บทที่ 183 คุณซูคนไหน
บทที่ 183 คุณซูคนไหน
“โอเคค่ะ”
ซูโย่วอี๋ได้รับคำอนุญาตจากผู้กำกับสวี คืนนั้นซูโย่วอี๋ให้เหมยเหมยซื้อตั๋วเครื่องบินรอบเช้าแปดโมงของวันถัดไป พอสิบเอ็ดโมงก็มาถึงสนามบินปักกิ่ง
เมื่อเดินออกมาจากสถานี ด้านนอกมีฝนตกปรอย ๆ ทั้งเมืองอบอวลไปด้วยกลิ่นดินที่ถูกฝนชะล้าง
ซูโย่วอี๋หยุดมองอยู่ครู่หนึ่ง “จะถึงฤดูใบไม้ร่วงแล้ว”
นี่คือฤดูใบไม้ร่วงแรกระหว่างเธอกับลู่เฉิน…
เหมยเหมยโบกเรียกรถแท็กซี่และกางร่มเพื่อมารับเธอขึ้นรถ
จากนั้นก็ไปที่เทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์ ระหว่างทาง เหมยเหมยก็ถามขึ้นอย่างไม่วางใจ “พี่ซู พี่ติดต่อกับประธานลู่หรือยัง?”
ไม่ใช่ว่าไปแล้วเสียเวลาเปล่าเพราะเขาไม่อยู่นะ
ซูโย่วอี๋ยิ้ม “อืม เขาอยู่”
ซูโย่วอี๋โทรศัพท์ถามสุ่ยเวยเอาไว้ก่อนแล้ว ลู่เฉินพึ่งกลับมาจากการต่างประเทศเมื่อคืนนี้ ช่วงนี้มีงานเยอะมากเลยไม่สามารถไปไหนได้สักระยะหนึ่ง
“หลายวันมานี้ เธอตามฉันวิ่งวุ่นไปทั่วลำบากหน่อยนะ วันนี้ให้เธอไปพักผ่อน พรุ่งนี้เราค่อยเจอกันที่สนามบินก็ได้”
เหมยเหมยตกใจนิดหน่อย “ขอบคุณค่ะ พี่ซู”
ทั้งสองคนแยกกันที่หน้าประตูเทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์ ซูโย่วอี๋เดินเข้าไปในตึกทันที
ทันทีที่เข้ามาพนักงานต้อนรับก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นเธอ จึงรีบลุกขึ้นยืน “คุณซู ไม่ใช่ว่าคุณถ่ายละครอยู่ที่ชายแดนมองโกเลียหรอคะ?”
“คุณรู้ได้ไง?”
เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของศิลปิน กำหนดการเดินทางไม่มีทางถูกเปิดเผย
ดวงตาของพนักงานต้อนรับหญิงคนนี้เป็นประกาย “ฉันดูรักในฝันทุกอาทิตย์เลยค่ะ สนุกมาก ช่วงนี้ถ่ายทำที่ชายแดนมองโกเลียนี่คะ”
อย่างนี้นี่เอง
ซูโย่วอี๋พนักหน้า “ฉันกลับมาแป๊บเดียวน่ะ”
“แล้วนี่ประธานลู่ทราบหรือยังคะ? ต้องการให้ฉันโทรศัพท์ไปถามห้องเลขาให้ไหมคะ?”
“ไม่ต้องค่ะ” ซูโย่วอี๋รีบห้ามไว้ ถ้าลู่เฉินรู้ว่าเธอกลับมาแล้วจะมีอะไรไปเซอร์ไพรส์เขาล่ะ
ซูโย่วอี๋ขึ้นลิฟต์พิเศษ เพราะลิฟต์ปกติไม่สามารถขึ้นไปถึงห้องทำงานของผู้บริหารได้ ตั้งแต่ที่ลู่เฉินป่าวประกาศเรื่องความสัมพันธ์ความรักของเขาผ่านเวยป๋อ แผนกขนส่งของบริษัทก็ป้อนลายนิ้วมือของเธอเข้าระบบทันที
ลิฟต์ค่อย ๆ สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ ยิ่งทำให้ซูโย่วอี๋รู้สึกตั้งตารอ
พอประตูลิฟต์เปิดออก เธอเดินเข้าไปด้านใน ตอนนี้มีเพียงเลขาอยู่เพียงคนเดียว
พอเลขาคนนั้นเห็นเธอก็ตกใจ “คุณซู?”
ซูโย่วอี๋ระงับความตื่นเต้นของตัวเอง ทำหน้านิ่ง ๆ และชี้ไปยังประตูห้องทำงานที่ปิดสนิท “ลู่เฉิน อยู่ข้างในหรือเปล่าคะ?”
เลขาพยักหน้า “อยู่ค่ะ กำลังคุยงานอยู่กับประธานจาง”
ถ้าเป็นคนอื่น เลขาก็คงจะต้องให้เธอไปรอที่ห้องรับแขกแล้ว แต่ซูโย่วอี๋เป็นแฟนสาวของท่านประธาน เลขาอย่างเธอไม่กล้าทำอะไรตามอำเภอใจหรอก “รอสักครู่นะคะ ฉันจะรีบไปแจ้งประธานลู่ให้”
ซูโย่วอี๋โบกมือขึ้น “ไม่ต้องค่ะ ฉันรอได้”
เลขาพาเธอไปรอที่ห้องรับแขก หลังจากนั้นก็ต้มชาหลงจิ่งมาให้
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป นาฬิกาชี้ไปยังเลขสิบสอง
เลขาเข้ามาถามว่าต้องการให้เธอสั่งอาหารเที่ยงให้ไหม ซูโย่วอี๋จึงใช้โอกาสนี้ถามขึ้น “ปกติแล้ว ตอนเที่ยงลู่เฉินทานข้าวอย่างไรคะ?”
“ถ้าวันไหนไม่ได้จัดอาหารเอาไว้ พวกเราจะสั่งอาหารไว้ให้ประธานลู่ล่วงหน้าค่ะ แต่วันนี้ประธานจางอยู่ด้วย ตามปกติแล้วถ้าคุยงานเสร็จพวกเขาก็จะออกไปกินข้าวด้วยกันค่ะ”
ซูโย่วอี๋จับถ้วยกระเบื้องด้วยนิ้วชี้ของเธออย่างไม่รู้ตัว งั้นเธอยังต้องรอไหม?
ทำไมถึงรู้สึกท้อใจกันนะ
เลขาเห็นว่าเธอก้มหน้าและไม่พูดอะไร “คุณซู ต้องการให้ฉันเข้าไปแจ้งประธานลู่ไหมคะ?”
ซูโย่วอี๋ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะลุกขึ้นยืน “ในเมื่อเขายุ่งอยู่ก็ช่างเถอะค่ะ ฉันเองก็ไม่ได้มีเรื่องรีบร้อนอะไร”
พูดจบ ซูโย่วอี๋ก็เดินออกจากห้องรับแขกและลงลิฟต์ไป
เลขามองดูแผ่นหลังที่จากไปของเธออย่างไม่เข้าใจ
จากนั้นก็มีคนเดินออกมา ประตูห้องทำงานเปิดออก ลู่เฉินและประธานจางเดินออกมาแล้ว
ห้องรับแขกเป็นห้องกระจกใส ลู่เฉินเห็นน้ำในถ้วยกระเบื้องในห้องรับแขกยังเดือดอยู่ “ใครมาเหรอ?”
“ประธานลู่คะ คุณซูมาค่ะ”
ลู่เฉินไม่ตอบสนองอะไรไปครู่หนึ่ง “คุณซูคนไหน?”
เลขาสาวจ้องมองอย่างงุนงง “คุณซูโย่วอี๋ค่ะ”
ท่านประธาน นี่แฟนคุณนะคะ คุณไม่รู้จักเธอเหรอ?
ใบหน้าของลู่เฉินปรากฎรอยยิ้มขึ้น “แล้วเธอไปไหนแล้วล่ะ?”
“คุณซูรอมาครึ่งชั่วโมงแล้ว เห็นว่าคุณยุ่งก็เลยไปแล้วค่ะ”
ลู่เฉินขมวดคิ้ว น้ำชายังร้อน ๆ อยู่คงยังไปได้ไม่นาน “ครั้งต่อไปรีบบอกผมเลยนะครับ”
ประธานจางเห็นท่าทางเคร่งเครียดของเขาก็แซวขึ้น “แค่ไม่ได้เจอแฟนตัวเองก็โกรธแล้วเหรอ?”
ลู่เฉินยิ้มจาง ๆ “ประธานจาง ขอโทษด้วยที่ต้องผิดคำพูด เที่ยงวันนี้ผมคงต้องให้คุณอยู่คนเดียวแล้ว ครั้งหน้าผมจะเลี้ยงข้าวคุณใหม่เพื่อเป็นการไถ่โทษนะครับ”
ประธานจางยังคงหัวเราะอยู่ ในใจก็รู้สึกสนใจในตัวแฟนสาวของลู่เฉินที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน
คนที่สามารถทำให้คนบ้างานอย่างประธานลู่โยนงานทิ้งได้ ถือว่าไม่ธรรมดา
“คุณรีบตามเธอไปเถอะ”
ลู่เฉินไม่ได้เกรงใจอะไร สั่งให้เลขาไปส่งแขก ส่วนตัวเองก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาซูโย่วอี๋
แต่ว่าติดต่อไม่ได้
ลิฟต์พิเศษสำหรับผู้บริหารยังคงลงไปด้านล่างเรื่อย ๆ เขาเดาว่าซูโย่วอี๋น่าจะอยู่ในลิฟต์ เขารีบใช้ทางหนีไฟและลงไปอีกชั้นทันทีเพื่อขึ้นลิฟต์ปกติของพนักงาน
เพียงแต่ว่าเป็นเวลาพอดีกับช่วงพักกินข้าว ลิฟต์ดูจะแวะหยุดทุกชั้น ทำให้ลู่เฉินรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา จนบรรยากาศในลิฟต์รู้สึกกดดันขึ้นมา
พนักงานที่กำลังพูดคุยหัวเราะกันอยู่เมื่อเห็นท่านประธานยืนอยู่ด้านในสุดของลิฟต์ก็ทำตัวเหมือนนกน้อยน่ารักในทันที พอทักทายเสร็จก็ยืนนิ่งเงียบในมุมของลิฟต์
พวกเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา [กลุ่มใต้ดินเทียนฉี]
[@สวยที่สุดในโลก : ทำไมวันนี้ประธานลู่ถึงมาใช้ลิฟต์ของพนักงานล่ะ?]
[@หัวหน้าแผนกขนส่ง : ลิฟต์ผู้บริหารพังเหรอ]
[ฉันเกือบถูกความกดดันของประธานลู่แช่แข็งตายแล้ว ช่วยฉันด้วย]
[นายโง่หรือเปล่าเนี่ย จะไปยืนใกล้ ๆ ประธานลู่ทำไมล่ะ?]
[ไม่ใช่เพราะพวกนายเบียดหรือไงกัน! วันนี้ใครมาทำให้ประธานลู่โมโหเนี่ย เมื่อเช้ายังดูปกติอยู่เลย]
หลังจากที่เลขาส่งประธานจางเสร็จก็เปิดโทรศัพท์ดู พบว่าตัวเองถูกแอดถึงอย่างบ้าคลั่ง ทั้งหมดล้วนถามถึงสถานการณ์ของประธานลู่
พอเธอนึกถึงท่าทางสั่น ๆ ของคนพวกนั้น เลขาสาวอดขำไม่ได้ นี่เป็นเรื่องใหญ่อย่างไม่คาดคิดจริง ๆ
[ใจเย็น ๆ ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกนาย ท่านประธานรีบไปหาแฟนสาวของเขาต่างหาก]
[!!!]
[แฟนสาวอะไรกัน ต้องให้ประธานลู่ไปตามด้วยตัวเองเลยเหรอ?”
[เทพทิดาซู! เทพธิดาโย่วโย่วของฉัน! ฮั่วเสวียนสามีของฉัน!]
[รีบจนต้องใช้ลิฟต์ของพนักงานเลยเหรอ? ลิฟต์พิเศษใช้งานไม่ได้หรือไง?]
[@หัวหน้าแผนกขนส่ง ยังกินข้าวลงอยู่อีกเหรอ? รีบไปตรวจสอบสาเหตุเดี๋ยวนี้เลย]
[ครั้งแรกที่รู้สึกว่าลิฟต์เคลื่อนช้ามาก เวลาช่างยาวนานเหลือเกิน]
[ขอร้องเถอะ ทุกคนอย่ากดลิฟต์เบอร์ 3 ของพนักงานเลย ให้ประธานลู่ลงไปถึงชั้นหนึ่งทีเดียวเลยได้ไหม?]
ลิฟท์ลงมาถึงชั้นหนึ่งอย่างยากลำบาก พนักงานในลิฟต์หลีกทางให้ลู่เฉินออกมา “ประธานลู่ ถึงแล้วครับ”
ลู่เฉินก้าวออกไปและมองไปรอบ ๆ ก็ไม่เห็นคนที่ตามหา จึงดึงโทรศัพท์ออกมา ครั้งนี้ซูโย่วอี๋รับสายอย่างรวดเร็ว
“คุณอยู่ไหน?”
ซูโย่วอี๋ยืนอยู่ที่หน้าประตูใหญ่ของตึกเทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์ [หน้าประตูใหญ่ค่ะ]
“รอผมก่อน อย่าพึ่งไปไหน”
พอวางสายไป ซูโย่วอี๋หมุนตัวกลับมาก็เห็นลู่เฉินกำลังวิ่งออกมาจากหน้าประตู
วันนี้เขายังคงสวมเสื้อเชิ้ตและกางเกงขายาว ต้นขาตรงและเรียวยาวดูเหมือนจะเดินได้เร็วกว่าคนธรรมดาทั่ว ๆ ไป
ไม่งั้นเขามาถึงตรงหน้าของเธอในเวลาไม่นานได้อย่างไร
เดิมทีซูโย่วอี๋รู้สึกเสียใจที่แผนการเซอร์ไพรส์ของเธอนั้นล้มเหลว แต่ทันทีที่เธอเห็นคิ้วและดวงตาน่าดึงดูดของลู่เฉิน ความรู้สึกพวกนั้นก็หายไปในทันที
“ลู่เฉิน คุณคุยงานเสร็จแล้วเหรอคะ?”