บทที่ 30 ทำไมเธอถึงมาออกกำลังกายตอนเช้าที่นี่ล่ะ?
บทที่ 30 ทำไมเธอถึงมาออกกำลังกายตอนเช้าที่นี่ล่ะ?
หัวใจของจ้าวเว่ยเฉิงสั่นสะท้าน เขารู้ว่าหมายเลข 23 ถูกค้นหาอย่างมากในแพลตฟอร์มต่าง ๆ ด้านการร้องเพลง แต่ฮันเอินจีจงใจพูดถึงเธอต่อหน้าเขาว่าไม่ชอบหมายเลข 23 ดังนั้นเขาจึงเข้าใจโดยธรรมชาติว่าเธอหมายถึงอะไร
“หัวหน้าผู้กำกับจ้าว หมายเลข 23 มีศักยภาพที่ดี คุณอย่าพยายามปิดเส้นทางของเธอล่ะ”
เมื่อเห็นแววตาของเจ้านาย จ้าวเว่ยเฉิงก็รีบตอบรับ แน่นอนว่าเขาไม่สามารถปิดบังอะไรจากชายตรงหน้าได้
หลังจากจ้าวเว่ยเฉิงออกไปแล้ว ลู่เฉินก็ลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างและมองออกไป
‘บ้านพักชูจิง’ ถูกสร้างขึ้นบนยอดเขา และสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเกาะทั้งหมดได้อย่างชัดเจน
ห้องฝึกซ้อมใกล้ชายทะเลสว่างไสวจนมองเห็นคนข้างในที่กำลังฝึกซ้อมกันอย่างหนัก บางส่วนเริ่มกลับหอพักไปพักผ่อน
เขามองไปยังป่าใกล้ยอดเขา
ต้นไม้เขียวชอุ่มและอุดมสมบูรณ์ปิดกั้นทิวทัศน์ภายในอย่างแน่นหนา
ทันใดนั้นก็มีคนคนหนึ่งเดินออกมา
ลู่เฉินเพ่งมองไปแล้วพบว่านั่นไม่ใช่หมายเลข 23 เหรอ?
ห้าทุ่มกว่าแล้ว หมายเลข 23 กำลังทำอะไรอยู่ที่นั่นคนเดียว?
ซูโย่วอี๋เพิ่งออกกำลังกายเสร็จและเดินไปตามไหล่เขาอย่างเหนื่อยล้า เสื้อผ้าและกางเกงโชกไปด้วยเหงื่อ เธอยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่หน้าผาก จากนั้นบิดขอบเสื้อยืดเป็นเกลียว
หยดน้ำตกลงมา
เธอบิดเสื้ออีกครั้ง
‘ทำไมเธอถึงร้อนรนที่จะลดน้ำหนักในป่าแทนที่จะซ้อมการทดสอบครั้งแรก?’ เขาสงสัย
หรือเธอเตรียมพร้อมสำหรับการประเมินนี้ดีแล้ว? แล้วคิดว่าไม่จำเป็นต้องฝึกอีกต่อไปงั้นเหรอ?
เขาเฝ้าดูขณะที่เธอเดินเข้าไปในหอพัก
จากนั้นก็หัวเราะให้ตัวเอง สงสัยว่าเดี๋ยวนี้เขาคงจะว่างมากเกินไปจนต้องมาให้ความสนใจกับอะไรที่น่าเบื่ออย่างนี้
ซูโย่วอี๋ยังคงตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมอาหารเช้า ก่อนจากไป เธอได้ย้ำเตือนกับเฉินซีซีแล้วว่าอย่ามาสายอีก
ด้วยความงุนงงเฉินซีซีกำลังจะหลับไปอีกครั้ง แต่จู่ ๆ ฉากที่พี่สาวเมินเธอเพราะโกรธที่ไม่ยอมจัดเตียงเมื่อวานนี้ก็แวบเข้ามาในหัว และเธอก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นมา และรู้สึกปวดท้องน้อยขึ้นมา เด็กสาวลองนับนิ้วของเธอและพบว่าใกล้ถึงเวลาแล้วนี่นา…
ในห้องครัว ชั้นล่าง
ซูโย่วอี๋เปิดตู้เย็นและพบว่าวันนี้มีวัตถุดิบจำนวนมากมาส่ง รวมถึง ข้าวฟ่าง ฟักทอง มันเทศ และอื่น ๆ เธอคิดว่าจะทำโจ๊กข้าวฟ่างฟักทองกินและคงต้องรีบทำ เพราะกลัวว่าเฉินซีซีจะไม่มีเวลาไปโรงอาหารเพื่อทานอาหารเช้า ดังนั้นเธอจึงทำสำหรับสองคน
และซูโย่วอี๋ไม่ได้กินมันเทศมานานแล้ว จึงเอามันไปนึ่งด้วย
หญิงสาวสวมถุงมือพลาสติกใช้แล้วทิ้ง ปอกเปลือกมันเทศ หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วใส่ลงในหม้อนึ่ง จากนั้นเธอก็นึ่งมันเทศที่ชั้นบนและต้มไข่ที่ชั้นล่าง เพื่อไม่เปลืองเวลา
เมื่อได้เวลาแล้วเธอก็ขึ้นไปชั้นบน และเห็นว่าเฉินซีซีตื่นแล้ว แต่เธอกลับเธอห่อตัวด้วยใบหน้าซีดเซียว
มีรอยเลือดบนผ้าปูที่นอน
ซูโย่วอี๋ปิดประตูแล้วเดินไปข้างเตียงพลางถามน้องสาวด้วยความเป็นห่วง “ประจำเดือนมาเหรอ?”
ดวงตากลมโตของเฉินซีซีเปียกแฉะ เด็กสาวเอื้อมมือไปจับมือซูโย่วอี๋แล้วพูดว่า “พี่สาว ฉันปวดท้องมากเลย”
“เจ็บทุกครั้งที่มาหรือเปล่าหรือเพิ่งปวดหนัก ๆ แค่ครั้งนี้?”
“เจ็บทุกครั้ง แม่เคยขอให้หมอมาประคบร้อนให้”
เมื่อเห็นว่าเธอทำหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด ซูโย่วอี๋จับมือเธอแน่นแล้วพูดว่า “ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวฉันจะไปหาทีมงานแล้วขอยามาให้นะ”
เฉินซีซีหน้ามุ่ย “ฉันไม่กินยา มันขม”
ไม่ว่าซูโย่วอี๋จะพยายามเกลี้ยกล่อมเธอมากแค่ไหน เฉินซีซีก็ไม่ยอม
เมื่อซูโย่วอี๋กำลังจะลงไปชั้นล่างเพื่อนำชามข้าวต้มมาให้เธอ เธอมีความคิดหนึ่งเข้ามา เธอสงสัยว่าผงเลิศรสมีผลต่อการปวดประจำเดือนหรือไม่
เธอจำได้ว่าสรรพคุณ ‘ผงเลิศรส’ มีฤทธิ์เป็นยาและสามารถบรรเทาความเจ็บปวดได้
“เจ้าจิ้งจอกเน่า ผงเลิศรสรักษาอาการปวดประจำเดือนได้หรือเปล่า?”
สุนัขจิ้งจอกพูดไม่ออก [ทำไมคุณถามฉันแบบนี้]
“คุณไม่ใช่ระบบเหรอ ไม่ถามคุณแล้วฉันจะถามใคร?” ซูโย่วอี๋ถามอย่างสับสน
ฟังดูมีเหตุผล แต่ทำไมสุนัขจิ้งจอกถึงรู้สึกกระอักกระอ่วนล่ะ?
มันตอบอย่างโกรธ ๆ ว่า [ใช่]
ซูโย่วอี๋ค่อย ๆ โรยผงเลิศรสลงในหม้อ คนให้เข้ากัน จากนั้นตักใส่ชามแล้วขึ้นไปชั้นบน
เมื่อซูโย่วอี๋ออกมาจากห้องครัวเธอก็พบกับหลินเจี้ยน “ว้าว ซูโย่วอี๋ เธอทำอะไรน่ะ กลิ่นหอมจัง”
“ไม่มีอะไร แค่โจ๊กข้าวฟ่างธรรมดา”
ธรรมดา?
หลินเจี้ยนรู้สึกว่าน้ำลายของเธอกำลังจะไหลออกมา แต่เธอเป็นพวกชอบกินเนื้อไม่เคยสนใจโจ๊กเลย
“ขอกินด้วยได้ไหม?”
เพื่อนร่วมห้องของหลินเจี้ยนไปที่ห้องซ้อมตั้งแต่เช้า และเธอก็ไม่อยากทานอาหารเช้าในโรงอาหารคนเดียว
เมื่อนึกถึงปริมาณโจ๊กที่เธอทำในวันนี้ ซูโย่วอี๋พยักหน้าและพูดว่า “ได้ เธอไปตักได้เลย”
หลังจากบอกลาหลินเจี้ยนแล้วเธอก็เข้าไปในห้อง “เฉินซีซี กินโจ๊กสักชามให้อิ่มท้องก่อน”
เฉินซีซีไม่เงยหน้าขึ้น “พี่สาว ฉันไม่อยากกิน พี่กินเลย”
ซูโย่วอี๋จะยอมได้ยังไง ในเมื่อมีผงเลิศรสอยู่ในโจ๊กด้วย
“ฉันใส่ยาลงไปในโจ๊กแล้ว แค่กินเธอก็จะหายปวด”
เฉินซีซีไม่เชื่อ พ่อแม่ของเธอจ้างหมอชื่อดังมาตั้งหลายคน แต่พวกเขายังรักษาเธอไม่ได้เลย แล้วจะให้เธอจะกินยาได้ยังไง? แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็รู้ว่าพี่สาวนั้นหวังดีต่อเธอ “ขอบคุณนะพี่สาว”
ซูโย่วอี๋วางชามบนโต๊ะข้างเตียงแล้วพูดว่า “ไปที่เตียงของฉันและนอนซะ ฉันจะเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้”
เฉินซีซีหน้าแดง “ไม่ ๆ ขอบคุณนะ แต่เดี๋ยวฉันทำเอง”
“ฟังฉันนะ วันนี้ฉันให้เธอพักได้ครึ่งวัน ฉันจะลาให้เธอเอง”
เฉินซีซีปล่อยผ้าห่ม เดินไปที่เตียงตรงข้าม หยิบโจ๊กขึ้นมาชิม
ซูโย่วอี๋ปูผ้าปูที่นอนใหม่อย่างรวดเร็ว และเมื่อเฉินซีซีเห็นว่าเธอกำลังจะหยิบมันเข้าห้องน้ำ จึงรีบลุกขึ้นและพูดว่า “พี่สาว ทิ้งมันไปเถอะ เดี๋ยวฉันขอทีมงานใหม่”
ซูโย่วอี๋ยิ้ม “เธอกินไปเถอะ ไม่ต้องล้างนะ”
“ฉันจะไปแล้ว เธอเองก็พักผ่อนให้เพียงพอ อย่ามัวแต่อ่านหนังสือการ์ตูนล่ะ”
หลังจากประตูปิด เฉินซีซีก็กินโจ๊กจนหมดชาม เธอไม่รู้ว่าเป็นเพราะจิตใจของเธอหรือเปล่าที่ทำให้เธอไม่รู้สึกปวดอีกแล้ว และนอนหลับสนิทบนเตียงของซูโย่วอี๋
……
หลังจากกินโจ๊กไปสองคำ ซูโย่วอี๋ก็รีบไปที่ห้องซ้อม เวลาซ้อมตอนเช้ามีค่าที่สุด เพราะจะมีอาจารย์คอยให้คำแนะนำ
เมื่อเธอไปถึงห้องซ้อม เธอพบว่าอาจารย์จงลี่อยู่ที่นั่นแล้ว เมื่อเห็นเธอเข้ามาเขาก็พยักหน้าให้เธอด้วยรอยยิ้ม
หลังจากขอลาให้เฉินซีซีแล้ว ซูโย่วอี๋ก็นั่งลงที่ท้ายห้องและพบว่าหลินเจี้ยนยังมาไม่ถึง… เธอออกมาก่อนไม่ใช่เหรอ?
เช้านี้เธอมุ่งเน้นไปที่การฝึกโดยไม่คิดมาก เมื่อวานเน้นร้องเพลงทั้งวัน วันนี้ซ้อมเต้น ส่วนวันสุดท้ายก็ซ้อมร้องแรป
ยกเว้นเธอ สาว ๆ คนอื่น ๆ กำลังซ้อมร้องเพลงอยู่ ท้ายที่สุดอาจารย์จงลี่ก็บอกถึงปัญหาให้พวกเธอทุกคนได้ทันเวลา
ซูโย่วอี๋จ้องไปที่การเต้นบนจอภาพ ซึ่งเธอมองการเคลื่อนไหวที่ความเร็วปกติไม่ทัน ดังนั้นเธอจึงปรับความเร็วของเพลงให้ช้าลง เพื่อจะได้เต้นตามให้ทันในแต่ละจังหวะ
เธอเอามือเท้าเอว ยักไหล่และเอนตัวไปข้างหน้า เอามือขึ้นมาจับศีรษะและก้มลง…
แต่จู่ ๆ หลินเจี้ยนก็ผลักประตูเปิดออกมา และเห็นซูโย่วอี๋กำลังซ้อมเต้นอยู่หน้ากระจก
“ทำไมเธอถึงมาออกกำลังกายตอนเช้าที่นี่ล่ะ?”
ผู้ชมที่เข้ามาดูการถ่ายทอดสดต่างกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่จึงระเบิดเสียงหัวเราะออกมาในที่สุด
“ฉันไม่เคยเต้นมาก่อน เธออย่าล้อกันสิ”
หลินเจี้ยนเดินไปหาซูโย่วอี๋แล้ววางมือบนไหล่ของเธอ “ฉันจะสอนเธอเอง ฉันก็ต้องฝึกเหมือนกัน เรามาเป็นคู่ฝึกกันเถอะ”
ซูโย่วอี๋หันกลับมาและเห็นใบหน้าที่แดงของหลินเจี้ยน “เธอร้อนเหรอ?”
อุณหภูมิในตอนเช้าก็ไม่สูงนี่นา