บทที่ 215 เข่อลี่น่า
บทที่ 215 เข่อลี่น่า
หมอหญิงและเอ๋อหว่าจาหน้าแดงทันทีด้วยความเขินอายแต่ไม่กล้าเข้าไปดู
ในใจของนางรู้สึกเคารพแม่นางฮั่วมากยิ่งขึ้น
ส่วนหมอหญิงจ้องมองที่ผ้าห่มบนพื้นก็เดาว่าใครทำร้ายแม่นางฮั่วเช่นนี้
เมื่อคืนที่ผ่านมา ท่านผู้นำพาแม่นางฮั่วกลับมาที่นี่และขอให้เอ๋อหว่าจาช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าของนาง อีกทั้งยังขอให้นางเป็นผู้รักษาบาดแผล
หมอหญิงสาบานต่อเทพเจ้าทุ่งหญ้าว่านางไม่เคยเห็นใครถูกทรมานอย่างสาหัสเช่นนี้มาก่อน
เนื้อแขนของนางถูกเฉือนออกจนเหลือแต่กระดูก
ทุกคนพอจะเดาได้ว่าหญิงผู้นั้นคือใคร ท่านผู้นำบอกว่าช่วยเหลือนางมาจากกองทัพศัตรู และเมื่อนางหายจากอาการบาดเจ็บ เขาจะแต่งงานกับนาง
เมื่อรู้ข่าวนี้ เหล่าสตรีจากหร่งตี๋ก็อกหักและเรียกแม่นางฮั่วว่าจิ้งจอก
ทันใดนั้น ดูเหมือนจะมีเสียงมาจากเตียงนอน หมอหญิงเงยหน้าขึ้นอย่างเงียบ ๆ และพบว่าท่านผู้นำประคองมือของแม่นางฮั่วไว้
เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์แล้ว แม่นางฮั่วตั้งใจจะเอาชนะท่านผู้นำเสียจริง!
หมอหญิงรู้สึกทึ่งกับความคิดของนาง เหตุใดนางถึงกล้าทำกับท่านผู้นำเช่นนั้น
ท่านผู้นำช่วยแม่นางฮั่วจากศัตรู ก็ถือเป็นผู้ช่วยชีวิตนางไม่ใช่หรือ
แม่นางฮั่วจะแก้แค้นผู้ที่มีพระคุณของนางได้อย่างไร?
หมอหญิงไม่เข้าใจเอาเสียเลย
ท่านผู้นำที่นั่งอยู่สูงกว่าแม่นางฮั่วมองไปที่แม่นางฮั่วด้วยสายตาที่ขุ่นเคืองเล็กน้อย และเมื่อเขาเหลือบไปเห็นมือของแม่นางฮั่วซึ่งมีบาดแผลใหญ่ เขาก็กำมือแน่น
“ถ้าเจ้าไม่สนใจร่างกายของตัวเอง งั้นข้าจะทำให้มือของเจ้าพิการ”
เมื่อรักษาตัวหายแล้ว จะได้จับดาบไม่ได้อีก
หากแต่ฮั่วเสวียนเหงื่อแตกพลั่กด้วยความเจ็บปวด
หมอหญิงหน้าซีดด้วยความตกใจ แม่นางฮั่วไม่ใช่คนรักของท่านผู้นำหรอกหรือ เหตุใดเขาถึงหยาบคายกับนางถึงเพียงนี้
ยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจ
“ถ้าเจ้ามองอีก ข้าจะควักลูกตาของเจ้าออกมาให้แร้งกิน”
หมอหญิงสบสายตาดุดันของท่านผู้นำ หัวใจของนางสั่นสะท้านและคุกเข่าลงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับก้มลงหน้าผากติดพื้นพื้น “ข้าน้อยผู้นี้รู้ถึงความผิดพลาดของตัวเองแล้วเจ้าค่ะ”
แต่ฮั่วเสวียนโบกมือและอดไม่ได้ที่จะหอบหายใจ “ปล่อยข้า!”
ดวงตาของอูซือม่านเย็นชา เขาตะหวาดออกมาอย่างแข็งกร้าว “เจ้านี่ทำให้ข้าอารมณ์เสียจริง ๆ มีสตรีที่ไหนในหร่งตี๋เป็นแบบเจ้าอีกบ้าง”
เมื่อเห็นว่าฮั่วเสวียนเพิกเฉยต่อเขา เขาจึงเดินไปหาหมอหญิง “ยังไม่ไปดูนางอีกรึ?”
หมอหญิงกลั้นหายใจและยืนขึ้น รอท่านผู้นำถอยห่างออกมา จากนั้นนางก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเดินเข้าไป
หมอหญิงยกมือของฮั่วเสวียนขึ้นและมองใกล้ ๆ เมื่อคืนผ้าพันแผลมีเนื้อและเลือดติดอยู่จึงต้องฉีกออกแล้วพันผ้าพันแผลให้ใหม่
“แม่นางฮั่ว มันอาจจะเจ็บนิดหน่อย อดทนหน่อยนะเจ้าคะ”
ฮั่วเสวียนตกตะลึง “เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ”
หมอหญิงไม่รู้จึงเอ่ยปาก “แม่นางฮั่วเจ้าค่ะ”
ความรู้สึกแปลก ๆ เกิดขึ้นในใจของฮั่วเสวียน นางไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี
ไม่เคยชินและไม่รู้สึกยินดีแต่อย่างใด
ก่อนพบกับหลี่จื้อ ฮั่วเสวียนรู้สึกว่าการเป็นชายก็ดีมากแล้ว นางสามารถไปรบฆ่าศัตรูที่ไหนก็ได้บนโลกใบนี้ ไม่ต้องติดอยู่ในตระกูลเหมือนญาติพี่น้องที่ต้องเรียนรู้ศีลธรรมหรือมารยาททางสังคม และเรียนรู้กับกลุ่มสตรีในเรื่องของการมัดใจสามี
แต่เมื่อนางพบกับหลี่จื้อ สายตาของนางก็มักจะจับจ้องไปที่ปิ่นปักผมหรือชุดของหญิงสาวไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม และเวลากลางดึก นางก็มักจะฝันและจินตนาการว่านางได้ปรากฏตัวต่อหน้าหลี่จื้อในชุดของหญิงสาว
ฮั่วเสวียนยิ้มเยาะให้ตัวเอง คิดไม่ถึงเลยว่านางไม่สามารถเปิดเผยให้คนในต้าเซี่ยรู้ได้ว่าตัวตนที่แท้จริงของนางเป็นอย่างไร แต่นางกลับเป็นตัวเองในขณะที่นางอยู่หร่งตี๋แบบนี้!
“รักษาข้าเถิด”
หมอหญิงค่อย ๆ แกะผ้าพันแผลออก ใส่น้ำยาฆ่าเชื้อ ใส่ยา แล้วพันผ้าพันแผลใหม่ ขณะรักษา ฮั่วเสวียนไม่มีใบหน้าหงิกงอเลยแม้แต่น้อย
หมอหญิงอดไม่ได้ที่จะแสดงความชื่นชมหญิงที่อยู่ตรงหน้า “แม่นางฮั่วอย่าใช้แรงมากเกินไปนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นแผลจะเปิดเอาได้”
“ขอบคุณ” ฮั่วเสวียนกล่าวด้วยความจริงใจ
หมอหญิงเก็บกล่องยา เมื่อนางหันกลับมา นางเห็นท่านผู้นำยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้
นี่เขายังไม่ไปอีกหรือ
เห็นเช่นนั้นนางก็รีบทำความเคารพ “ท่านผู้นำเจ้าคะ ข้าทำแผลให้แม่นางฮั่วเสวียนเสร็จแล้วเจ้าค่ะ”
อูซือม่านดูอย่างเฉยเมย “จากนี้ไป เจ้าและเอ๋อหว่าจาต้องคอยรับใช้ฮั่วเสวียน…”
“ในเมื่อเจ้ากำลังจะมาเป็นผู้หญิงของข้า เจ้าก็ถือว่าเป็นคนของหร่งตี๋เช่นกัน ดังนั้นอย่าใช้ชื่อเดิมของเจ้า ต่อจากนี้ไป เจ้ามีนามว่าเข่อลี่น่า”
ในหร่งตี๋ เข่อลี่น่าแปลว่าสิ่งสวยงาม
“ข้ามอบหมายให้เจ้าเป็นคนดูแลเข่อลี่น่าแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น คนอื่นไม่ต้อง”
หมอหญิงกัดริมฝีปาก “แต่หากมีสตรีท่านอื่น ผู้น้อยอย่างข้า…”
ในค่ายทหารมีหมอหญิงเพียงสองคนเท่านั้น และนางก็มักจะเป็นตัวเลือกแรกของสตรีในค่ายทหารที่จะถูกเลือกให้ไปเป็นผู้รักษา
มันง่ายสำหรับคนอื่นที่จะพูด แต่ท่านผู้นำมีหญิงสาวข้างกายมากมาย บางคนมีบุคลิกใจร้อนจนนางรู้สึกไม่สบายใจ และถ้ามีปัญหา หมอหญิงคงไม่สามารถจัดการกับมันได้แน่
อูซือม่านแสดงท่าทางไม่พอใจ “เจ้าไม่เข้าใจภาษาคนหรืออย่างไร ใครกล้ามีปัญหาก็ให้มาพูดกับข้าโดยตรง”
หมอหญิงไม่กล้าพูดอะไรอีกและรีบจากไป
จากนั้นอูซือม่านก็ลุกขึ้น “ข้าขอตัวก่อน เจ้าเองก็ดูแลบาดแผลให้ดี”
ก่อนที่ฮั่วเสวียนจะตอบรับ เขาก็เดินจากไป
ทันใดนั้น ท้องของฮั่วเสวียนร้องออกมาเสียงดัง เอ๋อหว่าจายิ้มให้เห็นฟันเขี้ยวสองซี่ “เข่อลี่น่าหิวแล้ว ลองนมสดกับเนื้อแกะย่างใหม่ ๆ นี่สิเจ้าคะ มันอร่อยมาก”
นางหยิบถาดขึ้นมาวางไว้ข้างเตียงและจงใจคีบมันด้วยตะเกียบแล้วป้อนให้ฮั่วเสวียนแทนการใช้มือ
ฮั่วเสวียนหิวมากจริง ๆ แต่เมื่อได้กลิ่นคาวของนมและกลิ่นของเนื้อแกะ นางก็อดไม่ได้ที่จะถอยออกมา
นางรู้สึกพะอืดพะอม
หากแต่เอ๋อหว่าจาใช้มือลูบหลังนาง “เข่อลี่น่า ท่านกำลังมีบุตรกับท่านผู้นำหรือ ให้หมอหญิงลองตรวจดูหน่อยดีหรือไม่”
ใบหน้าของฮั่วเสวียนสลดลง “ไม่ใช่”
“แล้วท่านจะยังกินข้าวอยู่หรือไม่”
ฮั่วเสวียนพยายามอย่างเต็มที่เพื่อระงับความรู้สึกไม่สบายในร่างกายของนาง “กิน”
หากไม่กินก็ไม่มีแรง ถ้าไม่มีแรงแล้วจะหนีได้อย่างไร
นางบังคับตัวเองให้กินเนื้อแกะสองชิ้นและดื่มนมหนึ่งถ้วยก่อนที่จะนอนลงและพักผ่อน
จากนั้นเอ๋อหว่าจาช่วยห่มผ้าให้นางและสั่งให้คนเอาอาหารออกไป
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์ยาหรือไม่ ฮั่วเสวียนรู้สึกอ่อนเพลียทั้งวัน และตื่นขึ้นมาได้ไม่เกินครึ่งวัน
ตอนที่นางรู้สึกสะลึมสะลือ ฮั่วเสวียนก็ได้ยินเสียงของเอ๋อหว่าจาด้วยความงุนงง “ให้คนเฝ้าไว้ เดี๋ยวข้ากลับมา”
ฮั่วเสวียนตื่นแล้ว แต่ก็ยังแสร้งทำเป็นหลับ
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินออกไป นางก็ลุกขึ้นนั่งและพบว่ามีหญิงที่ไม่รู้จักอยู่ในห้อง
หญิงคนนั้นมีสีหน้าบึ้งตึง ไม่ยิ้มแย้ม และไม่ต้องการที่จะสนทนากับนาง
ราวกับมันเขียนไว้บนใบหน้าอย่างชัดเจนว่าข้าอยู่ที่นี่เพื่อเฝ้าดูเจ้า
ในอีกด้านหนึ่ง เอ๋อหว่าจาผ่านบริเวณที่กลุ่มหญิงสาวกำลังพักผ่อนและตรงไปที่กระโจมของอูซือม่าน
นางพูดกับผู้เฝ้ายามด้านหน้า “ข้ามารายงานสถานการณ์ของเข่อลี่น่าเจ้าค่ะ”
ก่อนที่ผู้เฝ้ายามจะทันได้ส่งเสียง อูซือม่านก็ตะโกนว่า “เข้ามา”
เอ๋อหว่าจาเข้าไปข้างในและทำความเคารพ
“ท่านผู้นำ วันนี้เข่อลี่น่าหลับเกือบตลอด ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเจ้าค่ะ”
อูซือม่านขมวดคิ้ว “ใช้กุ๋ยอิ่นมากไปหรือเปล่า”
เขาแค่ไม่ต้องการให้ฮั่วเสวียนหนีไป แต่ไม่ต้องการทำร้ายนางแม้แต่น้อย
“ไม่น่าจะใช่เจ้าค่ะ หมอหญิงให้ยาตามปริมาณปกติ อาจเป็นเพราะร่างกายของเข่อลี่น่านั้นอ่อนแอเกินไป”
อ่อนแอ?
อูซือม่านเองก็ไม่ค่อยดูแลตัวเองเมื่อเขาได้รับบาดเจ็บ เขากินทั้งเหล้าและเนื้อสัตว์ แต่ก็ดีขึ้นภายในเวลาไม่กี่วัน
เรื่องของสตรีเป็นเรื่องละเอียดอ่อนเสียจริง ๆ
เมื่อเขาคิดได้แบบนั้นเขาก็ถามว่า “อาการของนางเป็นอย่างไรบ้าง”
เอ๋อหว่าจาลังเล “ขึ้น ๆ ลง ๆ เจ้าค่ะ”
“เข่อลี่น่าอาเจียนทันทีที่ได้กลิ่นอาหาร แต่นางก็อดทนและกินมันไปเยอะมากเจ้าค่ะ”