บทที่ 39 ที่รัก เธอนอกใจฉัน
บทที่ 39 ที่รัก เธอนอกใจฉัน
ก่อนที่ซูโย่วอี๋จะทันได้ตอบกลับ ซูหยินก็ส่งอิโมจิมารัว ๆ
ปัญหาคือทำไมรูปโปรไฟล์อีกฝ่ายถึงเป็นรูปตอนเธอกลอกตาล่ะ!!!
[เธอคิดว่าฉันอยากคุยกับเธอไหม]
[อิอิ]
[ฉันจนปัญญามากเลย]
[ฉันไปต่อไม่ถูกเลย]
[วันนี้เธอก็ไม่มีอะไรจะพูดใช่ไหม]
ซูโย่วอี๋โกรธและอยากหัวเราะออกมาดัง ๆ เธอส่งข้อความกลับไปหาซูหยิน
[ฉันออกมาจากเกาะแล้ว เธอเลิกทำตัวเป็นแอนตี้แฟน*[1]ของฉันสักทีได้ไหม มาสวมรอยเป็นฉันอย่างนี้อยากให้ฉันโกรธเหรอ?]
ปกติแล้วซูหยินมักจะยุ่งจนไม่มีเวลาตอบข้อความ แต่ตอนนี้เธอกลับตอบทันที!!!
[ฉันเหรอ?]
ซูโย่วอี๋บุ้ยปาก [หรือไม่ใช่]
[ที่รัก เธอปิดบังฉันทำไม เธอมันไม่ใช่คน ในเมื่อมีพรสวรรค์มากขนาดนี้ ทำไมต้องขอให้กู่อวี๋เฉิง ช่วยด้วย?]
เอิ่ม..
ซูโย่วอี๋คิดกับตัวเองว่า ‘ก็ตอนนั้นฉันไม่มีพรสวรรค์จริง ๆ นี่’ แต่ความจริงแล้วเธอตอบกลับไปว่า
[ก็ฉันไม่มั่นใจในความสามารถของตัวเองนี่]
หลังจากบ่นไปสักพักเธอก็หยุดพูด
[จริงสิ ชื่อเสียงของเธอแพร่กระจายไปทั่วประเทศแล้ว (ดูสิ)]
ซูโย่วอี๋รู้สึกสับสน ซูหยินหมายถึงอะไร?
แต่เมื่อเธอท่องอินเทอร์เน็ต เธอก็รู้ว่าการมีชื่อเสียงไปทั่วประเทศหมายความว่าอย่างไร
ในพื้นที่คอมเมนต์ของแทบทุกโพสต์มีวิดีโอสั้น ๆ ตอนเธอกลอกตาเล่นวนไปวนมา
พวกเขาใช้มันตอนที่อยากบอกว่า ดี ชัดเจน แจ่มแจ้ง
แม้แต่ซูโย่วอี๋ยังต้องชื่นชมความสามารถของชาวเน็ต!
นี่เธอมีชื่อเสียงเพราะมีม*[2]?
[ที่รัก กว่าจะกลับไปถ่ายทำก็อีกตั้งสองวัน เพราะอย่างนั้นวันนี้เธอต้องไปช็อปปิงกับฉัน]
เมื่อมองไปที่เฉินซีซีซึ่งหลับไปแล้วเพราะเมาเรือ ซูโย่วอี๋จึงตอบกลับไปว่า
[กระต่ายน้อยมาอยู่กับฉัน ทำไมเธอไม่พาซีซีไปด้วยล่ะ]
[!]
[ที่รัก เธอเปลี่ยนไป เธอนอกใจฉัน]
[ไม่อนุญาตให้บุคคลที่สามปรากฏตัวในมิตรภาพ ไม่อย่างนั้นจะมีหนึ่งคนต้องช้ำเสมอ]
[เธอเลือกใครระหว่างฉันกับเด็กคนนั้น]
มุมปากของซูโย่วอี๋กระตุก [ซูหยิน เธออินกับละครเกินไปหรือเปล่า]
อันที่จริง เธอรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย [อืม ก็ได้ ๆ ฉันอยากรู้จริง ๆ ว่ากระต่ายตัวนี้เป็นใคร เจอกันบ่ายสามโมงที่ลานมังกร]
[อย่าลืมระวังตัวด้วยล่ะบิ๊กสตาร์]
ซูโย่วอี๋อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
หลังจากลงจากเรือแล้วทุกคนก็กลับบ้านของตัวเอง เมื่อซูโย่วอี๋เปิดประตูบ้าน เฉินซีซีมองเข้าไปในห้องอย่างสงสัย “พี่สาว พี่อยู่คนเดียวเหรอ?”
เพราะเฉินซีซีเพิ่งตระหนักว่าหากพ่อแม่ของพี่สาวอยู่ที่นี่ เธอคงไม่สบายใจนัก และบางทีเธออาจจะอยู่บนเกาะคนเดียวได้
แต่เมื่อซูโย่วอี๋เข้ามาแล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นรองเท้าแตะผู้หญิงที่ใต้ตู้รองเท้า
ก่อนถ่ายทำเธอได้เก็บรองเท้าทั้งหมดไว้ในตู้ แล้วรองเท้าพวกนี้มาจากไหน?
เหมือนกับว่ามีคนมาที่บ้าน
แล้วใครล่ะ?
เฉินเฉิน?
มี่มี่?
หรืออดีตแม่สามีปากร้ายของเธอ?
จู่ ๆ ซูโย่วอี๋ก็นึกเสียใจที่ลืมเปลี่ยนกุญแจบ้าน
เธอวางรองเท้าแตะไว้ที่พื้นแล้วหยิบรองเท้าแตะผู้หญิงมาสองคู่
ส่วนเจ้าสุนัขจิ้งจอกลอยออกมาทันทีที่เธอเปิดประตู และตรงไปที่โซฟา
[นอนที่นี่ดีกว่าเยอะ]
[ซู่จู่ เปิดโทรทัศน์หน่อย ฉันจะดูละคร]
เธอกลอกตาแล้วเดินไปเปิดอย่างเงียบ ๆ และโทรหาช่างให้มาเปลี่ยนตัวล็อกที่ประตู
เฉินซีซีเดินไปรอบ ๆ ห้องด้วยความตื่นเต้น “พี่สาว บ้านของพี่สวยมากเลย”
บ้านหลังนี้ตกแต่งเป็นสไตล์ที่เฉินเฉินชอบ
เธอพาเฉินซีซีไปที่ห้องนอนแขกแล้วพูดว่า “เธอนอนห้องนี้”
เมื่อได้ยิน เฉินซีซีก็หันไปมองซูโย่วอี๋อย่างน่าสงสาร “ฉันกลัวการนอนคนเดียว ขอนอนกับพี่ได้ไหม?”
ซูโย่วอี๋ปฏิเสธทันที “ไม่”
เฉินซีซีรู้สึกเสียใจ “พี่นอนโดยไม่ปิดประตูไม่ได้เหรอ?”
ซูโย่วอี๋เอามือก่ายหน้าผากของเธออย่างช่วยไม่ได้
ตอนเที่ยง ซูโย่วอี๋ทำอาหารกลางวันแสนอร่อยให้กระต่ายน้อย ด้วยความช่วยเหลือจากผงเลิศรส เธอยังคงภูมิใจในรสชาติมาก
“พี่สาว ฉันอยากพาพี่ไปที่บ้านฉันจัง”
ซูโย่วอี๋เคาะโต๊ะอย่างแรง และเฉินซีซีก็เดินไปล้างจานทันที
เหมือนกับกำลังเลี้ยงลูกจริง ๆ
เวลา 14:15 น. ทั้งสองคนก็ออกจากบ้านอย่างตรงเวลาโดยสวมหน้ากากและหมวกปิดมิดชิดจนจำแทบไม่ได้
เฉินซีซีถามอย่างสับสน “พี่สาว เราจะไปที่ไหนกันเหรอ”
“ไปหาเพื่อนรักของฉัน เธอดังมาก บางทีเธออาจจะเคยเห็นในโทรทัศน์ก็ได้นะ”
เฉินซีซีพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง เพื่อนของพี่สาวก็คือเพื่อนของเธอ
ภายใต้แสงอาทิตย์ ทั้งสองซ่อนตัวอยู่ที่มุมหนึ่งของร้านขายขนม เฉินซีซีสั่งเค้กครีมชิ้นเล็ก ๆ มานั่งกิน
ขณะที่ซูโย่วอี๋มองออกไปนอกหน้าต่างเป็นครั้งคราว และในที่สุดก็เห็นร่างที่สง่างามของซูหยิน
แม้จะมองไม่เห็นใบหน้า แต่เธอก็รู้ว่านั่นคือซูหยิน
ถ้าไม่ใช่เธอแล้วจะเป็นใครไปได้!
“เฉินซีซี ไปกันเถอะ”
เฉินซีซีหยิบเค้กชิ้นเล็กใส่ปากเธอ “อืม… จะหมดแล้ว”
เมื่อทั้งสามได้พบกัน
“ยินดีที่ได้รู้จักเฉินซีซี ฉันซูหยิน”
เฉินซีซีก็ทักทายอย่างสุภาพ “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณซู ฉันชื่อเฉินซีซี”
ในชั่วพริบตา เธอมองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง เฉินซีซีสมฉายากระต่ายน้อยจริง ๆ
การแนะนำตัวสิ้นสุดลง
พวกเธอเดินไปที่ห้างสรรพสินค้า เฉินซีซีไม่รู้ว่าทำไม ปกติแล้วเธอจะควงแขนพี่สาวตลอด แต่ตอนนี้เธอกลับไม่กล้า
เพราะพี่สาวซูหยินจะไม่มีความสุข
ซูโย่วอี๋ไม่รู้จะปรับอารมณ์อย่างไร หรือเธอควรให้กระต่ายน้อยกลับไปที่บ้านดีไหม
ซูหยินจะไม่รู้ความคิดของซูโย่วอี๋ได้อย่างไร เธอจึงทำลายบรรยากาศน่าอึดอัดนี้ “เอาเถอะ เพื่อความสุขของน้องสาวฉัน ถ้าเธอชอบอะไร ฉันจะจ่ายเอง”
เฉินซีซียิ้ม “ฉันไปด้วยได้ไหม”
หลังจากนั้นเธอก็แสร้งทำเป็นพูดว่า “ฉันจะไม่ซื้ออะไร”
ซูหยินรู้สึกขบขันกับท่าทางงี่เง่าของเฉินซีซี “โอเค ไปกันเถอะ”
ซูหยินพาเฉินซีซีไปที่ YS ร้านเสื้อผ้าผู้หญิงแบรนด์หรู
ซูโย่วอี๋ยืนอยู่ข้างหลังมองดูพวกเธอและรู้สึกสบายใจ แม้ว่าจะอายุไล่เลี่ยกัน แต่ซูหยินก็เป็นเหมือนพี่สาวคนโตที่ดูแลเธอเสมอมาและไม่เคยทำให้เธอลำบากใจสักครั้ง
หลังจากที่พวกเธอเข้าไปในร้าน ผู้ช่วยของร้านก็แขวนป้ายปิดชั่วคราวทันที
ซูหยินไปนั่งบนโซฟา ถอดหน้ากากออกแล้วพูดว่า “ถอดหมวกและหน้ากากออกเถอะ วันนี้ร้อนเกินไป”
เนื่องจากเธอกล้าทำเช่นนั้น หมายความว่าร้านนี้เก็บความลับได้
ผู้จัดการร้านนำชามาเสิร์ฟ “คุณซูหยิน ครั้งนี้คุณอยากดูอะไรคะ”
“เอาคอลเล็กชันล่าสุดให้ฉันดูหน่อย” ซูหยินพูดอย่างเคยชิน
ผู้จัดการร้านกระซิบกับผู้ช่วย และเสื้อผ้าใหม่หลายแถวก็ถูกผลักเข้ามา
ซูหยินยืนขึ้นและแตะเสื้อผ้า หากสายตาของเธอจับจ้องไปที่เสื้อผ้าชุดไหน ผู้จัดการร้านก็จะรีบเข้ามาแนะนำข้อมูลเกี่ยวกับเสื้อผ้าอย่างชาญฉลาด
ใครเป็นคนออกแบบ
กระบวนการเป็นอย่างไร
โดดเด่นตรงไหน
ซูโย่วอี๋เคยอยู่กับเธอมาก่อน เธอจึงไม่ประหลาดใจกับฉากนี้ และเฉินซีซีก็เช่นกัน ซึ่งทำให้ซูโย่วอี๋ประหลาดใจมาก
เฉินซีซีมองไปรอบ ๆ และเลือกชุดมาสองชุด แต่ไม่มีชุดไหนที่เธอชอบเลย
เด็กสาวลองสวมรองเท้าส้นสูงคริสตัลราคาแพง และบอกว่าเธอต้องการซื้อโดยไม่ลังเล
เธอกอดมันไว้ในอ้อมแขนอย่างมีความสุขพลางมองซูหยินอย่างซาบซึ้ง “ว้าว ในที่สุดฉันก็มีรองเท้าส้นสูงคู่แรกตอนอายุสิบเจ็ดปี”
“ขอบคุณนะคะ คุณซู”
[1] แอนตี้แฟน (Anti-Fan) หมายถึง บุคคลที่ไม่ชอบดารา นักแสดง หรือศิลปินบางคน บางกลุ่ม โดยจะคอยติดตามเพื่อหาจุดอ่อนด้านลบ และนำมาเขียน พูดคุย รวมไปถึงดัดแปลงผลงาน แต่มีจุดประสงค์ที่จะตำหนิหรือล้อเลียนบุคคลนั้น
[2] มีม (Meme) ภาพล้อเลียนท่าทาง การพูดหรือสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่สื่อไปทางเสียดสีหรือทางตลก