บทที่ 204 ไม่มีวันยอมแพ้
บทที่ 204 ไม่มีวันยอมแพ้
สุนัขจิ้งจอกค่อย ๆ เก็บอุ้งมือที่รั้งซูโย่วอี๋เอาไว้ด้วยสีหน้าหวั่นไหว [งั้นคุณไปเถอะ จำเอาไว้ว่าถ้าทนไม่ไหว ให้กดปุ่มหยุดชั่วคราวที่กลางฝ่ามือได้]
ซูโย่วอี๋กดลงไปที่คำว่า [ยืนยัน] จากนั้นฉากทุกอย่างเปลี่ยนไปพร้อมกับโอบกอดเธอไว้ตรงกลาง และเธอก็หายไปต่อหน้าของสุนัขจิ้งจอก
รู้สึกตัวอีกทีร่างของซูโย่วอี๋ก็มาอยู่กลางคุกใต้ดิน
มันไม่เหมือนกับคุกที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ในชีวิตจริง เพราะทุกอย่างที่นี่ล้วนเป็นของจริง!
เลือดเป็นของจริง!
เครื่องมือทรมานเป็นของจริง!
กลิ่นคาวเลือดและความอับชื้นนั้นเป็นของจริง!
ซูโย่วอี๋มองไปยังเลือดที่แข็งตัวอยู่ที่พื้นจนเป็นสีดำ ในใจก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดหวั่น
จะมีสักกี่ชีวิตที่จะสามารถยอมรับคุกที่น่าสยดสยองเช่นนี้ได้
เธอขยับเล็กน้อยแต่รู้สึกปวดร้าวไปทั้งตัว โดยเฉพาะตรงนิ้วมือ!
ซูโย่วอี๋เอียงศีรษะเล็กน้อยและมองไปยังด้านซ้ายมือ นิ้วเรียวยาวสีขาวซีดเต็มไปด้วยเลือด ในนั้นมีเข็มเงินที่ทะลุออกมาจากเนื้อ ทำให้เกิดความเย็นยะเยือกที่แผ่กระจายไปทั่ว
น้ำตาของซูโย่วอี๋ไหลลงมาในทันที
ความหวาดกลัวครั้งใหญ่ถาโถมเข้ามา
นี่มันคือโลกที่สามารถทำให้คนตายได้เลยจริง ๆ!
ในขณะที่เธอกำลังรู้สึกแย่ เสียงของระบบก็ดังขึ้น :
[อารมณ์และความรู้สึกของซู่จู่ไม่สอดคล้องกับอารมณ์ของตัวละคร หัก 3 คะแนน]
ซูโย่วอี๋หยุดร้องไห้อย่างรวดเร็ว บอกกับตัวเองให้พยายามคิดให้ออกว่าตอนนี้ฮั่วเสวียนควรจะรู้สึกอย่างไร ไม่เช่นนั้นการมาในครั้งนี้ก็จะสูญเปล่า
ความเข้าใจของเธอที่มีต่อละครรักในฝันคือการทรมานโดยการเอาเข็มมาทิ่มเป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น หลังจากนี้ฮั่วเสวียนจะต้องถูกทรมานอีกมาก ทั้งทางร่างกาย ทั้งตัดนิ้ว ทั้งเลาะกระดูก… จนกระทั่งท้ายที่สุด ฮั่วเสวียนถูกจับได้ว่าเป็นผู้หญิง ทุกอย่างจึงหยุดลง
ในเวลาที่ไม่มีใครอยู่ ซูโย่วอี๋เริ่มคิดทบทวนเรื่องราวของฮั่วเสวียนตั้งแต่เล็กจนโต
ฮั่วเสวียนคือบุตรแห่งสวรรค์ เป็นลูกชายคนโตและหลานชายของตระกูลฮั่ว ในใจของเธอยังคงถือตัวมาก
ฮั่วเสวียนเติบโตมาที่ชายแดนตั้งแต่เด็ก ๆ การปกป้องชายแดนถูกสลักเอาไว้ในสายเลือด หร่งตี๋คือพวกคนที่เธออยากจะถลกหนังออกมา!
ดังนั้นเธอไม่มีทางก้มหัวให้คนของหร่งตี๋แน่นอน!
อย่าแม้แต่จะคิด!
ในขณะเดียวกัน ในใจของเธอยังคงมีความหวังอยู่เล็ก ๆ หวังว่าหลี่จื้อจะยังไม่ตายและจะนำเหล่ากองทัพต้าเซี่ยมาช่วยเธอ
แต่ทันใดนั้นเสียง ‘ปัง’ ดังขึ้น
โซ่ที่คล้องประตูเหล็กเปิดออก ซูโย่วอี๋เงยหน้าขึ้นมองเห็นทหารของหร่งตี๋ที่ดูพึ่งกินอิ่มหนำสำราญเดินเข้ามา
เขาเดินเข้ามาใกล้ ๆ และสะอึกอยู่ตรงหน้าเธอ กลิ่นของอาหารผสมกับลมหายใจทำให้ซูโย่วอี๋เกือบจะอ้วกออกมา
“ท่านแม่ทัพ พวกข้าดูแลท่านได้ไม่ดีพอ พวกเราไม่ทันได้ทำข้าวของท่านมาให้ คงต้องทนหิวไปเสียแล้ว”
“วะฮ่า ๆ”
เหล่าทหารหัวเราะเยาะเย้ยขึ้น
“แต่ก็มิต้องเป็นห่วงไป แม้จะไม่ได้กินข้าว แต่ต้องโดนทรมานอยู่”
เขาเดินไปยังด้านหน้าของกำแพงที่เต็มไปด้วยเครื่องทรมานและเดินวนไปมา “ควรจะเอาอันไหนดีรึ?”
ทหารภายใต้การบังคับบัญชาของเขาเกิดความคิดขึ้นทันที “ตัดนิ้ว?”
คนหร่งตี๋พูดว่าตัดนิ้ว มันไม่ใช่การตัดนิ้วทั้งหมดออกไป แต่เป็นนิ้วก้อยซึ่งเป็นนิ้วที่มีเส้นประสาทรับความเจ็บได้รุนแรงมากที่สุด
และไม่ได้ตัดออกไปในครั้งเดียว แต่เป็นการตั้งใจใช้มีดเฉือนลงไปที่เดิมซ้ำ ๆ ไม่หยุด จนกระทั่งทนไม่ไหวและนิ้วขาดออกจากกันไปเอง
เมื่อเห็นเช่นนั้น ในใจของซูโย่วอี๋ก็สั่นสะท้าน!
อยากจะกำมือทั้งสองให้แน่น แต่ก็พบว่ามีเข็มเงินฝังอยู่ในมือ แม้แต่จะง้อนิ้วเธอก็ทำไม่ได้
หัวหน้าทหารกลับไม่เห็นด้วย “พึ่งตอกเข็มเงินลงไป ยังจะตัดนิ้วอีก? เจ้าคงคิดจะถ่วงเวลางั้นรึ”
ผู้ใต้บังคับบัญชาเกาหัวอย่างเกร็ง ๆ “ไม่ใช่ว่าเช่นนี้จะเจ็บปวดมากกว่าหรือขอรับ? เมื่อก่อนที่ทำเช่นนี้ก็มีเพียงไม่กี่คนที่จะทนไหว”
หัวหน้าทหารขมวดคิ้ว ไม่ได้พูดว่าดีและไม่ได้พูดว่าไม่ดี
ผ่านไปสักพักจึงหมุนตัวกลับมาและเดินไปนั่งลงที่โต๊ะสอบสวน
“ท่านแม่ทัพ ได้ยินมาว่าที่ต้าเซี่ยของพวกท่านมีการลงโทษประเภทหนึ่งที่โหดร้ายมาก เรียกว่าการเลาะกระดูก ไม่รู้ว่าท่านรู้จักบ้างไหม?”
ใบหน้าของซูโย่วอี๋ดูไม่แยแสสิ่งใด แต่ในความเป็นจริงเธอตกใจจนเหงื่อไหลไม่หยุด
ผู้ใต้บังคับบัญชาถามขึ้น “เลาะกระดูก? พี่ใหญ่ ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน นี่คือของเล่นอันใดกัน?”
“พูดง่าย ๆ ก็คือ การถูกสับเป็นชิ้น ๆ เคยได้ยินรึไม่?”
“เลาะกระดูกก็คือการใช้มีดเฉือนเนื้อคนออกมาทีละชิ้น”
เหล่าทหารมองหน้ากัน คนของหร่งตี๋มักจะหยาบคายและตรงไปตรงมา พวกเขาให้ความสำคัญกับความเร็วและการไร้ความปรานี ทั้งตัดแขนตัดขาและยังหยิบมีดมาเฉือนเนื้ออีก? คงจะคล้าย ๆ กับการขายเนื้อหมูล่ะมั้ง?
เพื่อข่มขู่ฮั่วเสวียน หัวหน้าทหารจงใจพูดอธิบายการลงโทษอย่างละเอียด “พวกเจ้าไม่รู้อะไร จุดสำคัญของการเลาะกระดูกก็คือความเชื่องช้า! หากเจ้าเฉือนเนื้อได้ดี จะเฉือนไปสามวันสามคืนก็ไม่ใช่ปัญหา”
ซูโย่วอี๋ฟังคำพูดของอีกฝ่ายจึงอยากตะโกนด่าดัง ๆ พวกสัตว์เดรัจฉาน!
แต่เพื่อรักษาบุคลิกของฮั่วเสวียนเอาไว้ จึงทำได้เพียงนิ่งเฉยและไม่พูดสิ่งใด
หัวหน้าทหารที่เห็นว่าสีหน้าของฮั่วเสวียนยังคงเหมือนเดิม จึงรู้สึกเบื่อหน่าย “ท่านแม่ทัพของพวกเราคงเห็นภาพเช่นนี้ในต้าเซี่ยจนคุ้นชิน จึงไม่มีท่าทางเกรงกลัว ทว่าพวกข้าไม่เคยเห็นมาก่อน วันนี้จึงรบกวนท่านแม่ทัพแสดงให้พวกข้าได้เห็น ให้พวกข้าได้ลองเปิดโลกดู”
ในที่สุดซูโย่วอี๋ก็อดไม่ไหว “น่ารำคาญ ไอ้พวกลูกหมา”
ในชีวิตจริงซูโย่วอี๋ไม่เคยด่าว่าหรือพูดจาหยาบคายเช่นนี้ แต่ตอนนี้คำพูดยิ่งแรงจะยิ่งสามารถแสดงอารมณ์ในใจของเธอออกมาได้
อย่างที่คาดเอาไว้ เสียงแจ้งเตือนของระบบดังขึ้น :
[ท่าทางของซู่จู่ไม่เหมาะสมกับตัวละคร หัก 3 คะแนน]
ซูโย่วอี๋กลับทำอะไรไม่ได้แล้ว เพราะคนของหร่งตี๋นำถาดที่เต็มไปด้วยมีดมาวางไว้ ทั้งมีดยาวและสั้น ทั้งแบบกว้างและแบบแคบ
ในใจของซูโย่วอี๋ตื่นตระหนก เขามาที่นี่เพื่อฆ่าหมูจริง ๆ เหรอ?
หากไม่ใช่เพราะว่าเธอหักห้ามใจ เกรงว่าตอนนี้ตัวเธอคงสั่นระริก!
[สภาพจิตใจของซู่จู่ไม่เหมาะสมกับตัวละคร หัก 3 คะแนน]
!
หัวหน้าทหารที่อยู่ตรงหน้าเห็นความตึงเครียดของฮั่วเสวียนอย่างชัดเจนจึงยกยิ้มอย่างประสบความสำเร็จ “ท่านแม่ทัพ มิต้องกลัว”
หลังจากนั้นก็หมุนตัวไปยังผู้ใต้บังคับบัญชาและสั่งการอย่างไร้ความปรานี “ลงมือเลย”
ผู้ใต้บังคับบัญชาเลือกมีดขนาดเล็กพอดีมือมาจากในถาด ใบมีดคมกริบค่อย ๆ พุ่งตรงไปที่คอของซูโย่วอี๋
หัวหน้าทหารตะโกนขึ้น “ในหัวของเจ้ามีขี้เลื่อยอยู่หรือ ถ้าโดนที่คอท่าแม่ทัพก็ตายน่ะสิ เจ้าอยากถูกฝังด้วยหรืออย่างไร?”
เฟ่ยชิงทั่วเคยพูดไว้ว่าต้องมอบเธอให้กับพวกเขา พวกทหารสามารถสอบสวนได้ตามใจชอบแต่ห้ามให้ถึงตาย
หัวหน้าทหารคนนี้หัวรุนแรงจริง ๆ
“เช่นนั้น… เฉือนตรงไหนดีขอรับ?”
“ที่แขนอย่างไรเล่า แต่พวกเรามาลองมีดกันก่อนเถอะ ลองเสร็จแล้วค่อยเฉือนตรงที่นุ่ม ๆ อย่างต้นขากับหน้าอก!”
เสียงฉีกขาดดังขึ้น ผู้ใต้บังคับบัญชาได้ฉีกเสื้อผ้าในมือของซูโหย่วอี้และเผยให้เห็นถึงต้นขาเรียวสวย
นางไม่ได้แข็งแรงมากนัก แต่เพราะฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาหลายปี กล้ามตรงส่วนแขนจึงถูกฝึกฝนจนดูสวยงามมาก
ผู้ใต้บังคับบัญชาถือมีดขึ้นมาแต่ไม่รู้ว่าควรเริ่มจากตรงไหนดี
ถ้าสับคนเขาทำได้ แต่จะให้มาเลาะเนื้อ และยังต้องเลาะช้า ๆ เป็นชิ้นบาง ๆ มันยากพอ ๆ กับการให้เขาเรียนรู้วิธีปักผ้าสำหรับเด็กผู้หญิงในสำนักศึกษาเลย
หัวหน้าทหารจ้องมองไปยังขาของนาง
และแทงเข้าไปที่แขนของซูโย่วอี๋
ปัก
เจ็บมาก!
เมฆหมอกรวมตัวกันอย่างรวดเร็วในดวงตาของซูโย่วอี๋ ยิ่งรวมตัวกันก็ยิ่งมากขึ้นจนหยดน้ำตาจะไหลออกมา
ทันใดนั้นเสียงของสุนัขจิ้งจอกดังขึ้น [ซู่จู่ ถ้าคุณร้องไห้ต่อหน้าคนของหร่งตี๋ โลกใบนี้ก็จะพังทลายลงอีกครั้ง หากอยากจะเข้าร่วมเกมสวมบทบาทอีกครั้งก็ต้องรอถึง 24 ชั่วโมงนะ]
ซูโย่วอี๋จะมีเวลามากมายเช่นนั้นได้อย่างไร ตอนบ่ายก็ต้องถ่ายละครแล้ว!
ตายเป็นตาย
จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ปรากฏขึ้นจากก้นบึ้งของหัวใจ ทำให้เธอกลั้นน้ำตาเอาไว้
ฮั่วเสวียนตัวจริง ต้องไม่มีวันยอมแพ้!