บทที่ 162 พูดไปเรื่อยได้ทั้งวัน
บทที่ 162 พูดไปเรื่อยได้ทั้งวัน
หลายวันมานี้เหมือนกันว่าพวกเธอได้ชดเชยช่วงเวลาที่หายไป ทั้งสองจับมือกันเดินเล่นไปตามถนน ไปดูหนัง กินข้าว ดื่มชานมแบบซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง อีกทั้งยังซื้อเสื้อผ้าแบบเดียวกันรวมถึงกระเป๋าร้องเท้าอีกมากมาย
จนกระทั่งไปถึงร้านชุดชั้นใน ซูหยินมองไปยังซูโย่วอี๋ด้วยสายตาหยอกล้อ “อันนี้พวกเราไม่ต้องซื้อเหมือนกันนะ”
“ทำไมล่ะ?”
สายตาของซูหยินจับจ้องไปยังหน้าอกของเธอ “เธอน่าจะต้องซื้อแบบที่ลู่เฉินชอบใช่มั้ยล่ะ?”
ซูโย่วอี๋หน้าแดง “เขามีแบบที่ชอบที่ไหนกัน”
“อ๋อออ” ซูหยินลากเสียงยาว “ก็ใช่ ไม่ว่าที่รักจะใส่อะไรเขาก็ชอบหมดแหละ”
จากนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
ซูโย่วอี๋เอื้อมมือไปปิดปากของเธอ “ปากของเธอเนี่ย พูดไปเรื่อยได้ทั้งวัน”
“ก็โต ๆ กันแล้ว ไม่ต้องเขินหรอก ชุดลูกไม้สีดำเป็นไง?”
ซูหยินหยิบเสื้อชั้นในบาง ๆ ที่ดูเหมือนว่าต่อให้ใส่ก็เหมือนไม่ได้ใส่ขึ้นมา มันปิดอะไรไม่ได้เลย!
เธอหยิบขึ้นมาดูอย่างละเอียดและบังเอิญเห็นป้ายราคา 9888 หยวน!
แค่ผ้าชิ้นเล็ก ๆ แค่นี้เนี่ยนะ?
ตอนแรกเธอก็รู้สึกว่าชุดชั้นในแบบนี้ค่อนข้างสวย
แต่พอเห็นราคา ซูโย่วอี๋รีบแขวนชุดชั้นในคืนไปยังชั้นวางและดึงซูหยินให้เดินออกมาทันที “ไม่ซื้อแล้ว”
ทั้งสองเดินซื้อของไปสักพักจนเริ่มเหนื่อย เลยไปหาร้านกาแฟนั่งพัก พอดีกับที่ลู่เฉินโทรมาซูหยินเลยไปเข้าห้องน้ำ
[คืนนี้คุณปู่ให้ผมพาคุณไปกินข้าวที่บ้าน]
กะทันหันจัง
ซูโย่วอี๋มองเวลาก็พบว่าตอนนี้ใกล้จะหกโมงแล้ว
[ลู่เฉิน ฉันยังไม่ได้เตรียมตัวเลยค่ะ คุณควรบอกฉันให้เร็วกว่านี้]
ครั้งที่แล้วที่ไปแบบไม่ได้เตรียมอะไรไปก็เสียมารยาทมากพอแล้ว ครั้งนี้ไปในฐานะแฟนของลู่เฉิน ซูโย่วอี๋ก็อยากจะทำให้คุณปู่ประทับใจ
แม้ว่าผู้เฒ่าลู่ดูจะชื่นชอบเธอมากอยู่แล้วก็ตาม
[ไม่เป็นไร คุณปู่ไม่ว่าอะไรหรอก แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าตอนนี้คุณกังวลใจเรื่องซูหยินอยู่หรือเปล่า]
ซูโย่วอี๋ชั่งใจก่อนพูดขึ้น [งั้นคุณช่วยฉันบอกกับคุณปู่ให้หน่อย ว่าวันหลังฉันจะหาเวลาไปเยี่ยมใหม่]
หลังวางสายไป กาแฟก็มาเสิร์ฟพอดี
แต่ซูหยินกลับยังไม่กลับมา
คงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรหรอกนะ
ซูโย่วอี๋รู้สึกเป็นห่วงทันทีและกำลังหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก แต่ซูหยินก็เดินมาพร้อมกับถุงในมือ
“เซอร์ไพรส์! อันนี้ฉันให้เธอ ลองเปิดดูสิ”
ซูโย่วอี๋มองซูหยินอยู่สักพักจนแน่ใจว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรจึงรับถุงนั้นมา แต่เมื่อเห็นของที่อยู่ข้างในก็ราวกับถูกฟ้าผ่า “เธอหายไปตั้งนานก็เพื่อไปซื้อชุดชั้นในเซ็กซี่ตัวนี้เนี่ยนะ?”
ซูหยินยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “แน่นอน ฉันจะปกป้องชีวิตของหญิงสาววัยกำลังพุ่งพล่านของเพื่อนรักเอง วางใจเถอะ เธอไซส์ 34B ฉันจำได้”
ตอนที่ซูโย่วอี๋หยิบชุดชั้นในนั้นมาดู ซูหยินก็รู้ได้เลยว่าเธอชอบ ไม่งั้นก็คงจะไม่เปิดดูราคาและรีบปฏิเสธในทันทีหรอก
ในใจของซูโย่วอี๋รู้สึกซาบซึ้งและสับสนปนกันไปหมด
เหมือนกับว่าขอแค่เธอชอบ ต่อให้แพงมากกว่านี้ซูหยินก็ซื้อให้เธอได้
บางครั้งซูโย่วอี๋ก็เคยคิดว่าในเมื่อมีเพื่อนรักแบบซูหยินอยู่แล้วจะยังต้องการแฟนไปทำไม
แต่เธอยังคงพยายามปฏิเสธ “มันคืนได้มั้ยเนี่ย?”
ซูหยินโบกมืออย่างช่วยไม่ได้ “แน่นอนว่าไม่ได้ เอาล่ะดื่มกาแฟเสร็จแล้วรีบกลับบ้านกัน ฉันหิวจะตายแล้วอยากกินกับข้าวฝีมือเธอ”
…
บ้านตระกูลลู่
ผู้เฒ่าลู่จัดโต๊ะอาหารชุดใหญ่ เพื่อเตรียมไว้รอให้หลานชายพาหลานสะใภ้มาที่บ้าน
“อ่า เสี่ยวจาง แจกันใบนี้ยังมีฝุ่นอยู่เลย”
เสี่ยวจางที่ถูกเรียกก็รีบนำผ้าขี้ริ้วมาเช็ดที่แจกันสองสามรอบจนสะอาดเอี่ยม ผู้เฒ่าลู่จึงหันหลังเดินจากไปอย่างพอใจ
เสี่ยวจางจึงใช้โอกาสนี้ขยิบตาให้กับพ่อบ้าน ก่อนที่จะรีบเกลี้ยกล่อมคุณท่านที่ยังไม่ยอมหยุดมือตลอดทั้งบ่ายนี้
ทุกซอกทุกมุมของคฤหาสถ์ทั้งหลังถูกทำความสะอาดทั้งหมด แม้แต่ในสวนดอกไม้ก็ถูกตัดแต่ง
เรียกได้ง่าเป็นมาตรฐานเดียวกับการต้อนรับประธานาธิบดีก็คงได้
ผู้เฒ่าลู่มองไปรอบ ๆ อย่างไม่วางใจและใช้มือลูบไปทั่ว
พ่อบ้านยิ้มและพูดขึ้น “คุณท่านครับ พักสักหน่อยเถอะครับ อีกไม่นานพวกคุณโย่วโย่วก็คงจะมาถึงแล้ว”
“อ่า หลายปีมากแล้วอาเฉินพึ่งพาแฟนสาวมาหาฉันเป็นครั้งแรก ก็ควรจริงจังหน่อย อีกอย่างจะทำให้โย่วโย่วรู้สึกว่าถูกละเลยไม่ได้”
“เป็นไปไม่ได้ ครั้งที่แล้วที่คุณโย่วโย่วมาที่บ้านคุณเองก็เคยเจอเธอแล้วไม่ใช่เหรอครับ เธอดูอ่อนโยนมาก”
พอนึกถึงเธอคุณปู่ก็ยิ้มขึ้นจนตาหยีเป็นเส้นตรง “อืม โย่วโย่วเป็นคนอารมณ์ดี หลี่ขุย นายไปเอาผลไม้ออกมา เอามาหลาย ๆ อย่าง เธอชอบกินอะไรจะได้เลือกได้เลย”
พ่อบ้านรับคำ “งั้นผมเปิดโทรทัศน์ให้คุณดูนะครับ?”
คุณปู่ทุบลงที่เอวของตัวเอง “ก็ดี แก่แล้วร่างกายก็ไม่ไหว ยืนแค่แป๊ปเดียวก็เหนื่อยแล้ว”
ผ่านไปสักพักก็ได้ยินเสียงรถยนต์ดังมาจากในสวน สีหน้าของคุณปู่ดีใจมาก “หลี่ขุย นายรีบออกไปดูว่าใช่โย่วโย่วหรือเปล่า?”
พ่อบ้านยืนดูอยู่ที่ประตูอยู่สักพัก ก็เห็นลู่เฉินเพียงคนเดียว
เขามองไปยังด้านหลัง แต่กลับไม่มีใครเลย
“นายน้อย คุณโย่วโย่วล่ะครับ?”
น้ำเสียงของลู่เฉินราบเรียบ “คุณลุงหลี่ครับ เธอไม่ได้มาด้วย”
พูดจบก็เดินตรงเข้าบ้านไป
ผู้เฒ่าลู่ที่ได้ยินเสียงฝีเท้าความตื่นเต้นก็เพิ่มขึ้นจนลุกขึ้นยืน “หลานสะใภ้มาแล้วเหรอ”
“หลานสะใภ้ของคุณปูมีธุระน่ะครับเลยไม่ได้มา”
ผู้เฒ่าลู่ไม่อยากจะเชื่อ เขายังคงคิดว่าลู่เฉินโกหก “หลี่ขุย!”
พ่อบ้านรีบวิ่งเข้ามา
“นายเห็นโย่วโย่วหรือเปล่า?”
สีหน้าของพ่อบ้านซีดลง “คุณท่านครับ คุณโย่วโย่วไม่ได้มาจริง ๆ ครับ”
ผู้เฒ่าลู่จ้องไปยังลู่เฉินด้วยสายตาเบิกกว้าง “เจ้าเด็กนี่ แกทะเลาะกับโย่วโย่วงั้นเหรอ?”
“เปล่าครับ”
แต่ผู้เฒ่าลู่ไม่เชื่อ “ปู่ถึงได้บอกว่าบุคลิกเย็นชาแบบแกที่ทั้งวันเอาแต่ทำหน้านิ่ง มีเพียงไม่กี่คนที่ทนได้ ปู่ขอบอกแกไว้เลยนะถ้าแกทำให้โย่วโย่วหลุดมือไป แกก็ไม่ต้องกลับมาอีกเลย”
ลู่เฉินทำหน้าตาไร้เดียงสา “เราไม่ได้ทะเลาะกันจริง ๆ ครับ ผมดูเหมือนคนไร้น้ำยาขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ทะเลาะกับผู้หญิงงั้นเหรอ คนอย่างลู่เฉินทำไม่ได้จริงๆ
ชายชราโกรธจนหันหลังพูดกับหลานชาย “งั้นทำไมเธอถึงไม่มากินข้าวที่บ้าน?”
พ่อบ้านช่วยพูดขึ้น “นายน้อย มื้อค่ำวันนี้คุณท่านยุ่งอยู่ทั้งวัน ตื่นมาจัดเตรียมอาหารตั้งแต่เช้า ทั้งของหวาน เหล้าเบียร์ และยังทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ด้วยครับ”
นอกจากคนในบ้าน ก็ไม่เคยมีใครได้กินอาหารค่ำที่บ้านของผู้เฒ่าลู่เลย
เพราะปกติแล้วหากมีเรื่องทางธุรกิจก็จะไปที่ร้านอาหารและจ่ายเงินโดยไม่ต้องเหนื่อย ทั้งสะดวกและไม่ยุ่งยาก
ลู่เฉินหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง “ผมผิดเอง”
ตอนที่คุณปู่โทรมาตอนบ่าย เขาก็นึกว่าแค่กินข้าวง่าย ๆ ไม่คิดว่าจะยิ่งใหญ่ขนาดนี้ เขาทำให้ความตั้งใจของคุณปู่ต้องสูญเปล่า
“เพราะปู่บอกกะทันหัน ผมก็เลยบอกให้เธอไม่ต้องมาแล้ว”
“แต่เธอบอกว่าครั้งหน้าจะมาเยี่ยมคุณปู่ให้ได้ครับ”
ได้ยินอย่างนั้น ผู้เฒ่าลู่ก็รู้สึกพอใจขึ้นเล็กน้อย “เธอพูดอย่างงั้นจริงเหรอ?”
ลู่เฉินพยักหน้า “แน่นอนครับ”
ชายชรายังคงโกรธหลังจากคิดถึงเรื่องนี้ เขาหยิบองุ่นในจานขึ้นมากินสองลูก เพราะโกรธจนหมดแรง “หลี่ขุย เอาของพวกนี้ใส่ถุง แล้วให้เจ้าเด็กนี่เอากลับไปให้หลานสะใภ้ซะ”
ลู่เฉิน “…”
ไม่ถามเขาบ้าง?
เขาก็นั่งอยู่ตรงนี้นะ
พอมีหลานสะใภ้ แม้แต่หลานชายแท้ก็ไม่ชายตามองเลยเหรอ?