็สวยอยู่หรอก แต่ไม่เห็นเหมาะจะเป็นฮั่วเสวียนเลย]
[นี่คืออำนาจของเงินเหรอ? ประธานลู่ออกมาพูดอะไรหน่อยว่าคุณใช้เส้นสายให้แฟนคุณใช่มั้ย]
[น่าเกลียด ประธานลู่หลงเธอมากจริง ๆ]
[แบนซูโย่วอี๋ไม่ให้แสดงเป็นฮั่วเสวียน]
[สวีโหมวคุณอยากล้มเหลวทั้ง ๆ ที่กำลังไปได้ดีอย่างนั้นเหรอ?]
[ตอนแรกได้ยินว่าสวีโหมวเป็นผู้กำกับ ฉันก็ดีใจอยู่ตั้งนาน ไม่คิดเลยว่าจะคัดเลือกนักแสดงแบบนี้ หมดคำจะพูด]
[ฉันว่ากลับไปอ่านนิยายดีกว่า ทุกคนก็ไม่ต้องทะเลาะกันแล้ว ภาพยนต์เรื่องนี้ดัดแปลงมาจากนิยาย อย่างไรผู้เขียนก็ได้เงิน ไม่งั้นใครจะเขียนหนังสือให้คุณอ่าน ยังดีที่ไม่ได้เป็นนางเอก]
[ทำไมต้องว่าซูโย่วอี๋ด้วย ไม่เคยมีใครได้ยินชื่ออวิ๋นเหมี่ยวมาก่อนไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่มีใครพูดถึงเธอเลย]
ซูโย่วอี๋เห็นว่านางเอกคืออวิ๋นเหมี่ยว น่าแปลกที่สามารถเอาชนะซูหยินและได้รับบทนางเอกไปได้ ยังดีที่ในนั้นมีทั้งชื่อของหัวหน้านักเขียน ผู้สร้าง รวมถึงพนักงานเบื้องหลัง ซูโย่วอี๋เลยกดเข้าไปดู
เธอเปิดดูเวยป๋อไปสักพัก ผู้หญิงคนนี้เริ่มมีชื่อเสียงมาจากภาพยนตร์ในต่างประเทศ บางครั้งก็ไปเป็นนางแบบ หน้าตาดูใสซื่ออบริสุทธิ์ ยิ้มแล้วตาเป็นสระอิ มีลักยิ้มสองข้างที่มุมปาก ตัวสูงผิวขาว เธอเป็นผู้หญิงประเภทที่เรียกว่าเป็นรักแรกพบของใครหลายคน
แต่หากเปรียบเทียบกับซูหยินก็ยังด้อยกว่านิดหน่อย ไม่ใช่ว่าซูโย่วอี๋เข้าข้างเพื่อนรักของตัวเอง แต่เพราะบทกู้ชิงเฉิงจะต้องงดงามจนแผ่นดินสะเทือน อวิ๋นเหมี่ยวคนนี้ดูไม่เหมาะกับบทนี้เลย
ตอนที่ออกมาจากเวยป๋อของอวิ๋นเหมี่ยว ซูโย่วอี๋สังเกตในหน้าโปรไฟล์ เธอเขียนการแนะนำตัวเพียงประโยคเดียว “ชีวิตเดียว โลกเดียว รักคนเดียว”
นี่เธอมีคนรักแล้วเหรอ?
คนที่สามารถป่าวประกาศเรื่องความรักได้อย่างเปิดเผยมีไม่มากจริง ๆ
หรือน่าจะเป็นเพราะว่าวงการบันเทิงในต่างประเทศค่อนข้างเปิดกว้าง?
ซูโย่วอี๋มองเธอด้วยความรู้สึกดีขึ้นมานิดหนึ่ง หลังเล่นเวยป๋อต่อไปอีกสักพักเธอก็กดออกมาและกดเข้าไปสั่งอาหารเช้าให้ซูหยิน
หลายวันมานี้ซูโย่วอี๋ลาพักกับสุ่ยเวยเอาไว้ บอกว่าไม่ว่าจะงานอะไรก็ขอพักเอาไว้ก่อน เธอจะต้องป้องกันซูหยินทุกย่างก้าว
ซูหยินไปไหนเธอก็ไปด้วย
ซูหยินขมวดคิ้ว “เพื่อนรัก เธอจะทำอะไรก็ไปทำเถอะ จะมาคอยตามฉันทำไม?”
“พวกเราไม่เจอกันตั้งนาน ฉันก็อยากจะอยู่เป็นเพื่อนเธอไม่ได้หรือไง?”
ซูหยินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา “ในอินเตอร์เน็ตมีข่าววุ่นวายเยอะมาก เธอไม่ไปดูที่บริษัทหน่อยเหรอ?”
“ไม่ไป ฉันแสดงเป็นฮั่วเสวียนได้ดีจะตาย ฉันจะรอทำให้พวกเขาเสียหน้า”
วันนี้พวกคุณไม่สนใจฉัน พรุ่งนี้ฉันจะทำให้คุณกลับมาหาฉันเอง
ซูหยินหัวเราะ “เธอวางใจเถอะ ช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดผ่านพ้นไปแล้ว ตอนนี้ต่อให้ฮัวจิงยืนอยู่ตรงหน้าของฉัน ฉันก็ไม่สนใจอะไรแล้ว”
“จริงเหรอ?”
“แน่นอน”
หัวใจมีแค่ดวงเดียวจะทำให้มันแตกสลายถึงสองรอบได้อย่างไร
ซูโย่วอี๋พยักหน้าอย่างพอใจ “ดีแล้ว แต่ก็ยังมีเวลาให้ขี้เกียจอยู่บ้าง ฉันเลยยังไม่อยากไปบริษัท”
ซูหยินได้ยินอย่างนั้นก็เลยทำอะไรไม่ได้