บทที่ 43 ทุกคนในโลกต่างก็เป็นสีดำและขาว
บทที่ 43 ทุกคนในโลกต่างก็เป็นสีดำและขาว
“งั้นก็ได้ พาฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที”
ทีมงานโบกมือ “เซียวลี่ เอาชุดฝึกมาให้รั่วฮวนใส่ที”
สาว ๆ ที่เพิ่งถูกดุเห็นแบบนั้นแล้วก็รู้สึกโกรธมาก แม้ว่าพวกเธอจะไม่มีชื่อเสียง แต่มันไม่น่าขยะแขยงไปหน่อยเหรอที่ทีมงานรายการปฏิบัติกับพวกเธอแตกต่างกันขนาดนี้
“ถ้าไม่อยากถ่าย ก็ไม่ต้องถ่าย ดูแลตัวเองให้ดี”
หญิงสาวผมสั้นดึงเสื้อหญิงสาวที่พูดขึ้นและเตือนเธอว่า “หยุดพูดนะ”
จากนั้นเธอก็รีบวิ่งไปหาทีมงานทันทีและขอเสื้อผ้าหกชุด โชคดีที่ทีมงานไม่ได้ต่อว่าอะไรเธอในครั้งนี้
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ สาว ๆ ก็แยกย้ายกันไป ส่วนเฉินซีซีก็นั่งเงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไรอยู่ข้าง ๆ ซูโย่วอี๋
“เป็นอะไร?”
กระต่ายขาวตัวน้อยรู้สึกหดหู่ใจมาก “พี่สาว ทีมงานคนนั้นลำเอียงมากเลย ทำตัวสุภาพกับฉูรั่วฮวน แต่ใจร้ายกับพวกพี่สาวที่ไม่มีชื่อเสียง”
นี่เป็นเรื่องปกติในสังคม แต่มันกลับโหดร้ายเกินไปสำหรับเด็กที่อยู่ในวัยมัธยม และมีครอบครัวที่อบอุ่นทั้งยังร่ำรวย
ซูโย่วอี๋ไม่ได้ให้เหตุผลอย่างตรงไปตรงมา กลับถามคำถามที่ไม่เกี่ยวข้องแทน “ทุกคนที่อายุมากกว่าเธอจะถูกเรียกว่าพี่สาว ทำไมเธอถึงเรียกฉูรั่วฮวนด้วยชื่อของเธอล่ะ”
เฉินซีซีบอกเหตุผล “ฉูรั่วฮวนชอบหาเรื่องพี่ ฉันไม่ชอบเธอ ทำไมฉันต้องเรียกเธอว่าพี่สาวด้วย?”
ซูโย่วอี๋ยิ้ม “นั่นสิ”
“ทุกคนบนโลกต่างก็มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันทั้งนั้น เธอชอบฉัน เธอเลยดีกับฉัน แต่บางคนชอบเงิน บางคนชอบอำนาจ และบางคนชอบสถานะ เราต่างมีปฏิกิริยากับสิ่งที่เราชอบไม่เหมือนกัน”
เฉินซีซีไม่เข้าใจ “ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังเกลียดเขา”
ซูโย่วอี๋ลูบผมของเธออย่างเอ็นดู “เป็นเพราะพฤติกรรมที่ไม่ดีเหล่านี้ ทำให้เราสะท้อนถึงคุณค่าของครอบครัวและเพื่อน ๆ ได้ดีขึ้น เมื่อมีคนทำดีกับเธอ เธอก็อย่ามองข้าม แต่ให้รู้สึกขอบคุณ พวกเขาอยู่เสมอ รู้ไหม? ท้ายที่สุดแล้ว ทุกคนในโลกต่างก็เป็นสีดำและขาว”
เฉินซีซีพยักหน้าอย่างครุ่นคิด “พี่สาว พี่ลืมไปหรือเปล่าว่าบนโลกนี้ยังมีคนที่รักกันอยู่ อย่างพ่อกับแม่ของฉันไง”
ซูโย่วอี๋ตกใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น “อืม เธอพูดถูก”
ทั้งหมดเป็นเพราะเธอแค่เจอคนที่ทำตัวไม่ดี
“ขึ้นรถกันเถอะ อยู่ตรงนั้น”
ความกังวลของเฉินซีซีหายไป และเธอก็ดึงซูโย่วอี๋ไปที่รถบัส
รวมรถของทีมงานแล้วก็มีรถอยู่สามคัน
บ้านพักคนชราหรงกุ้ยตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่าของกรุงปักกิ่ง สร้างโดยรัฐบาล เพื่อรองรับคนชราจากครอบครัวระดับกลางและระดับสูง ทำให้มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
หลังจากขับรถมาประมาณหนึ่งชั่วโมง เฉินซีซีก็งีบหลับไปในรถ และซูโย่วอี๋ที่ไม่มีอะไรทำจึงเข้าสู่ระบบชั่วขณะหนึ่ง
เฉินซีซีจึงตื่นขึ้นมาเห็นเสื้อผ้าของซูโย่วอี๋เปียกเหงื่ออีกแล้ว และมองไปอย่างกังวล “พี่สาว ร่างกายของพี่อ่อนแอเกินไปหรือเปล่า นั่งนิ่ง ๆ เหงื่อก็ออกมากขนาดนี้ พี่ไปหาหมอดูหน่อยดีไหม”
สุนัขจิ้งจอกได้ยินอย่างนั้นก็หัวเราะในพื้นที่ของระบบ
“ถึงแล้ว กรุณาลงจากรถและไปรวมตัวกันครับ”
ทีมงานเดินจากรถคันหนึ่งไปยังอีกคันหนึ่งพร้อมโทรโข่ง
ทันทีที่ซูโย่วอี๋ลงจากรถบัส เธอเห็นอาจารย์ทั้งสามคนและลู่เฉินยืนอยู่ตรงหน้าเธอ แต่ซือเฉินไม่อยู่ที่นั่นด้วย
หลังจากที่ทุกคนรวมตัวกันแล้ว ฮันเอินจีก็หยิบไมโครโฟนขึ้นมาและพูดว่า “อาจารย์ซือเฉิน ติดภารกิจ วันนี้จะมีแค่พวกเราที่จะไปกับคุณเพื่อทำกิจกรรมการกุศลของบ้านพักคนชรา ก่อนอื่น ยินดีต้อนรับ ผู้อำนวยการถังชุนฉี”
ผู้อำนวยการถังเป็นชายวัยกลางคน พุงพลุ้ย และมีเสียงพูดที่ชัดเจน เขาแนะนำบ้านพักคนชราโดยสังเขป
เมื่อจบการแนะนำ ฮันเอินจีกล่าวว่า “พวกคุณจะถูกแบ่งออกเป็นสี่ทีมเพื่อทำงานสี่อย่างให้เสร็จ ได้แก่ ทำอาหารกลางวัน ช่วยผู้สูงอายุดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล พูดคุยกับผู้สูงอายุ และช่วยเหลือผู้สูงอายุทำกายภาพบำบัด”
“ทั้งสี่ทีมจะนำโดยอาจารย์สามคนและประธานลู่ เอาล่ะ ตอนนี้มาจับฉลากกัน”
มีสามกิจกรรมที่พอรับได้ แต่การช่วยคนชราดูแลสุขอนามัยส่วนตัว ทำให้สาว ๆ หลายคนมีความกังวลมาก ใครอยากจะล้างหน้าและเท้าของคนชราไร้ญาติกัน?
แต่มันก็เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม ภายใต้เลนส์กล้อง คุณต้องเสแสร้งทำเป็นนางฟ้าผู้ใจดี
พวกเธอทำได้แต่ภาวนาอย่าให้โดนอยู่ทีมนี้เลย
“อา…ฉันได้ทำความสะอาด”
ฉูรั่วฮวนไม่อยากจะเชื่อเลยว่าโชคของเธอจะแย่ขนาดนี้ เธอดูสะอิดสะเอียนอยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่อเห็นว่ากล้องกำลังถ่ายทำอยู่ก็ยกยิ้มทันทีและพูดว่า “ฉันช่วยปู่ย่าล้างเท้าที่บ้านเป็นประจำ งานนี้สบายมากสำหรับฉัน”
[อุ๊ย เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เธอไม่เต็มใจ แต่เสแสร้งทำเป็นโอเค]
[ปฏิกิริยาแรก คือความจริง]
[ฮวนฮวน ลูกกตัญญู ฉันอยากเสแสร้งแบบไอดอลได้จัง]
[พูดถึงการเสแสร้ง ใช้ตาข้างไหนมองกันถึงมองว่าเธอเสแสร้ง]
[ฉันเห็นมันด้วยตาทั้งสองข้าง เกิดอะไรขึ้นกับเธอ?]
[น่ารังเกียจ]
หลังจากนั้นไม่นาน ทุกคนก็ได้รับมอบหมายงาน ซูโย่วอี๋ทำหน้าที่ในการพูดคุย และเฉินซีซีช่วยฝึกกายภาพ
แต่เพราะกลัวว่าเฉินซีซีจะทำไม่ได้ ซูโย่วอี๋จึงอาสา “ฉันจะเปลี่ยนกับเธอ”
เฉินซีซีส่ายหัวและพูดว่า “ไม่จำเป็น พี่สาว ฉันต้องเรียนรู้ที่จะทำอะไรด้วยตัวเองบ้างแล้ว ฉันไม่สามารถขอให้พี่ช่วยได้เสมอไปหรอก”
[ว้าว กระต่ายขาวตัวน้อยเก่งจัง]
[ฉันละอายใจที่ป้าเป็นอายุสามสิบสองปีแล้ว แต่ยังไม่เก่งเท่าเธอเลย]
[น้องดอกไม้แห่งรักแท้]
[ฉันให้เด็ก ๆ ดูกิจกรรมอาสานี้ด้วยกันและเรียนรู้ที่จะเคารพคนชราและรักเด็ก]
[อยากมีน้องสาวแบบนี้จัง]
คุณนายเฉินที่ดูการถ่ายทอดสดอยู่แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเมื่อเห็นฉากนี้ ในเวลาเพียงไม่กี่วัน เฉินซีซีเปลี่ยนไปขนาดนี้เชียว
คุณนายเฉินรู้สึกประทับใจมากจนเธออยากจะรับซูโย่วอี๋เป็นลูกสาวของเธออีกคน!
และในตอนนั้นเอง หลินเจี้ยนก็เอนตัวเข้ามาใกล้และกระซิบว่า “ฉันโชคร้ายจังที่ได้เป็นคนดูแลสุขอนามัย ฉันยังไม่เคยแม้แต่ล้างเท้าแม่ของตัวเองเลย ตอนนี้ฉันจะต้องดูแลพ่อแม่ของคนอื่นแล้วเหรอเนี่ย”
เฉินซีซีมองเธอและพูดว่า “ไม่เป็นไร ถือว่าเป็นประสบการณ์”
เมื่อหลินเจี้ยนเห็นว่าเธอมองโลกในแง่ดีขนาดนั้น ก็เต็มไปด้วยความอิจฉา
“ทีมเรานำโดยฮันเอินจี เขาบอกว่างานของเราค่อนข้างยาก เราจะจับคู่กันดูแลผู้สูงอายุ ฉันบังเอิญคู่กับฉูรั่วฮวน เธอก็รู้ว่าเธอเป็นยังไง ฉันอาจจะได้ทำงานคนเดียว”
ซูโย่วอี๋ปลอบโยน “มันไม่น่าจะขนาดนั้นหรอก ยังไงก็มีกล้องถ่ายอยู่”
และเธอก็แสดงได้ดีอีกต่างหาก…
ฮันเอินจีมองเด็กสาวที่กำลังสับสนแล้วพูดว่า “ทุกคน มายืนต่อหน้าอาจารย์นำทีม ผู้นำทีมทำอาหารคืออาจารย์จงลี่ ผู้นำทีมกายภาพคืออาจารย์แจ็ค ผู้นำทีมดูแลสุขอนามัยคือฉัน และผู้นำทีมพูดคุยคือประธานลู่”
เฉินซีซีบอกลาซูโย่วอี๋ อย่างไม่เต็มใจและไปยืนอยู่ในทีมของเธอ
ซูโย่วอี๋มองที่ด้านหลังของเฉินซีซีที่เดินจากไป ไม่น่าจะมีอะไรที่ต้องกังวลนะ แม้ว่าซีซีจะอ่อนต่อโลก แต่เธอก็คงไม่มีปัญหาในการทำสิ่งต่าง ๆ ซูโย่วอี๋ได้แค่หวังว่าเธอจะไม่เจอชายชราที่มีนิสัยแปลก ๆ
“หมายเลข 23“
…
“ซูโย่วอี๋ ไปกันเถอะ”
ซูโย่วอี๋มองย้อนกลับไปและสบเข้ากับดวงตาของลู่เฉิน เธอจึงรีบตามไป
มีพยาบาลนำทางกลุ่มของเธอไปยังสถานที่พักผ่อนสำหรับผู้สูงอายุ และบรรดาผู้สูงอายุที่มีสุขภาพแข็งแรงก็จะมารวมตัวกันที่นี่เพื่อเล่นหมากรุก ไพ่นกกระจอก และปิงปอง