บทที่ 197 แม่ทัพฮั่วเสวียน
บทที่ 197 แม่ทัพฮั่วเสวียน
กู้ชิงเฉิงล้มลงกับพื้นอย่างแรง แต่นางก็รีบลุกขึ้นและวิ่งไปในทันทีโดยไม่คำนึงถึงความเจ็บปวดที่แล่นไปทั่วร่างกาย
นางต้องรีบกลับไปเรียกกำลังเสริม!
เมื่อเห็นฝั่งของศัตรูโดยบังเอิญ พวกของหร่งตี๋กำลังวิ่งไล่ล่ามาทางนี้ แต่ถูกขวางโดยฮั่วเสวียนและนักดาบ
ฮั่วเสวียนเป็นด่านแรก
นักดาบเป็นด่านที่สอง
พวกเขากำลังปกป้องกู้ชิงเฉิงและเผชิญกับอันตราย
ทั้งสองต่อสู้อย่างหนัก เพื่อซื้อเวลาเพียงพอให้กู้ชิงเฉิงหลบหนี
ฝั่งของรองหัวหน้ารู้ว่าเขาต้องพ่ายแพ้ให้กับนักดาบ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะถอยออกไปก่อนหลังจากปะทะกันได้ไม่นาน
เขามองไปที่ฮั่วเสวียน นางกำลังอยู่ในวงล้อมที่ทุกคนต่างก็ถือดาบเล็งมาที่นาง
“เหลือเชื่อ ไปเอาความเก่งกาจนี้มาจากที่ใด!”
ความเสียหายของฝั่งหร่งตี๋แทบจะเรียกได้ว่าเป็นเรื่องน่าสลดใจ
ในเวลานี้ นายพลเฟ่ยชินทั่วซึ่งทำหน้าที่เป็นแม่ทัพรักษาการเดินทางมาจากหมู่บ้านเวินโหรวมาถึงประตูค่ายที่มีการนองเลือด
เฟ่ยชินทั่วขมวดคิ้ว เขามองศพที่เกลื่อนพื้นและระเบิดความโกรธออกมา “ใครก็ได้บอกข้าทีว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น”
ฝั่งของรองหัวหน้าพวกเขารีบอธิบาย “ท่านนายพล เราถูกคนจากต้าเซี่ยเข้ามาสอดแนมขอรับ”
เฟ่ยชินทั่วเหล่ตาของเขาและเฝ้าดูอยู่ครู่หนึ่ง จำนวนทหารของหร่งตี๋เยอะกว่าฝ่ายตรงข้ามถึงสิบเท่าร้อยเท่า แต่สถานการณ์กลับถูกฝ่ายตรงข้ามควบคุม
“นำธนูมา”
ผู้ใต้บังคับบัญชารีบยื่นให้เขาทันที
เฟ่ยชินทั่วหยิบขวดกระเบื้องสีขาวออกมาแล้วเปิดออก เขาเทของเหลวใสบนลูกธนูพร้อมกับเล็งไปที่ฮั่วเสวียน
เสียงของลูกธนูถูกถูกปล่อยออกไปดังขึ้น
ลูกธนูนี้ทรงพลังมากจนฮั่วเสวียนที่อยู่ด้านหน้าถูกยิงเข้าที่ไหล่โดยไม่ทันได้ระวังตัว
แรงกระแทกทำให้นางถอยหลังไปสองก้าวอย่างควบคุมไม่ได้
ฮั่วเสวียนยกมือขึ้นเพื่อจะจับลูกธนู แต่นางไม่สามารถใช้กำลังได้ ดวงตาของนางมืดลงและหมดสติไป
เห็นดังนั้น ทหารหร่งตี๋ก็หมายจะยกดาบไปข้างหน้า หากแต่เฟ่ยชินทั่วห้ามเขาไว้ “จับเป็น ห้ามจับตาย”
เมื่อเห็นเช่นนี้ นักดาบก็ต้องการต่อสู้และดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองหลุดรอด
เฟ่ยชินทั่วสงบลงขณะกำลังคลำบางอย่างในกระเป๋าของเขา “สหายจากแดนไกล เจ้าแน่ใจหรือว่าจะไม่ยอมแพ้”
“หากเจ้าไม่หยุด ข้าจะฟันเขาด้วยมีดเล่มนี้”
นักดาบหยุดลงทันที จากนั้นก็สอดดาบกลับเข้าไปในฝัก
เฟ่ยชินทั่วยิ้ม “ฉลาดมาก! ข้าชอบสนทนากับคนฉลาดเป็นที่สุด”
ทางฝั่งของรองหัวหน้าทหารก็เดินช้า ๆ ไปข้างหน้าฮั่วเสวียนและพูดกับทหารที่อยู่ข้าง ๆ ว่า “ถอดหมวกมันออก!”
ทหารหมอบลงด้วยความกลัวต่อเทพสังหารผู้นี้ แม้ว่าฮั่วเสวียนจะหมดสติ แต่เขาก็ไม่กล้าแสดงท่าทีอวดดี ตัวเขาสั่นอย่างอธิบายไม่ได้และพยายามถอดหมวกของฮั่วเสวียนออกตามคำสั่ง
คนที่เป็นรองหัวหน้าเตะเขา “ไม่ได้กินข้าวมาหรือไง หลบไปให้พ้น!”
ทันใดนั้น เขาก็เป็นคนถอดหมวกของฮั่วเสวียนออกอย่างแรง
เมื่อเขาเห็นใบหน้าของคนที่อยู่บนพื้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง พลางแสดงสีหน้าเหมือนเห็นผี “มะ แม่… แม่ทัพฮั่วเสวียน!”
อะไรนะ!
เฟ่ยชินทั่วก้าวไปข้างหน้าเพื่อตรวจสอบทันที
นี่คือฮั่วเสวียนจริง ๆ!
เพราะคงไม่มีใครอื่นที่มีหน้าตาที่ชั่วร้ายเช่นนี้อีกในโลกนี้!
เฟ่ยชินทั่วออกคำสั่งอย่างแข็งกร้าว “นำตัวเขาไปขังในคุกใต้ดิน”
รองหัวหน้าถามว่า “แล้วอีกคนล่ะ”
เฟ่ยชินทั่วคิดอย่างถี่ถ้วน หลังจากยืนยันว่านักดาบผู้นี้ไม่ได้เป็นสมาชิกของกองทัพ เขาก็พูดว่า “เขาเป็นชายหนุ่มธรรมดา ให้ขังไว้ในคุก”
“ข้าจะสอบสวนฮั่วเสวียนก่อน จากนั้นข้าจะมอบเขาให้เจ้าไปจัดการ”
รองหัวหน้าพยักหน้าและโค้งคำนับ “รับทราบขอรับ ท่านนายพล แต่เมื่อครู่มีคนหนีรอดไปได้”
ทันใดนั้นเฟ่ยชินทั่วมองอย่างอาฆาต ดวงตาของเขาเผยให้เห็นถึงความกังวล “เหตุใดเจ้าไม่พูดให้เร็วกว่านี้! ส่งคนไปไล่ตามหรือยัง”
“ยะ…ยังขอรับ แต่ข้าจะพาคนไปไล่ตามเดี๋ยวนี้”
รองหัวหน้าจากไปด้วยความตื่นตระหนกกับคนอีกจำนวนหนึ่ง
จากนั้นคนสนิทของเฟ่ยชินทั่วก็ออกมา “ท่านนายพล การที่ฮั่วเสวียนมาที่หร่งตี๋มีความสำคัญอย่างยิ่ง ผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างข้าขอแนะนำให้ท่านส่งจดหมายถึงผู้นำอูทันทีขอรับ”
แม้ว่าความแข็งแกร่งทางทหารของเฟ่ยชินทั่วจะมีไม่มากนัก แต่เขามีสิ่งหนึ่งคือ เขาภักดีต่ออูซือม่าน ดังนั้นอูซือม่านจึงกล้าที่จะส่งมอบตำแหน่งให้กับเขาในระหว่างที่ตนไม่อยู่
“อืม ข้าจะเขียนจดหมาย แล้วข้าจะหาคนไปส่งทันที”
ไม่เกินสามวัน จดหมายนั้นก็น่าจะไปถึงมือของอูซือม่าน
ในอีกด้านหนึ่ง กู้ชิงเฉิงสะดุดล้มและในที่สุดก็มาถึงสถานที่ที่พวกเขาทิ้งม้าไว้
ม้าสองในสามตัวหายไป มีเพียงเฟยอิงเท่านั้นที่ยังรอทั้งสามอยู่
กู้ชิงเฉิงรู้สึกเสียใจ แต่รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะต้องวิตกกับเรื่องอื่น นางต้องขึ้นควบม้าและจากไปทันที
หากแต่เฟยอิงก้าวหนีเพื่อไม่ให้กู้ชิงเฉิงขึ้นไป
“เฟยอิง ข้ามีเรื่องด่วน ข้าต้องการให้เจ้าช่วย ตกลงไหม”
เฟยอิงเงยหน้าขึ้นมองทิศทางที่ฮั่วเสวียนออกไปอย่างดื้อรั้น
กู้ชิงเฉิงน้ำตาไหล “ฟังนะ เจ้านายของเจ้ากำลังตกอยู่ในอันตราย หากเจ้าไม่ไปกับข้า เขาจะต้องตายสถานเดียว เจ้าต้องพาข้ากลับไปที่ต้าเซี่ยเพื่อเรียกกำลังเสริม เขาถึงจะมีโอกาสรอด”
แม้จะรู้ว่าสัตว์สี่ขานี้ไม่สามารถเข้าใจคำพูดของมนุษย์ได้ หากแต่เฟยอิงกลับเข้าใจ
มันไม่หลบเลี่ยงนางอีกต่อไปและเดินตรงไปที่กู้ชิงเฉิง
กู้ชิงเฉิงถามอย่างไม่แน่ใจ “เจ้าให้ข้าขึ้นหลังแล้วใช่หรือไม่?”
เฟยอิงส่งเสียงร้องเป็นคำตอบ
กู้ชิงเฉิงเลียนแบบฮั่วเสวียน นางลูบหัวของเฟยอิง “ท่านแม่ทัพจะไม่เป็นไร”
นางขึ้นม้า
เฟยอิงรับกู้ชิงเฉิงไว้บนหลัง มันมองไปที่ทิศทางของค่ายของหร่งตี๋ก่อนจากไป จากนั้นหันหลังกลับและวิ่งออกไปโดยไม่ลังเล
หลังจากวิ่งทั้งวันทั้งคืนโดยไม่หยุดพัก ทั้งคนและม้าก็ทนไม่ได้อีกต่อไป
กู้ชิงเฉิงทำได้เพียงแค่หยุดพัก แต่นางไม่กล้าพักนานเพราะกลัวว่าทหารหร่งตี๋จะติดตามเส้นทางม้ามาทัน
“เฟยอิง เจ้าชอบกินอะไร? หากเจ้ากลับไปที่ต้าเซี่ย ข้าจะทำเรื่องลาให้เจ้าหนึ่งเดือน เพื่อให้เจ้าได้พักผ่อนอย่างเต็มที่”
“แล้วก็ใส่ของที่เจ้าชอบกินลงไปในรางหญ้า”
เฟยอิงส่งเสียงเพื่อตอบรับ
ทันใดนั้น เสียงเกือกม้าก็ดังขึ้นไม่ไกล หัวใจของกู้ชิงเฉิงปวดร้าว นางเหลือบมองไปที่ต้นเสียง
มีคนไม่เยอะ ประมาณเจ็ดแปดคน
คนของหร่งตี๋ตามนางมาเร็วมาก
แต่ตอนนี้นางอยู่บนหลังม้าแล้ว นางมีแต่จะแสดงความกล้ามากขึ้นและเปิดเผยตัว ต่อสายตาแก่ผู้ที่เพิ่งมาถึง
ดีกว่าไปซ่อนหลังต้นไม้และเอาแต่หลบหนี
เพียงแต่ว่านางไม่คาดคิดมาก่อนว่าคนที่มาจะเป็น… หลี่จื้อ!
เขายังไม่ตาย!
กู้ชิงเฉิงรู้สึกปลื้มปิติเป็นอย่างมาก นางรีบออกไปและตะโกนสุดกำลังว่า “หลี่จื้อ!”
เมื่อได้ยินเสียงของกู้ชิงเฉิง หลี่จื้อคิดว่าเขามีอาการประสาทหลอน จนกระทั่งเสียงตะโกนหยุดลง และผู้ดูแลก็แจ้งว่า “ท่านอ๋อง มีหญิงสาวคนหนึ่งเรียกชื่อท่านขอรับ”
หลี่จื้อหันศีรษะของเขาไปตามทิศทางของเสียงและเห็นกู้ชิงเฉิงยืนอยู่บนทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ในชุดผู้ชายโดยมีม้าของฮั่วเสวียนอยู่ข้าง ๆ
จู่ ๆ คนที่เขาเฝ้าคิดถึงทั้งกลางวันและกลางคืนก็ปรากฏตัวต่อหน้าเขา หลี่จื้อประหลาดใจปนดีใจ เขาหันม้าไปทางนั้นทันที เขายื่นมือออกไปเพื่อดึงกู้ชิงเฉิงขึ้นบนหลังม้าของเขาและโอบกอดนางเอาไว้ด้วยแขน
“เจ้ามาตามหาข้าหรือ”
“ท่านแม่ทัพพาข้าไปที่คุกหร่งตี๋เพื่อตามหาท่าน ทว่ากลับไม่พบ และพวกหร่งตี๋ก็จับท่านแม่ทัพและพวกได้ พวกเขาต่อสู้จนตัวตายกับชาวหร่งตี๋เพื่อที่จะปกป้องข้า ตอนนี้ข้าเกรงว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นเจ้าค่ะ”
หลี่จื้อรู้สึกแปลกใจในความกล้าของนาง และโกรธที่นางมาหาเขาโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของนางเอง
“กลับไปที่ต้าเซี่ยก่อน”
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หลี่จื้อได้มุ่งหน้าไปตามเผ่าต่าง ๆ ของหร่งตี๋ วิ่งเต้นหาพันธมิตรของทั้งสี่เผ่าเพื่อล้มล้างการปกครองของอูซือม่าน!
แม้ว่ามันจะยาก แต่หลี่จื้อก็ทำได้
หร่งตี๋จะก่อสงครามกลางเมืองในไม่ช้า และอูซือม่านคงไม่มีเวลาจัดการกับต้าเซี่ยด้วยตัวเอง เขาสามารถใช้โอกาสนี้บีบบังคับอูซือม่านให้ส่งมอบตัวฮั่วเสวียนได้
ต้องร่วมมือกันทั้งภายในและภายนอก ไม่ต้องเกรงกลัวว่าอูซือม่านจะไม่ประนีประนอม