บทที่ 195 อย่าไป
บทที่ 195 อย่าไป
กู้ชิงเฉิงได้ยินเช่นนั้นก็ปล่อยม้าของตัวเองให้เป็นอิสระ
“เจ้าม้าเอ๋ย หากอันตรายมาถึงก็จงหนีไปด้วยตัวเองเถิด”
ฮั่วเสวียนมีท่าทีเคร่งขรึม “ออกเดินทางได้”
ทั้งสามคนวิ่งอยู่ในความมืดและมาถึงรอบ ๆ กระโจมหลังใหญ่อย่างรวดเร็ว พร้อมกับแอบดูสถานการณ์อยู่ในพงหญ้า
หากแต่มีเสียง ๆ หนึ่งดังขึ้นมา
มีเสียงของผู้คนเดินไปมาทั่วกระโจม
เปลี่ยนกะแล้ว…
คนของหร่งตี๋ที่อยู่ไม่ไกลเริ่มพูด “เฮ้อ เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ในที่สุดก็นอนได้สักที ข้าไปก่อนล่ะ”
“เฮ้ พวกเป่ยหวู่กับคนอื่น ๆ ยังไม่มาเลย!”
คนที่พูดคนแรกกลับไม่ได้สนใจ “เฝ้ามาตั้งหลายวันก็ไม่มีเรื่องอันใดสักนิด พวกขี้ขลาดอย่างต้าเซี่ยไม่กล้าแอบโจมตีพวกเราหรอก วางใจเถิด”
ได้ยินเช่นนั้นคนที่เหลืออยู่ต่างเริ่มผ่อนคลาย “เสี่ยวสือ เจ้ามาใหม่ก็เฝ้าไปอีกสักพักแล้วกัน เป่ยหวู่น่าจะไปห้องน้ำ เจ้ารอให้เขามาก่อนแล้วค่อยไป เข้าใจใช่ไหม?”
เสี่ยวสือลังเลที่จะพูด แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก
ทุกคนไปกันจนหมด เหลือเพียงเสี่ยวสือที่ยืนเปลี่ยวอยู่คนเดียว
ทันใดนั้น ฮั่วเสวียนหันหน้ากลับมาทำสัญลักษณ์ให้เตรียมลงมือ บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาในทันที
ฮั่วเสวียนหยิบหินขึ้นมาก้อนหนึ่งและโยนไปด้านข้าง เสียงที่เกิดขึ้นดังชัดเจนในหูของผู้ได้ยินทันทีเพระาเป็นเวลากลางคืน
เสี่ยวสือมองไปอย่างตื่นตัวและตะโกน “ใครน่ะ?”
เขารีบวิ่งตามไป ฮั่วเสวียนและอีกสองคนใช้โอกาสนี้เข้าไปในกระโจม เป้าหมายของพวกเขาในครั้งนี้คือคุกของหร่งตี๋
แต่ทั้งสามไม่ได้รีบร้อนอะไร
พวกเขาต้องหาทหารผู้โชคร้ายทั้งสามคน เพื่อขโมยชุดเครื่องแบบมาก่อน
ซึ่งฮั่วเสวียนและนักดาบลงมือสังหารในครั้งเดียว
หลังจากเปลี่ยนเป็นชุดทหารของหร่งตี๋แล้ว พวกเขาก็มุ่งหน้าตรงไปยังคุก
ตามที่ฮั่วเสวียนคิดเอาไว้ ทุกที่รอบ ๆ ประตูใหญ่จะต้องมีคนเฝ้าอยู่มากมาย แต่คนดูแลต่างก็จากไปก่อนแล้ว เหลือไว้เพียงทหารใหม่สองนายหลับในรอให้คนมาเข้ากะต่อ
ฮั่วเสวียนนำหน้าไปก่อนและพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมปนสงบนิ่ง “พวกเจ้าไปพักเถอะ”
ทหารใหม่ทำท่าเคารพ “ขอรับ”
เดินไปสองก้าวก็หันกลับมาอย่างสงสัย “พี่ชาย วันนี้คอท่านเป็นอะไรไป ทำไมฟังแล้วดู…”
ฮั่วเสวียนขมวดคิ้วด้วยท่าทางไม่เกรงใจ “เป็นหวัด เจ้ามีอะไรรึ?”
ทหารใหม่ดูท่าจะเกรงกลัวฮั่วเสวียน จึงไม่กล้าสงสัยอีก “ข้าแค่ถามเฉย ๆ ขอรับ”
และรีบวิ่งออกไป
รอจนร่างของทหารใหม่หายลับไป ฮั่วเสวียนและอีกสองคนก็รีบเข้าไปยังคุก
คุกของหร่งตี๋เรียบง่าย ผู้ที่ถูกคุมขังในคุกมีตั้งแต่เด็กจนถึงหญิงชรา ร่างของเหล่าชายวัยกลางคนมีรอยเลือดเปื้อนเต็มไปหมด หากไม่เสียแขนก็เสียขาไป
พอจะจินตนาการได้ว่าพวกหร่งตี๋นั้นโหดร้ายเพียงใดในระหว่างการสอบสวน
ที่ยิ่งแปลกก็คือบาดแผลทั้งหมดบนตัวนักโทษถูกปิดด้วยผ้าก๊อซ
เหมือนเป็นการลงโทษให้เหมือนตายแต่ไม่ตาย!
กู้ชิงเฉิงพยายามกลั้นไม่ให้ตัวเองอาเจียนออกมา เธอเคยอยู่ในสังคมที่ปกครองด้วยกฎหมายมาก่อนที่จะข้ามเวลามา หลังจากข้ามเวลามาแล้วเธอก็เป็นลูกสาวของไท่ฟู่ เธอจะเคยเห็นสถานการณ์เช่นนี้มาก่อนได้อย่างไร
สีหน้าของนางนั้นช่างไม่น่าดูเอาเสียเลย
ทันใดนั้น มีเสียงดังมาจากด้านหน้า ฮั่วเสวียนและอีกสองคนรีบหลบเข้าไปในมุมมืดข้าง ๆ รอให้คนเดินผ่านไปแล้วเดินเข้าไปเพื่อสำรวจในส่วนใน
มีเด็กอายุประมาณเจ็ดแปดขวบลืมตาโตไร้เดียงสาขึ้น เด็กคนนั้นยังพอรู้ที่จะลดเสียงต่ำลง “พวกท่านไม่ใช่คนของหร่งตี๋ใช่ไหม?”
ไม่มีใครตอบกลับ
“หากพวกท่านเป็นคนของหร่งตี๋ก็คงไม่ต้องหลบซ่อนแล้ว พี่ชายช่วยข้ากับท่านแม่ที”
กู้ชิงเฉิงได้ยินเสียงอันบริสุทธิ์ของเด็กน้อยก็พูดขึ้น “เจ้าเป็นคนต้าเซี่ยหรือ?”
เด็กน้อยพยักหน้า “ช่วยข้าด้วย พวกมันจะควักลูกตาของข้าไป”
ดวงตาของฮั่วเสวียนเป็นประกายด้วยความลังเล แต่ก็กลับมาแข็งกร้าวอย่างรวดเร็ว “รีบไป!”
พวกเขาทั้งสามไม่อยู่ตรงนั้นอีกต่อไป
หลังจากที่ได้ลองดูคร่าว ๆ นักโทษในคุกของหร่งตี๋เป็นคนของต้าเซี่ยเกือบครึ่ง การจะช่วยเด็กน้อยคนเดียวก็ไม่หนักหนาอะไร แต่จะช่วยทุกคนที่เป็นต้าเซี่ยได้งั้นรึ?
การจะปกป้องตัวเองยังทำได้ยากในสถานการณ์นี้
ทางที่ปลอดภัยที่สุดคือการนำกองทัพตระกูลฮั่วพิชิตหร่งตี๋ให้จงได้!
เพื่อจัดการเรื่องทั้งหมดให้จบสิ้น
แม้กู้ชิงเฉิงจะทำใจไม่ได้ แต่ก็ต้องเดินตามท่านแม่ทัพไป
เด็กน้อยร้องไห้เสียงดังและสำลักออกมาจนพูดไม่เป็นคำ “อย่า… ไป ข้าขอร้อง… พวกท่านอย่าไป”
อีกด้านหนึ่ง พวกที่เปลี่ยนกะของหร่งตี๋มาถึง หัวหน้าเห็นว่าหน้าคุกไม่มีผู้ใดอยู่เลยจึงรู้สึกโกรธมาก “จะบ้าตาย รีบไปเกิดใหม่กันหรือไง? รอให้อู๋ถงกลับมาก่อนเถิด ข้าจะไม่ขออยู่ร่วมกับพวกเจ้า!”
“หากจัดการก็ไม่มีระเบียบวินัยของทหารเลย”
ผู้ใต้บังคับบัญชารีบยกยอ “อย่าได้โกรธไปเลย เด็กพวกนั้นพอเห็นท่านก็ไม่เคยเกียจคร้าน”
…
ฮั่วเสวียนและอีกสองคนค้นหาจนทั่วคุกแต่ก็ไม่พบร่องรอยของหลี่จื้อ จนทำให้กู้ชิงเฉิงเสียงอ่อน “ท่านแม่ทัพ หลี่จื้อไม่น่าจะอยู่ที่นี่ พวกเราออกไปเลยไหมเจ้าคะ?”
ด้านข้างของนางมีนักดาบที่ถือดาบเตรียมพร้อมตลอดเวลาโดยไม่พูดสิ่งใด
ฮั่วเสวียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางกลับไปยังที่คุมขังของนักโทษเพื่อไปหาคนของต้าเซี่ย “พี่ชาย ข้ามีเรื่องอยากขอคำแนะนำ”
ชายชราแขนขาหักนั่งอยู่บนเตียงที่ทำจากเสื้อฟาง เขาได้ยินเสียงพูดจึงลืมตาขึ้น น้ำเสียงของเขาแหบแห้งจนยากจะฟัง น่าจะเพราะอยู่กับเถ้าถ่านจำนวนมากจนทำให้คอไม่ค่อยดี
“ว่ามา”
“ที่คุกนี้ยังมีที่คุมขังนักโทษอื่น ๆ อีกหรือไม่?”
ชายชรายิ้ม “แน่นอน แต่เหตุใดข้าต้องบอกเจ้าด้วย?”
กู้ชิงเฉิงคุกเข่าลง “พวกเราต่างก็เป็นคนของต้าเซี่ย ในเวลาเช่นนี้ก็ควรที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน”
ใบหน้าชายชราเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย “ช่วยเหลือซึ่งกันและกันรึ? เช่นนั้นเจ้าก็ช่วยให้ข้าออกไปสิ แล้วข้าจะบอกเจ้าเอง”
เขาใช้ประโยชน์จากช่องว่างนี้ ฮั่วเสวียนสังเกตเห็นรอยสักรูปสามเหลี่ยมกลับหัวบนแขนเพียงข้างเดียวที่เหลืออยู่ของชายชรา นั่นคือเครื่องหมายการเข้าร่วมกองทัพเฉพาะสำหรับในชายแดน
เวลาเร่งรัดเข้ามา ฮั่วเสวียนทำได้เพียงเดิมพันเท่านั้น
เธอถอดหมวกทหารออก เผยให้เห็นใบหน้าขาวสง่าราวกับหยก สายตามองชายชราอย่างจริงจัง “หากเป็นเช่นนี้แล้ว เจ้าพูดได้รึยัง?”
เธอกำลังเดิมพัน ชายชราคนนี้เคยเป็นทหารอยู่ที่ชายแดน เขาคงจะต้องมีความเกรงขามต่อชื่อฮั่วเสวียนบ้างแหละ!
ทันทีที่ฮั่วเสวียนถอดหมวกออก ชายชราก็ถึงกับนิ่งไป
ผ่านไปนานจึงพูดขึ้น “ฮั่วเสวียนรึ?”
“ข้าเอง”
“ช่างเถิด ที่หร่งตี๋มีคุกใต้ดินซ่อนอยู่ เป็นที่กักขังนักโทษระดับสูง คนที่พวกท่านตามหาน่าจะอยู่ที่นั่น”
ดวงตาของฮั่วเสวียนจริงจังขึ้น “อยู่ที่ใดกัน?”
ชายชราส่ายหัว “แม้ว่าข้าจะเป็นภัย แต่ก็ไม่มากพอที่จะได้เข้าไปยังคุกใต้ดิน”
นี่มันยากมาก
ทันใดนั้นนักดาบเคาะกำแพงแสดงให้รู้ว่ามีคนมาแล้ว ฮั่วเสวียนและคนอื่น ๆ จึงต้องรีบหลบซ่อน
รอจนคนเดินผ่านไป ฮั่วเสวียนก็ปรากฏตัวขึ้นและพยักหน้าเบา ๆ ให้กับชายชราผู้นั้น
“ท่านแม่ทัพฮั่ว เฟ่ยชินทั่วดูแลคุกนี้อยู่ เขาเป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของอูซือม่าน และเขาชอบนักโทษหญิงคนใหม่ที่ชื่อจูจูมาก”
ทันใดนั้นชายชราก็พูดขึ้น แม้กู้ชิงเฉิงจะจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่ฮั่วเสวียนกลับรีบตอบกลับในทันที
“ขอบใจมาก”
ทั้งสามมุ่งหน้าออกไปนอกค่าย พวกเขาพบกับคนเฝ้าประตูสองสามคนที่ขวางทางเอาไว้
คนที่เป็นหัวหน้าเดินวนไปมาสองรอบ “เจ้าเป็นใครกัน ข้าไม่เคยพบเห็นมาก่อน”
สีหน้าของฮั่วเสวียนไม่เปลี่ยนไป “เหล่าข้าน้อยอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของท่านเฟ่ยชินทั่ว เพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากกลุ่มทหารใหม่ให้ไปยังกลุ่มทหารของท่านนายพลขอรับ”
หัวหน้าขมวดคิ้วแน่นขึ้น “พวกเจ้าไปทำสิ่งใดมา?”
“มีนักโทษหญิงคนหนึ่ง ท่านนายพลวางใจให้เหล่าข้าน้อยมาดูนาง มิให้นางตายได้”
เรื่องเช่นนี้ไม่มีผู้ใดในหร่งตี๋รู้นอกจากผู้รับหน้าที่ดูแลคุก อีกทั้งยังถูกเฟ่ยชินทั่วสั่งไว้ไม่ให้เอาไปพูดนินทาให้คนนอกรู้
หากไม่ใช่กลุ่มทหารของท่านนายพล คงไม่มีทางรู้เรื่องนี้เป็นแน่