บทที่ 167 เมาแล้วน่ารำคาญ
บทที่ 167 เมาแล้วน่ารำคาญ
น้ำในแม่น้ำสะท้อนคลื่นหลากหลายสีจากแสงไฟในเมือง ลมอ่อน ๆ ริมแม่น้ำยามค่ำคืนเย็นสบาย
หลังจากซูหยินอ้วกเสร็จแล้ว เธอก็เริ่มรู้สึกตัวมากขึ้น นิ้วเรียวของเธอชี้ไปที่ตึกสูงอีกฟากฝั่งของแม่น้ำ
“ประธานกู่ คุณดูสิ”
“ท่ามกลางแสงไฟดวงน้อย ๆ เหล่านั้น นั่นคือครอบครัว รวมกันหลายหมื่นพันครอบครัว แต่กลับไม่มีไฟสักดวงที่เป็นของฉัน”
คิ้วของซูหยินงดงามราวกับรูปภาพ รูปร่างของเธอสง่างาม กู่อวี๋เฉิงเอามือทั้งสองข้างไว้ในกระเป๋า มองเธอที่ดูสงบลงอย่างน่าประหลาดใจ
“เดี๋ยวก็มี”
ซูหยินหันหน้ากลับมามองเขาและยิ้มอย่างจริงใจ “จริงเหรอ?”
ไม่รอให้กู่อวี๋เฉิงได้ตอบกลับ ซูหยินเดินไปทางที่เดินมาและขึ้นไปยังสะพานจ่างลี่
เธอเดินไปไม่ไวมากนัก เดินเซไปมาหลายครั้งจนทำให้กู่อวี๋เฉิงตกใจจนเกือบจะเข้าไปช่วยพยุงเธอ
“ซูหยิน พอแล้ว กลับโรงแรมกับผมเถอะ”
เหมือนกับซูหยินไม่ได้ยินอะไร
ทันใดนั้น เธอนั่งลง คลายเชือกรองเท้าออกและเตะมันออกอย่างสบาย ๆ พร้อมกับเดินเท้าเปล่าบนถนนคอนกรีตเย็นเฉียบ
กู่อวี๋เฉินปวดหัวมาก เขาเดินไปตรงรองเท้ามองคนเมาที่อยู่ด้านหน้า แอบบอกตัวเองในใจว่าต่อไปจะไม่ปล่อยให้ซูหยินดื่มเหล้าตามอำเภอใจอีกแล้ว
เมาแล้วน่ารำคาญชะมัด
แม้เธอจะน่ารำคาญ แต่เขาก็ก้มลงเก็บรองเท้าส้นเข็มของซูหยินเอาไว้ในมือ
จู่ ๆ รถเปิดประทุนสีชมพูเข้มขับผ่านไป ผู้หญิงที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับตะโกนขึ้น “นี่ขับช้า ๆหน่อย”
“สุดยอดเลย โรแมนติกจัง ถ้าฉันมีแฟนเดินเล่นไปกับฉันและถือรองเท้าให้ ฉันคงจะโชคดีมาก ๆ แน่เลย”
ยังไม่พอแค่นั้น หญิงสาวคนนั้นตะโกนพูดกับกู่อวี๋เฉิง “สุดหล่อ อยากลองเปลี่ยนแฟนดูหน่อยไหม?”
ผู้หญิงอีกคนที่นั่งอยู่เบาะคนขับเหลือบมองและรู้สึกอาย “หุบปากเถอะน่า ฮ่ะฮ่าฮ่า แฟนเขาสวยขนาดนี้จะสนใจเธอได้ไง”
ซูหยินได้ยินเสียงตลก ๆ นั้น จึงเดินกลับไปสองสามก้าว พยายามเขย่งเท้าเอาแขนเกี่ยวคอ กู่อวี๋เฉิง ส่วนรถสปอร์ตคันนั้นก็มุ่งหน้าไปอย่างเร็ว พร้อมกับมีเสียงอ่อนนุ่มดังขึ้น “นี่คุณหมด แรงแล้วเหรอ”
ซูหยินพาดตัวไว้บนตัวของเขาเพราะไม่มีเรี่ยวแรงแล้ว
พูดจบซูหยินเงยหน้าขึ้น แต่กลับเห็นสายตาเย็นชาของกู่อวี๋เฉิงที่มองมาอย่างไร้ความรู้สึก
ซูหยินหัวเราะและค่อย ๆ เอามือออก
“ระวัง”
ตาของกู่อวี๋เฉิงเบิกกว้าง การเคลื่อนไหวของมือไปไวกว่าความคิด เขาโอบกอดซูหยินไว้ในทันที
ร่างครึ่งตัวของซูหยินห้อยอยู่กลางอากาศริมทางเท้า เอวบาง ๆ ของเธอแถบจับไว้แน่น
คนที่ทำผิดกลับไม่รับรู้ถึงอันตรายของตัวเองเลย
น้ำเสียงของกู่อวี๋เฉิงฟังดูหงุดหงิด “ระวังหน่อยสิ”
ซูหยินจ้องมองไปที่เขาอย่างว่างเปล่า “อ่า ขอโทษที”
ด้านหน้ามีรถตำรวจผ่านมา ตำรวจหยิบวิทยุสื่อสารออกมา “สองคนตรงนั้นน่ะ จะแสดงความรักก็ต้องดูสถานที่ด้วย รีบยืนดี ๆ เลย”
กู่อวี๋เฉิงดึงเธอเข้ามา คล้ายจะโอบกอดไว้ในอ้อมแขน
แต่ใบหน้าของเขากลับเย็นชาลง
ซูหยินหลุดออกมาจากอ้อมแขนของเขา และยังล้อเล่นกับลุงตำรวจอย่างตลกขบขัน “โอเคค่าา ขอโทษด้วยนะค้าา”
กู่อวี๋เฉิงทนให้ซูหยินทำตัววุ่นวายต่อไปไม่ไหวจึงจูงมือเธอให้เดินไปที่รถ
แต่ซูหยินไม่พอใจและต้องการสลัดออก แต่กู่อวี๋เฉิงหันหน้ากลับมา “ซูหยิน ถ้าคุณยัง ทำตัววุ่นวาย ผมจะทิ้งคุณไว้ที่นี่คนเดียว”
ดูไปแล้วเขาก็น่าจะโกรธมากจริง ๆ
ซูหยินพึมพำ “คุณอวี๋ที่รัก อย่าโกรธนักเลย”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่สนใจเธอ เธอจึงยังคงก้าวต่อไปข้างหน้าอีก
ซูหยินยื่นนิ้วก้อยออกมาเขี่ย ๆ ฝ่ามือของเขา กู่อวี๋เฉิงรู้สึกถึงกระแสไฟฟ้ากระจายจากฝ่ามือไปยังทั้งร่างกาย
เขาตอบกลับด้วยเสียงแข็ง “อะไรอีก?”
“ช้าหน่อยได้มั้ย ฉันเดินตามไม่ทันแล้ว”
หลังจากที่กู่อวี๋เฉิงพาซูหยินเข้าไปนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับเรียบร้อย เขาก็ถอนหายใจออกมา และขับรถส่งเธอกลับไปยังโรงแรม
…
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนมาถึงวันที่ต้องถ่ายรูปนักแสดงในละครรักในฝัน สุ่ยเวยต้องพาศิลปินไปส่งถึงสองคน จึงให้บริษัทจัดรถตู้ให้หนึ่งคันและให้ฮันเจ๋อหยางและซูโย่วอี๋ไปด้วยกัน
ประตูรถเปิดออก ซูโย่วอี๋เห็นฮันเจ๋อหยางจึงรีบทักทายก่อน “รุ่นพี่ฮัน สวัสดีค่ะ”
สุ่ยเวยให้เธอขึ้นรถมาก่อนแล้วค่อยคุยกัน
ซูโย่วอี๋ยกซาลาเปาที่ซื้อมาจากข้างทางขึ้นมา “พวกคุณกินไหมคะ?”
แม้จะรู้ว่าไม่มีใครอยกากิน แต่ซูโย่วอี๋คิดว่ามันรสชาติดีมาก ถ้าไม่ชวนก็คงรู้สึกเกร็ง ๆ
เหมือนฮันเจ๋อหยางจะสนใจเธอมาก สายตาของเขาจับจ้องไปยังหญิงสาวทั้งที่ตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ
ซูโย่วอี๋อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น “รุ่นพี่ฮัน บนหน้าฉันมีอะไรหรือเปล่า?”
ฮันเจ๋อหยางยิ้มอย่างสดใส “ไม่ ๆ หลายวันก่อนที่มีการฝึกศิลปะการต่อสู้แต่คุณลาไปน่ะ ถ้าต้องการให้ผมช่วยสอนก็บอกได้เลยนะ”
“ขอบคุณค่ะ”
ตั้งแต่เดบิวต์มาฮัน เจ๋อหยางเป็นที่รู้จักในวงการถึงความทุ่มเทให้กับงานของเขา ไม่ว่าบทบาทจะยากแค่ไหน เขาก็จะเล่นด้วยตัวเอง จึงทำให้เขามีพื้นฐานด้านศิลปะการต่อสู้อยู่บ้าง
เมื่อพูดจบภายในรถก็เงียบลง
ซูโย่วอี๋เปิดหน้าต่างรถออก เตรียมที่จะกินซาลาเปาเงียบ ๆ
“ขอโทษนะ แต่ผมมีคำถามน่ะ คุณจะว่าอะไรไหม?”
ซูโย่วอี๋มองฮันเจ๋อหยาง “ถามมาได้เลยค่ะ”
“คุณเป็นลูกคนเดียวตั้งแต่เด็กเลยหรือเปล่า? เคยเจอหน้าพ่อแม่มาก่อนไหม?”
ซูโย่วอี๋เงียบไปสักพัก
ฮันเจ๋อหยางคิดว่าเธอไม่อยากพูดถึง “อ่า ผมคงทำให้คุณรู้สึกไม่ดีสินะ”
ซูโย่วอี๋ส่ายหัว “ไม่เป็นไรค่ะ ตามที่ท่านผู้อำนวยการเคยบอกมา พวกเขาเก็บฉันมาจากหน้าประตูสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ตอนนั้นฉันอายุเท่าไหร่ก็ไม่มีใครบอกได้ รู้เพียงแต่ว่าตอนนั้นไม่มีอะไรเลยที่สามารถระบุตัวตนของฉันได้”
“งั้นวันเกิดของคุณล่ะ?”
“เป็นวันเกิดที่ท่านผู้อำนวยการกำหนดให้ ตอนที่เธอเก็บฉันมาฉันน่าจะอายุประมาณสองสามเดือน”
ฮันเจ๋อหยางพยักหน้าครุ่นคิดอย่างจริงจัง
ซูโย่วอี๋นึกถึงตอนที่ไปยัง ‘โรงรับจำนำไร้กังวล’ ในระบบ หญิงชราคนนั้นบอกว่าเธอสามารถจำนำความรักของเธอได้ “ถึงอย่างนั้น ฉันก็เชื่อว่าบนโลกใบนี้ยังมีญาติของฉันอยู่”
เพียงแต่ในใจของเธอก็ยังคงสงสัย ถ้าญาติของเธอยังมีชีวิตอยู่ ทำไมตัวเธอเองถึงถูกทิ้งอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าล่ะ?
ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจทิ้งกันนะ?
พวกเขากำลังตามหาเธออยู่หรือเปล่า?
ในบางคืน เรื่องราวพวกนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของซูโย่วอี๋ แต่เธอกลับไม่กล้าคิดอะไรเกินไปมากกว่านี้
สุ่ยเวยขมวดคิ้ว “ถ้าคุณอยากตามหาคนในครอบครัว ประธานลู่ก็น่าจะสามารถ…”
ซูโย่วอี๋ปฏิเสธ “เรื่องนี้ฉันอยากจัดการเองค่ะ”
หลังจากนั้นไม่มีใครพูดอะไรต่อ ฮันเจ๋อหยางเปิดโทรศัพท์ดูรูปของซูโย่วอี๋ที่เขาส่งเข้าไปในกลุ่มครอบครัวในวันนั้น
ลงมาข้างล่างยังมีข้อความตอบกลับอยู่หลายประโยค
ผู้สนับสนุนหมายเลขหนึ่ง (ฮันซิ่นไป่) : รูปแม่รูปนี้ถ่ายเมื่อไหร่? ทำไมพ่อจำไม่ได้เลย
ผู้สนับสนุนหมายเลขสอง (ฮันเจ้อเหยียน) : หม่ามี้สวยจัง (อิโมจิดอกกุหลาบ)
นักแสดงระดับทั่ว ๆ ไป : พี่ชายจอมประจบสอพลอ
นักแสดงระดับทั่ว ๆ ไป : @ผู้สนับสนุนหมายเลขหนึ่ง พ่อลองดูดี ๆ สิ?
เจ้าหญิงน้อยผู้บอบบางแห่งตระกูลฮัน : …พี่รอง! พี่รีบลบรูปทิ้งเดี๋ยวนี้
คนสวยประจำตระกูลฮัน : ไม่จำรูปนี้ไม่ได้ ตัวแม่เองก็ดูไม่ออกว่าไปถ่ายที่ไหน
นักแสดงระดับทั่ว ๆ ไป : แม่ นี่ไม่ใช่รูปแม่!
เจ้าหญิงน้อยผู้บอบบางแห่งตระกูลฮัน : พี่รองพี่ต้องทำแบบนี้จริง ๆ ใช่มั้ย? พี่ก็รู้ว่าฉันไม่ชอบเธอแต่พี่ก็ยังส่งรูปเธอมาในกลุ่มอีก
ผู้สนับสนุนหมายเลขหนึ่ง (ฮันซิ่นไป่) : เอินจีเป็นอะไรไป?
นักแสดงระดับทั่ว ๆ ไป : ฮ่าฮ่า ไม่มีอะไรหรอกพ่อ น้องก็แค่อิจฉา ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนแม่มากกว่าตัวเธอเอง (อิโมจิขยิบตา)
ผู้สนับสนุนหมายเลขหนึ่ง (ฮันซิ่นไป่) : นี่คือใคร? ในโลกนี้มีคนที่คล้ายกันขนาดนี้ด้วยเหรอ?
นักแสดงระดับทั่ว ๆ ไป : รุ่นน้องที่บริษัทชื่อซูโย่วอี๋
เจ้าหญิงน้อยผู้บอบบางแห่งตระกูลฮัน : …