บทที่ 87 เรื่องเซอร์ไพรส์ เธอชอบมันมากที่สุด
บทที่ 87 เรื่องเซอร์ไพรส์ เธอชอบมันมากที่สุด
หลังจากได้หมายเลขโทรศัพท์แล้ว ฉูรั่วฮวนก็ตรวจสอบอย่างละเอียดสองครั้งก่อนที่เธอจะออกจากห้องรับรองและขอโทรศัพท์คืนจากเจ้าหน้าที่
ในขณะที่เธอกดหมายเลข หัวใจของฉูรั่วฮวนก็เต้นแรง
เมื่อได้ยินเสียงรอสายโทรศัพท์ดังขึ้น เธอยังคงซ้อมบทสนทนาอยู่ในใจ
นั่นคือฮันเจ๋อหยาง
ชายคนแรกที่ได้รับรางวัลร้อยบุปผา รางวัลไก่ทองคำ รางวัลม้าทองคำ และรางวัลรูปปั้นทองคำ
ชายที่มีแฟน ๆ มากมายทั่วโลก มีเขาเป็นแขกรับเชิญ ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับความนิยมแล้ว
“สวัสดี” เสียงขี้เกียจดังขึ้น
สมองของฉูรั่วฮวนว่างเปล่า “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อฉูรั่วฮวน”
ฮันเจ๋อหยางหรี่ตาที่เฉียวคมของเขา และเหลือบมองไปยังหมายเลขโทรศัพท์อย่างไม่สบอารมณ์
“คุณเป็นใคร ทำไมถึงมีเบอร์ของผม”
“คือ… ฉันเป็นผู้เข้าแข่งขันในรายการวาไรตี้ 22 วันปั้นดาว อาจารย์ฮันเอินจีเป็นคนให้เบอร์โทรศัพท์คุณมาค่ะ”
น้องสาว?
ฮันเจ๋อหยางจำได้ว่ายัยนั่นบอกว่าเธอเป็นอาจารย์ในรายการวาไรตี้เมื่อไม่นานมานี้
“ว่าไง?”
“ฉันอยากจะเชิญคุณมาเป็นนักร้องรับเชิญ คุณโอเคไหมคะ?”
ฮันเจ๋อหยางสับสน อะไรนะ?
จะมีใครบ้างที่จะกล้าโทรมาหาเขาเพื่อขอความช่วยเหลือ?
ฉูรั่วฮวนต้องการจะพูดต่อ แต่เขากลับวางสายไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นปลายสายวางไป เธอจึงโทรหาเขาอีกครั้ง แต่เธอกลับถูกบล็อกไปแล้ว
เห็นอย่างนั้นใบหน้าของฉูรั่วฮวนก็ซีดเผือด
แน่นอน เธอสามารถหาคนอื่นได้ แต่มีเพียงไม่กี่คนที่มีชื่อเสียงมากกว่าฮันเจ๋อหยางนี่
ดวงตาของฉูรั่วฮวนมืดมนและจู่ ๆ เธอก็นึกถึงคนคนหนึ่ง
โทรศัพท์ถูกกดอย่างรวดเร็ว
“สวัสดี?” แค่เสียงก็รับรู้ได้ถึงเสน่ห์ของผู้พูดแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่ลุงของเธอจะลืมภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ของเขาได้
“ฉันชื่อ ฉูรั่วฮวนค่ะ”
“ไม่ ฉันไม่รู้จักคุณ”
“ฮัวจิงเป็นลุงของฉัน คุณอาจไม่รู้จักฉัน แต่ฉันรู้จักคุณ พูดตามตรง ฉันกำลังถ่ายทำรายการ และฉันต้องการนักร้องรับเชิญ”
ราวกับว่าได้ยินอะไรตลก ๆ ปลายสายไม่สามารถหยุดหัวเราะได้ “เธอบ้าไปแล้วน้องสาว กล้าดียังไงโทรมาหาฉัน”
ใบหน้าของฉูรั่วฮวนมืดมน “ฉันโทรหาคุณเพราะคิดถึงคุณมากค่ะ อ้อแล้วก็ คุณคงไม่อยากเปิดเผยเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างคุณกับลุงของฉันใช่ไหม”
“ฉันไม่เกี่ยวอะไรกับลุงของเธอ”
ฉูรั่วฮวนสาปแช่งปลายสายในใจของเธอ ครั้งล่าสุดที่เธอไปที่บ้านพักต่างอากาศ เธอเห็นลุงของเธอทำตัวสนิทสนมกับซูหยินมาก มันทำให้เธอรู้สึกแปลก ๆ และแอบขอให้ใครสักคนตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสอง
ในเวลานั้นเธอก็ตกใจมาก คุณลุงที่เข้มงวด เป็นคนดีต่อหน้าครอบครัวและภรรยา กำลังมีชู้!
“ทำไมเธอถึงมั่นใจมากว่าฉันเป็นเมียน้อยของเขา”
“ถ้าเธอกล้า เธอสามารถไปบอกทุกคนเกี่ยวกับเรื่องของลุงของเธอกับฉันก็ได้ แต่ฉันไม่รู้ว่าคุณฮัวจะโทษฉันหรือจะฆ่าเธอก่อน”
ฉูรั่วฮวนไม่มั่นใจ แม้ว่าลุงจะสุภาพกับเธอมาก แต่เขาก็ไม่ได้สนิทกับเธอขนาดนั้น ถ้าเธอต้องการพบกับซูหยินจริง ๆ ลุงของเธออาจช่วยเธอได้
แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเพียงเมียน้อยก็ตาม
ฉูรั่วฮวนดับความคิดในเวลาอันสั้น ซึ่งทำให้ซูหยินรู้สึกเบื่อ “ฉันจะถ่ายทำแล้ว สำหรับนักร้องรับเชิญที่เธอพูดถึง ฉันคงช่วยอะไรไม่ได้ และก็ไม่มีเวลาด้วย”
พูดจบเธอก็วางสายไป ใบหน้าของฉูรั่วฮวนก็เคร่งเครียดอีกครั้ง
เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหานักร้องที่มีความสามารถมาเป็นนักร้องรับเชิญของเธอ เพราะยังไง มีก็ยังดีกว่าไม่มี
อีกด้าน
ซูหยินจมอยู่ในห้วงความคิด เธอจำได้ว่าฉูรั่วฮวนและซูโย่วอี๋อยู่ในรายการเดียวกันนี่
เธอค้นหาข่าวล่าสุดเกี่ยวกับการถ่ายทำวาไรตี้ทางออนไลน์อย่างรวดเร็ว และก็เข้าใจเกี่ยวกับการเชิญแขกรับเชิญ
ซูหยินสงสัยว่าซูโย่วอี๋เจอคนที่จะมาเป็นแขกรับเชิญหรือยัง
เมื่อคิดอย่างนั้น เธอก็ได้โทรหาหัวหน้าผู้กำกับจ้าวเว่ยเฉิงเพื่อแสดงความเต็มใจที่จะเป็นแขกรับเชิญของซูโย่วอี๋
จ้าวเว่ยเฉิงไม่แปลกใจมากนัก ท้ายที่สุดแล้ว ซูโย่วอี๋ได้ผ่านเข้ารอบสัมภาษณ์ก็เพราะซูหยิน ไม่มีความลับใดในเทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์ แต่เขาก็ยังรู้สึกสงสัย “ความสัมพันธ์ของคุณกับซูโย่วอี๋คืออะไร”
“เราโตมาด้วยกันในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าค่ะ”
เข้าใจแล้ว
“เท่าที่ฉันรู้ ดูเหมือนซูโย่วอี๋จะขอให้ซือเฉินเป็นนักร้องรับเชิญ”
“โอ้” ซูหยินอุทาน “ไม่มีกฎว่าต้องมีแขกรับเชิญเพียงคนเดียวนี่ ด้วยความดังของซูโย่วอี๋ เธอสมควรมีแขกสองคน ผู้อำนวยการจ้าวคุณช่วยฉันหน่อยได้ไหม?”
จ้าวเว่ยเฉิงขมวดคิ้วและตอบตกลง
เพราะยังไง การปรากฏตัวของซูหยินบนเวทีก็เป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับรายการนี้ เขาใช้เวลาคิดอยู่ครู่หนึ่งเท่านั้นก็ตอบตกลง
“ฉันได้ยินมาว่าคุณยังถ่ายทำไม่เสร็จ คุณแน่ใจเหรอว่าจะมาได้”
“แน่นอน โย่วโย่วสำคัญ่ที่สุดอยู่แล้ว”
ในฐานะหัวหน้าผู้กำกับจ้าวเว่ยเฉิงคิดในแง่ของความเป็นจริงมากขึ้น “เพื่อช่วยแขกรับเชิญ คุณต้องมีส่วนร่วมในกระบวนการสร้างและถ่ายทำทั้งหมด ผมเดาว่าคุณไม่มีเวลาแน่ ผมจะจัดเวลาให้คุณ คุณแค่ต้องปรากฏตัวบนเวทีในระหว่างการแสดงต่อสาธารณชน อย่างนี้เป็นไง?”
“งั้นฉันต้องเก็บเป็นความลับใช่ไหม”
เรื่องเซอร์ไพรส์ เธอชอบมันมากที่สุด
“ใช่” จู่ ๆ จ้าวเว่ยเฉิงก็ถามขึ้น “ซูโย่วอี๋บอกว่าเธออยากแต่งเพลงให้เพื่อนสนิทของเธอ นั่นคือคุณเหรอ”
ซูหยินพูดด้วยรอยยิ้มภูมิใจว่า “ถึงฉันจะยังไม่ได้ดูรายการ แต่ 99.9% ต้องเป็นฉันแน่”
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันอย่างเร่งรีบ ซูโย่วอี๋ก็กลับไปที่หอพักของเธอและเริ่มออกกำลังกายในระบบเช่นเคย
นอกจากความยากลำบากในการแต่งเพลงแล้ว เธอยังมีอุปสรรคในการลดน้ำหนักอีกด้วย สัปดาห์นี้เธอรู้สึกกดดันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
หลังจากออกกำลังกาย เธอนั่งลงบนเตียงและถอนหายใจ
“เจ้าจิ้งจอกเน่า ฉันมีทักษะอื่นที่ยังไม่ได้ใช้อีกไหม”
ในความเป็นจริง เธอรู้ทักษะทั้งหมดในระบบ แต่เธอไม่อยากที่จะยอมแพ้ ดังนั้นเธอจึงถาม
สุนัขจิ้งจอกเพื่อให้มันรู้สึกว่าระบบของมันไร้ประโยชน์ และทำให้ซู่จู่เดือดร้อน
[อ้อ คุณล็อกอิน 7 วันติดต่อกันและมีโอกาสจับฉลาก คุณอยากลองเสี่ยงโชคดูไหม]
‘ถ้าฉันโชคดีล่ะ’ เธอคิด
ในความเป็นจริง เธอคงไม่มีหวัง ในระบบ มีรางวัลนับหมื่นในแผนผังการสุ่ม และมันก็เหมือนฝันกลางวันที่จะได้รางวัลในแง่ของการสร้างสรรค์
กระดานที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นต่อหน้าเธอ เครื่องหมุนฉลากเปล่งแสงสีขาวออกมา และปุ่มสีแดงก็เปล่งประกายเป็นพิเศษ
เธอกดปุ่มเริ่มและลูกศรก็หมุนเริ่มหมุนอย่างรวดเร็ว
เธอจ้องที่จานหมุนโดยไม่กะพริบตา และท่อง แต่งเพลง แต่งเพลง แต่งเพลงในใจ
เมื่อความเร็วลดลง ลูกศรจะหยุดที่ไอเทมสกัดทักษะ ไม่ทราบรางวัลที่ได้
ด้วยประสบการณ์จากครั้งที่แล้ว เธอจึงไม่ก้าวไปไหน
ตามที่คาดไว้ รางวัลปรากฏออกมาในไม่ช้า
มีคำสี่คำลอยอยู่ในอากาศซึ่งเป็นรากฐานของการแต่งเพลงของเธอ
ซูโย่วอี๋แทบจะเป็นลมด้วยความสุข
เธอมองไปที่คำขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างหน้าเธอและไม่อยากจะเชื่อเลย เธอจับหูของสุนัขจิ้งจอกแน่น “ฉันดูผิดไปหรือเปล่า นายช่วยฉันโกงหรือเปล่า”
เธอมีความสุขมากที่ได้รางวัลนี้
สุนัขจิ้งจอกกลอกตาและพูดว่า [แม้ว่าฉันต้องการทำแบบนั้น แต่ฉันก็ทำไม่ได้ การโกงขัดต่อกฎของระบบ]
[เอาล่ะ อย่าเพิ่งพูดอะไร ไปที่ช่องเก็บไอเทมเพื่อตรวจสอบการทำงานของมันสิ]