บทที่ 27 มาถูกทางแล้ว
บทที่ 27 มาถูกทางแล้ว
หลินเจี้ยนดูลำบากใจ “เราไม่มีพื้นฐานเลย ทำไมเธอไม่สอนเราทีละคำล่ะ”
โคโค่มองไปรอบ ๆ และในที่สุดก็จับจ้องที่ซูโย่วอี๋ “เธอก็สอนฉันร้องเพลงก่อน แล้วฉันจะสอนเธอแรป”
มันเป็นคำขอโดยไม่ถามความคิดเห็นของซูโย่วอี๋สักนิด
หลินเจี้ยนมองซูโย่วอี๋อย่างลำบากใจ เธอเป็นคนขอให้โคโค่มาที่นี่ โคโค่สัญญากับเธออย่างดีในตอนนั้น แต่ตอนนี้เธอกลับตั้งเงื่อนไข
ซูโย่วอี๋หรี่ตาลงแล้วพูดว่า “ฉันสอนคนไม่เป็นหรอก ฉันร้องเพลงได้อย่างเดียว เธอสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้นะ”
“แล้วเธอจะไม่ร้องเพลงให้ฉันฟังก่อนเหรอ”
[อ่า ไม่รู้ความเข้าใจของฉันหรือความเข้าใจของเธอที่มีปัญหากันแน่ แต่ฉันคิดว่าเธอต้องการให้คลาส B ฟังจากต้นฉบับด้วยตัวเอง]
[ใช่ พวกแรปเปอร์นี่หยิ่งขนาดนี้เลยเหรอ ไม่สุภาพเลย!]
[อย่าตอบรับ ถ้าเธอไม่อยากสอนคนอื่นแต่แรก!]
[มันน่าขยะแขยง หมายเลข 23 อย่าสอนเธอนะ ฉันจะโหวตให้เธอ ถ้าเธอไม่สอนร้องเพลง]
[นี่มันเป็นการเอาแต่ได้ชัด ๆ!]
เมื่อบรรยากาศเริ่มตึงเครียด จู่ ๆ หลินเจี้ยนพูดขึ้นว่า “งั้นเรามาฟังเพลงต้นฉบับกันก่อน ส่วนเธอกลับไปซ้อมก่อนก็ได้”
ทันทีที่โคโค่จากไป สาว ๆ คลาส B ก็มารวมตัวกันและบ่นว่า “เมื่อก่อนฉันคิดว่าเธอเท่ แต่กลับกลายเป็นว่าเธอหยิ่งมาก”
“ซูโย่วอี๋ เราจะไม่ขอให้ใครมาสอนเราแล้ว พวกเราคลาส B มารวมพลังฝึกแรปกันเถอะ”
“มาเถอะ มาอ่านเนื้อเพลงกันก่อน”
“ฮ่าฮ่าฮ่า อ่านดัง ๆ นะ เหมือนที่เธออ่านบทอาขยานน่ะ”
[คลาส B มีบรรยากาศที่ดีจริง ๆ]
[ใช่ ทุกคนในคลาส B เป็นคนสบาย ๆ]
[ทุกคนดูเป็นมิตร ไม่เหมือนว่ากำลังแข่งกันอยู่เลยสักนิด!]
โคโค่กลับไปที่คลาส C ซึ่งปกติแล้วเธอก็เข้ากับคนในคลาสไม่ได้ และแน่นอนว่าในสายตาของเธอ คนจากคลาส C ไม่มีใครสมควรเป็นเพื่อนกับเธอทั้งนั้น
และด้วยทักษะการแรป เธอได้พูดคุยกับฉูรั่วฮวนในคลาส A เป็นครั้งคราว ซึ่งแต่เดิม เธอเห็นด้วยที่หลินเจี้ยนต้องการให้เธอสอนคนในคลาส B แรป แต่ท้ายที่สุดแล้วคลาส B นั้นสูงกว่าคลาส C ของเธอ และการสอนกลุ่มคนที่มีคะแนนสูงกว่าเธอ คงไม่มีประโยชน์อะไรนอกจากทำให้พวกเขาเก่งขึ้น
แต่เธอไม่รู้ว่าฉูรั่วฮวนได้ยินเรื่องนี้มาจากไหน เธอมาหาโคโค่และพูดว่า “อย่าสอนแรปให้คลาส B โดยเฉพาะซูโย่วอี๋ ส่วนเรื่องร้องเพลงเธอสามารถมาปรึกษาฉันได้ทุกเมื่อ”
ซึ่งเธอเห็นด้วย การอยู่ฝั่งฉูรั่วฮวนเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้
ต่อมาคนจากคลาส C เริ่มแพร่สะพัดว่าซูโย่วอี๋จากคลาส B มักชอบดูถูกเหยียดหยามที่จะสอนคนที่มีคะแนนต่ำกว่า
เกือบสี่โมงเย็นเฉินซีซีที่นอนหลับสนิท ในที่สุดก็มาถึงห้องฝึกและในเวลานั้นในห้องก็กําลังฝึกแรปและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เมื่อเห็นว่าเธอมาสายพวกเขาทั้งหมดก็ขำเธอเล็กน้อย
เฉินซีซีเดินไปหาซูโย่วอี๋อย่างไม่พอใจ “พี่สาวทําไมพี่ไม่ปลุกฉัน”
“ฉันลืม” ซูโย่วอี๋พูดอย่างเฉยเมย
กระต่ายน้อยรู้ได้ทันที พี่สาวของเธอโกรธที่เธอไม่รักษาสัญญาเรื่องการจัดเตียง
เฉินซีซีนั่งลงข้าง ๆ เธอและพูดว่า “พี่สาว ฉันรู้ว่าฉันผิด แต่มันก็แค่จัดที่นอน ฉันจะทำคืนนี้เลย”
ซูโย่วอี๋ไม่แสดงสีหน้าใด ๆ แต่ในใจเธอกำลังหัวเราะ
ในตอนเย็น
เมื่อพวกเธอกำลังจะทานอาหารเย็น จู่ ๆ ก็มีเสียงออกอากาศดังขึ้น “ทุกคนโปรดทราบ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะมีการเปิดห้องสตรีมสดส่วนตัวให้คุณ เวลาสตรีมสดคือตั้งแต่ 19.00-21.00 น. ในทุกวัน ซึ่งผู้ชมสามารถเลือกห้องถ่ายทอดสดเพื่อรับชมได้เอง”
“สตรีมแบบถ่ายทอดสดเป็นวิธีการสำคัญในการเพิ่มความนิยมของทุกคน โปรดเตรียมตัวให้พร้อม”
ผู้เข้าแข่งขันต่างเงียบเมื่อได้ยินเรื่องที่เพิ่งประกาศไปนี้
ห้องสตรีมส่วนตัว?
พวกเขากำลังจะทำอะไร?
มันกะทันหันเกินไปหรือเปล่า
แต่ถึงอย่างนั้น ชาวเน็ตกลับฮือฮา
[อ่า ฉันคุยกับเด็กฝึกได้ไหม? ฉันอยากคุยกับอวี๋ชิงจ้าว]
[นี่คือที่ฉันต้องการ]
[เตรียมเชื่อมต่อแล้วนะ]
[ฉันชอบมาก]
[ฉันอยากจะส่งจรวดให้ที่รักของฉัน!]
หลังจบรายการ เจ้าหน้าที่รีบส่งรายชื่อผู้เข้าแข่งขัน
ห้องสตรีมสดเป็นแบบเดียวกับห้องกระจายเสียงของหอพัก และระดับสูงสุดก็มีสิทธิ์มากที่สุด ห้องสตรีมสดสำหรับห้าคนของคลาส A เป็นห้องแยกต่างหาก ซึ่งไม่มีเสียงรบกวนจากห้องอื่น ๆ ส่วนห้องสตรีมสดสำหรับคลาส B เป็นห้องสำหรับสองคน จับคู่ตามรายชื่อสมาชิกในห้องพัก ดังนั้นห้องสตรีมของซูโย่วอี๋และเฉินซีซีจึงอยู่ด้วยกัน
ส่วนมีคลาส C และ D เป็นห้องสตีมสำหรับสี่คน คลาส E แย่ที่สุด แปดคนในห้องสตรีมเดียว ดังนั้นจึงทำให้คนที่เข้าไปชมเสียสมาธิได้ง่าย
เพราะแฟนคลับของคุณอาจเปลี่ยนคนที่ชื่นชอบไปเฉย ๆ
ทันทีที่มีข่าวออกมา สาว ๆ หลายคนเริ่มใช้ชีวิตอย่างกระวนกระวาย และหลายคนรับประทานอาหารน้อยลง
หลังจากบอกลาเฉินซีซี เธอก็เดินกลับไปที่หอพัก เพราะต้องกลับไปทานอาหารเย็นให้เสร็จก่อน
“เจ้าจิ้งจอกgojk”
ระบบไม่ตอบสนอง
ซูโย่วอี๋ตะโกนอีกครั้ง “เจ้าจิ้งจอกเน่า คุณอยู่ที่นี่หรือเปล่า?”
สุนัขจิ้งจอกได้ยินซูโย่วอี๋เรียกมัน แต่มันไม่อยากคุยกับเธอ เมื่อคืนที่ผ่านมา เธอดึงขนสุนัขจิ้งจอกออกอย่างแรง ซึ่งทำให้หัวใจของมันเจ็บปวด
เธอเอามือแตะจมูกแล้วสงสัยว่า ‘เกิดอะไรขึ้น? เจ้าจิ้งจอกเน่ากำลังโกรธหรือเปล่า?’
มันเป็นเรื่องที่เธอไม่คาดคิดแต่เพราะด้วยความโกรธ เธอรู้ว่าเธอควรจะขอโทษสุนัขจิ้งจอก เพราะยังไงเธอก็เป็นคนที่ละเมิดกฎการควบคุมอาหารก่อน
หลังจากกลับมาที่หอพัก เธอนั่งบนโซฟาและเข้าสู่พื้นที่ของระบบ สุนัขจิ้งจอกสัมผัสได้ว่าซูโย่วอี๋เข้ามา มันหันหลังให้เธอทันที
ด้วยรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของซูโย่วอี๋ เธอวิ่งไปหามันและพูดว่า “อย่าโกรธนะ จิ้งจอกน้อย เมื่อวานเป็นความผิดของฉันเอง ขอโทษนะ”
สุนัขจิ้งจอกตัวสั่นและพูดว่า [ออกไปเลย]
‘การง้อมันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?’
สุนัขจิ้งจอกตัวร้ายกัดฟัน มันทำทุกอย่างตามกฎและไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักนิด ทำไมซูจู่ต้องตีมันด้วย?
ซูโย่วอี๋หยิบเม็ดช็อคโกแลตสองเม็ดออกมาจากช่องเก็บของและพูดว่า “พี่ชาย สองเม็ดนี้สำหรับคุณ ฉันให้”
สุนัขจิ้งจอกดมกลิ่นและเห็นได้ชัดว่ากำลังถูกล่อลวง แต่มันก็ยังแสร้งทำเป็นเล่นตัว [คุณคิดว่าฉันอยากกินมากนักเหรอ?]
ซูโย่วอี๋ลูบขนของมันให้เรียบและพูดว่า “ถึงคุณไม่ต้องการมัน แต่ฉันให้คุณจากใจ รับมันไว้เถอะ”
สุนัขจิ้งจอกยกหางขึ้นสองครั้งโดยไม่รู้ตัว [เอาล่ะ ฉันจะรับไว้ แล้วอย่ามารบกวนฉันอีกนะ]
ด้วยอุ้งมือของมัน ช็อกโกแลตสองเม็ดก็เข้าไปในปาก
หลังจากสุนัขจิ้งจอกสงบลงจึงถามว่า [คุณต้องการอะไรจากฉัน]
“การถ่ายทอดสดจะใช้เวลาสองชั่วโมง ตอนนี้ฉันไม่มีเวลาออกกำลังกายในตอนกลางวัน นับประสาอะไรกับตอนเย็น คุณลดเวลาออกกำลังกายลงได้ไหม” ซูโย่วอี๋พูดขึ้น
ถ้าเวลาออกกำลังกายไม่เปลี่ยน แม้ว่าเธอจะเริ่มออกกำลังกายหลังไลฟ์สด เธอก็ต้องทำจนถึงตีหนึ่ง มันดึกเกินไป และระบบกำหนดให้เธอต้องนอนก่อนเที่ยงคืน
แม้ว่าเธอจะหลับในตอนเที่ยง ก็จะออกกำลังกายได้เพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
สุนัขจิ้งจอกขมวดคิ้ว [ซู่จู่ ไม่ใช่ว่าฉันต้องการให้คุณออกกำลังกายนาน ๆ หรอกนะ แต่เป้าหมายในการลดน้ำหนักของคุณ ทำให้คุณต้องออกกำลังกายนานขนาดนั้นต่างหาก]
[ทำไมคุณไม่ออกกำลังกายระหว่างการสตรีมสดล่ะ] สุนัขจิ้งจอกถาม
โดยจากความคิดของเธอคิดว่าการลดน้ำหนักควรดำเนินการในพื้นที่ฮอโลแกรม แต่จริง ๆ แล้วนี่เป็นเพียงความเข้าใจผิด พวกเขาเคยคุยกันเกี่ยวกับการออกกำลังกายในความเป็นจริงมาก่อน