บทที่ 73 ฉันไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้น
บทที่ 73 ฉันไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้น
“ผู้กำกับจ้าว แนะนำว่าเราควรมองหาแมวที่ดี”
ชายหนุ่มมองไปที่ซูโย่วอี๋และขมวดคิ้ว
ซูโย่วอี๋มีลางสังหรณ์ว่าเขาจะปฏิเสธ เธอจึงรีบชิงพูดก่อน
“ลืมมันไปเถอะ”
“ไม่…”
“ประธานลู่คุณไม่จำเป็นต้องบอกฉัน ฉันรู้ว่าคุณหมายถึงอะไร”
ลู่เฉินค่อย ๆ หยิบผ้าเช็ดหน้าผ้าฝ้ายสีดำออกมา แล้วพูดว่า “คุณรู้อะไรไหม เช็ดเหงื่อคุณซะ มันสกปรก”
[ทุกครั้งที่ฉันเห็นประธานลู่ ฉันรู้สึกแปลก ๆ ในใจตลอดเลย]
[อา…ฉันจะตายแล้ว ประธานลู่อ่อนโยนจัง!]
[ฉันก็โดนเหมือนกัน ฉันก็พูดคำว่าสกปรก ไม่คิดว่าเราจะใจตรงกันขนาดนี้]
[เช็ดมันด้วยมือของเขา โย่วโย่วจะทำอย่างไร]
[เหมือนกับในนิยายหรือละครน้ำเน่า พระเอกมักมีนิสัยแบบนี้!]
[ฉันอดยิ้มไม่ได้เมื่อมองไปที่ประธานลู่ โอ้ แหล่งความสุขของฉัน!]
[ต้องทำยังไงถึงจะมีผู้ชายหล่อ ๆ แบบนี้มาเป็นแฟน? จุ๊บ ๆ!]
ซูโย่วอี๋ชะงักค้างไปสองวินาทีและเขินอายมาก
เธอหันกลับมาและเช็ดหน้าด้วยผ้าเช็ดหน้าอย่างร้อนรน
‘จิ้งจอกเจ้าเล่ห์ นายดูซิว่าสะอาดหรือยัง?’
สุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์มีความสุขที่ได้เธอทำอะไรไม่ถูก [สะอาดแล้ว]
“แมวนั่นไม่ใช่ของผม ผมขอถามเขาก่อน”
เขาเปิดวีแชตและส่งข้อความไปถามคุณปู่ของเขา
จากนั้นเขาก็ถ่ายรูปด้านหลังของซูโย่วอี๋และส่งให้ชายชรา
[!!]
[ถามจากใจจริง นี่ประธานลู่เพิ่งถ่ายรูปน้องอ้วนใช่หรือเปล่า?]
[แม้ว่ามุมจะดูยาก แต่ฉันคิดว่าเขากำลังถ่ายรูปเธออยู่]
[โอ้พระเจ้า! หรือนี้จะเป็นอย่างในละคร พวกเขาตกหลุมรักกัน?]
[ประธานลู่ กับรักต้องห้าม]
[อะไรนะ! ออกไปไกล ๆ เลย ประธานลู่เป็นของฉัน!]
แฟนคลับอันดับหนึ่งของโย่วโย่ว [เป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบจริง ๆ]
ผู้เฒ่าลู่ตอบกลับลูเฉินทันทีว่า [ได้]
ลู่เฉิน ‘…???’
เขายังไม่ได้บอกคุณปู่เลยว่าต้องการยืมแมว
[คุณปู่กำลังดูผมอยู่หรือเปล่า?]
ผู้เฒ่าลู่ยิ้มและตอบกลับว่า [ปู่คิดว่าหลานโตแล้ว จะไปดูหลานทำไมกัน?]
คุณปู่ไม่ได้สนใจหลานแท้ ๆ ของตัวเองเลย?
เมื่อเขาวางโทรศัพท์ลง ซูโย่วอี๋ก็หันกลับมา
“ผมถามเจ้าของแมวให้แล้ว เขาตกลง ผมจะเอามันไปให้คุณในวันพรุ่งนี้เช้า”
ตอนแรกซูโย่วอี๋คิดว่าคงไม่สำเร็จ แต่ไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะให้ยืมมันจริง ๆ
“ขอบคุณมากค่ะ ประธานลู่”
เธอมองผ้าเช็ดหน้าในมือแล้วถามว่า “นี่ค่ะ”
“ทิ้งมันไปเถอะ” เขาพูดอย่างสบาย ๆ
ซูโย่วอี๋ได้ยินก็พยักหน้า
หลังจากการถ่ายทอดสดในคืนนั้น สมาชิกในทีมมารวมตัวกันในห้องฝึกซ้อมอีกครั้งเพื่อรายงานความคืบหน้า
“เจอสถานที่ที่เหมาะกับการถ่ายโฆษณาแล้วค่ะ อยู่อีกฟากของเกาะ วันนี้เราจะจัดฉากงานเลี้ยงกับทีมงาน แต่พวกดอกกุหลาบมันเหี่ยวเฉาง่าย ทีมงานเลยแนะนำว่าอย่าเพิ่งใช้ดอกกุหลาบในช่วงแรก ส่วนเรื่องอื่น ๆ เราจะจัดการได้อย่างเต็มเมื่อเริ่มการถ่ายทำ”
ซูโย่วอี๋พยักหน้า “แล้วกลุ่มที่เหลือล่ะ”
“ในส่วนของเสื้อผ้า ทางแบรนด์ Dora ได้ส่งเสื้อผ้าให้จำนวนหนึ่งแล้ว จากการพูดคุยกับกลุ่มก่อนหน้านี้ เราได้เลือกมาสามชุดสำหรับตัวละครหลักสองคน และเราจะตัดสินใจอีกทีหลังจากเห็นภาพในกล้อง”
สมาชิกในทีมทุกคนทำตามหน้าที่ที่รับผิดชอบและรายงานความคืบหน้าทีละคน
ซูโย่วอี๋มองไปที่อวี๋ชิงจ้าวแล้วถามว่า “เธอเตรียมช่างแต่งหน้าหรือยัง”
อวี๋ชิงจ้าวพยักหน้า “อืม หลังจากทดลองแต่งหน้ามาหลายครั้ง เราก็ได้สไตล์การแต่งหน้าที่ต้องการแล้ว”
“งั้นทุกคนก็กลับไปพักผ่อนเถอะ”
ทุกคนเดินกลับไปที่หอพัก จนเหลือเพียง ซูโย๋วอี้ เฉินซีซีและอวี๋ชิงจ้าว
“พี่สาว พี่ตัวหอมจัง”
“เธอหมายถึงบาปแห่งรักเหรอ?” ซูโย่วอี๋ถามอย่างสับสน
เมื่อวานเธอลองฉีดน้ำหอม แต่วันนี้เธอได้เปลี่ยนชุดฝึกของเธอแล้ว ดังนั้นกลิ่นน่าจะไม่หลงเหลืออยู่แล้วนี่
กระต่ายน้อยย่นจมูกแล้วพูดว่า “มันไม่ใช่กลิ่นนั้นสักหน่อย”
อวี๋ชิงจ้าวพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ไม่ใช่กลิ่นน้ำหอมบาปแห่งรัก มันเป็นน้ำหอมผู้ชาย”
กระต่ายน้อยได้ยินอย่างนั้นก็หันไปมองพี่สาวอย่างมีเลศนัย “พี่สาว พี่มีความลับเหรอ?”
ซูโย่วอี๋ตอบกลับไปตามความสัตย์จริงว่า “ฉันอยู่บนเกาะนี่ทุกวัน จะเอาเวลาที่ไหนมาปกปิดความลับจากเธอ”
แต่อวี๋ชิงจ้าวยังถามเธอต่อ “ฉันเคยได้กลิ่นน้ำหอมผู้ชายแบบนี้จากประธานลู่”
ว้าว
กระต่ายน้อยหันขวับไปทางซูโย่วอี๋ “พี่สาว นี่พี่…?”
ซูโย่วอี๋มองไปที่อวี๋ชิงจ้าวแล้วสงสัยว่า ‘เธอคนนี้มีจมูกหมาหรือเปล่า? ‘
ฉลาดเกินไปหรือเปล่า?
เธออยู่กับเขาเพียงไม่นานเองนะ
“ฉันไปยืมแมวมาจากเขา แค่นั้นเอง”
เฉินซีซีทำหน้ามุ่ย “ฉันคิดว่าไม่ใช่แค่นั้นนะ”
เห็นได้ชัดว่าเด็กสาวไม่เชื่อ
“พอพูดถึงเรื่องนี้ วันนั้น พี่ชายลู่มาส่งพี่ที่หอพักหลังเวลากินข้าวกลางวันด้วยนี่”
เมื่อได้ยินที่เฉินซีซีพูด อวี๋ชิงจ้าวก็มองเธอด้วยสายตาอ่านยาก
ซูโย่วอี๋กลอกตา
“เฉินซีซี!”
กระต่ายน้อยรู้ทันทีว่าพี่สาวของเธอกำลังโกรธ
“ขอโทษค่ะ ฉันจะไม่พูดอีกแล้ว”
ซูโย่วอี๋อธิบายว่า “ลองคิดดูสิ เธอคิดว่าฉันกับเขามาจากโลกใบเดียวกันจริง ๆ เหรอ ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขา และเขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับฉันสักนิด”
“ทั้งต่อจากนี้ไป และตลอดไป”
กระต่ายน้อยพึมพำ “ไม่เห็นจะเป็นอย่างนั้นเลย…”
เมื่อเห็นสายตาที่เฉียบคมของพี่สาว กระต่ายน้อยก็หุบปากทันที
ซูโย่วอี๋ก้มหน้าลงแล้วพูดว่า “ฉันไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้น อีกอย่าง ฉันแก่เกินไปที่จะฝันถึงมันแล้ว”
เช้าวันพุธที่มีแดดจัด
ซูโย่วอี๋ลุกขึ้นจากเตียงมองห้องที่เต็มไปด้วยแสงแดดอย่างอารมณ์ดี
มันเป็นวันที่ดีสำหรับการถ่ายทำ
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ เธอรีบไปรับแมวจากลู่เฉิน
เธอกดกริ่งประตูได้ไม่นาน เขาก็ออกมาพร้อมกับตะกร้าแมวในอ้อมแขน
“ผมเตรียมอาหารแมวและน้ำไว้แล้ว ถ้ามันกินอย่างอื่นจะท้องเสีย แล้วก็แมวนี่ยังไม่ค่อยเชื่องเท่าไหร่”
“ผมแนะนำว่าอย่าเล่นกับมันดีกว่า ไม่งั้น…”
ไม่รู้ว่าซูโย่วอี๋คิดไปเองหรือเปล่า
แต่เธอเห็นว่าแมวตัวนั้นน่ารักและขี้อ้อนมาก
“เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับบาดทะยัก”
ซูโย่วอี๋มองแมวน่ารักในตะกร้า
มันมีใบหน้าตัววี ดวงตาสีน้ำเงินเข้มสดใส ขนนุ่มสลวย สีขาวราวหิมะตัดกับสีช็อกโกแลต
เธอนึกถึงสุนัขจิ้งจอกเวอร์ชันจิ๋วซึ่งก็น่าจะน่ารักเช่นกัน
ถ้าไม่ใช่เพราะสุนัขจิ้งจอกนั่นไม่สามารถปรากฏตัวต่อหน้าคนอื่นได้ เธอคงขอให้สุนัขจิ้งจอกไปถ่ายแทนแล้ว
“ประธานลู่ไม่ต้องห่วง ฉันจะดูแลอย่างดี”
หลังจากบอกลาเธอรีบไปยังสถานที่ถ่ายทำ
นี่เป็นครั้งแรกที่ซูโย่วอี๋มาที่สถานที่ถ่ายทำ มันมีต้นไม้และหญ้าเขียวชอุ่ม แสงแดดส่องผ่านช่องว่างของใบไม้
สวยงามราวกับภาพวาดศิลปะ
ตากล้องเข้ามาและพูดว่า “ฉันตรวจดูรอบ ๆ แล้ว ที่นี่เป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดในการถ่ายทำ”
ซูโย่วอี๋ยังคงเงียบ
นี่แตกต่างจากโครงเรื่องที่พวกเขาคาดไว้เล็กน้อย
เมื่อหญิงสาวเย็นชาเข้าร่วมงานเลี้ยงในคฤหาสน์ และบังเอิญพบกับหญิงสาวสุดน่ารัก
เธอมองไปยังโต๊ะขนมที่ถูกจัดไว้และพบว่าพวกมันไม่กลมกลืนเลยแม้แต่น้อย
แน่นอนว่ามีความแตกต่างระหว่างความเป็นจริงและจินตนาการ
หากให้มันอยู่ในวิดีโอคงดูไม่ดี
หลังจากที่ซูโย่วอี๋สื่อสารความคิดของเขากับตากล้องแล้ว เขาก็พูดด้วยความมั่นใจว่าหากเธอไม่แก้ไขข้อความโฆษณา เขาก็จะถ่ายทำต่อไป
ก่อนหน้านี้สมาชิกในทีมเต็มไปด้วยพลัง แต่ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดหยุดและมองไปที่ลีดเดอร์เพื่อรอคำสั่งต่อไป
ด้านอวี๋ชิงจ้าวก็พูดอย่างใจเย็น “ลองถ่ายดูก่อน”
ตากล้องถามว่า “เราควรเริ่มจากฉากไหนดี”
“ฉากเจอสาวน่ารักก่อน”
ฉากนี้ต้องการความสวยงามของธรรมชาติร่วมด้วย
“แล้วแมวอยู่ที่ไหน?” ตากล้องถามขึ้น