ตอนที่1236 หลงเข้าสู่ป่าดอกท้อ
“หินผาทะยาน!”
เหล่ายักษ์หินจำนวนหลายสิบหยิบคว้าหินก้อนยักษ์ขึ้นมา และโยนอัดเย่หยวนและที่เหลือโดยตรง
ภัยคุกคามหอบใหญ่บืนทะยานเหินจากด้านหลังไม่หยุดหย่อน เย่หยวนยั้งฝีเท้าหันเข้าตอบโต้ในอึดใจทันใด
สีหน้าเย่หยวนเคร่งขรึมส่อประกายจริงจังขึ้นหลายส่วน พร้อมเรียกดิบพิชิตมารฟ้าออกมาทันที
“บัวเพลิงปราณดาบพิโรธ!”
เกร๊ง! เกร๊ง! เกร๊ง!
คลื่นเสียงโลหะปะทะดังระงมชุดใหญ่ ดาบพิชิตมารฟ้าเข้าฟาดฟันก้อนหินเหล่านั้นกลางห้วงเวหาตัดผ่าไม่เหลือ
จากแรงถีบคราวนี้ ร่างเย่หยวนไม่สามารถทรงตัวได้จนร้นถอยกระเด็นออกมานับหลายพันฉื่อ กว่าจนทรงตัวให้นิ่งได้
แม้กายเนื้อนี้จะทรงพลัง ทว่าโจมตีในระยะฉิวเฉียดเช่นนี้กลับไม่สามารถทนต่อแรงดีดได้เช่นกัน
ซึ่งนี่ทำให้พวกเย่หยวนทั้งสี่พลาดท่าไปเสี้ยวจังหวะ และถูกเหล่ายักษ์หินนับหลายสิบเข้าปิดล้อมทั่วทุกทางหนี
“ลู่เอ๋อ กลับเข้าไปยังเจดีย์เลื่องสวรรค์ก่อน!”
เย่หยวนเอ่ยสั่ง
ถึงแม้นางจะไม่เต็มใจก็ตาม แต่ลู่เอ๋อย่อมทราบตระหนักดี ศึกสัประยุทธ์คราวนี้กลับมิใช่สิ่งที่นางสามารถเข้าร่วมได้เลย
เย่หยวนเหลียวหลังกล่าวกับลี่เอ๋อและอิ้งหมัวหู่ว่า
“พวกเจ้าทั้งคู่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าไม่ต้องห่วง! อย่าติดพันกับศึกนี้นัก มีโอกาสให้หนีทันที!”
“เจ้าพวกมนุษย์โง่เขลา ยังคิดว่าตนเองมีโอกาสรอดอีกงั้นรึ?”
ยักษ์หินตนหนึ่งกล่าวเย้ยหยั่นขึ้น
สีหน้าของเย่หยวนมิดทมิฬลงทันใด เขากลับตอบยักษ์หินตนนั้นไปว่า
“พวกเราบังเอิญผ่านมาในดินแดนของเผ่าพวกเจ้าเท่านั้น และมิได้มีเจตนาร้ายใดๆ! แต่ไฉนถึงต้องไล่ล่าเอาตายเพียงนี้?”
ยักษ์หินกดเสียงทุ้มต่ำแสนเหยียดเย็นกล่าวว่า
“พวกมนุษย์ล้วนชั่วช้า! พล่ามไร้สาระพอแล้ว! ตายซะ!”
ยักษ์หินเหล่านี้ดูท่าจะเคียดแค้นมนุษย์เป็นทุนเดิม โดยไม่ยืนแช่มรอฟังคำอธิบายอันใดอีก พวกมันเริ่มเคลื่อนไหวจู่โจมต่อทันที
ทว่าสิ่งหนึ่งที่เย่หยวนยังเคลือบแคลงใจสงสัยจนถึงตอนนี้คือ พวกมันเหล่านี้เคยเป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้าในยุคบรรพกาลใช่หรือไม่?!
เพียงกำปั้นเปล่าที่ต่อยออกมา ก็ปลดปล่อยศาสตร์แห่งสวรรค์พรั่งพรู ซึ่งสัมผัสได้อย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตามแต่ จุดเด่นของพวกมันนับหลายสิบนี้คือพละกำลังและพลังป้องกันสุดวิปลาสาขั้นสุด
ทว่าในด้านแนวคิดความเข้าใจ พวกมันกลับด้อยชั้นกว่าเย่หยวน
หากพวกมันมีแนวคิดความเข้าใจที่สูงล้ำเท่าพละกำลัง นี่จะกลายเป็นเรื่องยากทันทีสำหรับลี่เอ๋อและอิ้งหมัวหู่ ไม่เพียงโอกาสชนะที่ลดฮวบ กระทั้งโอกาสหนีรอดยังน้อยลงเป็นอย่างมาก
แต่กระนั้นเอง ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน ทั้งคู่ยังมีทุนรอนมากเพียงพอที่จะสัประยุทธ์ต่อกรเช่นกัน
สุดท้ายนี้ สิ่งที่น่าขมขื่นใจที่สุดยังคงเป็นพลังการป้องกันของพวกมันที่สูงลิบผิดปกติ แม้จะโดนซัดด้วยฝ่ามือมังกรสวรรค์วินาศฟ้าเข้าไปเต็มสูบขนาดนั้น แต่มันก็แค่ล้มคะมำลงเท่านั้น
พวกมันทั้งหมดเตรียมเข้าสัประยุทธระลอกสองเต็มกำลัง
รัศมีสีทองจรัสล้ำเปล่งประกายขึ้นจากกายาเย่หยวน หากต้องต่อสู้กับพวกยักษ์หินเหล่านี้ เขาจำต้องเร่งพลังกายเนื้ออกมาถึงขีดสุด ทว่าเขาที่ทำถึงขนาดนี้กลับมิได้เหนือกว่าหรือด้อยกว่าพวกมันเท่าไหร่นัก
โชคยังดีที่ยักษ์หินเหล่านี้เข้าถึงศาสตร์แห่งสวรรค์มิได้ลึกซึ้งจนเกินไป
เย่หยวนในปัจจุบันที่ใกล้บรรลุปัจจัยหลักทั้งสามประการโดยสมบูรณ์ สามารถกล่าวได้ว่า ทั่วทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ความแข็งแกร่งของเขาคืออันดับสองเป็นรองจากฟางเทียนเท่านั้น
ดังนั้นแล้ว เย่หยวนยังพอมีลู่ทางจัดการกับพวกมันได้อยู่บ้าง ในขณะที่ลี่เอ๋อและอิ้งหมัวหู่กลับไม่สามารถรับมือกับพวกมันได้เป็นเวลานานนัก
‘ไม่มีทางหนีออกไปได้เลย ในยามนี้หากยืดยื้อต่อไป พวกเราทั้งหมดคงกลายเป็นเนื้อบนเขียงแน่นอน!’
เย่หยวนพลันครุ่นพินิจในใจ ก่อนเคลื่อนเข้าหาลี่เอ๋อโดยใช้วิชาข้ามมิติ
“ลี่เอ๋อ เจ้าไปรอข้าด้านนอกก่อน”
ในขณะที่กล่าวขึ้น สองฝ่ามือพลันชูขึ้นโดยไม่ตั้งตัว พร้อมปลดปล่อยฝ่ามือมังกรสวรรค์วินาศฟ้ากระหน่ำโดยตรงสองชุดต่อเนื่อง ยักษ์หินในบริเวณนั้นถูกส่งกระเด็นออกไปไกล
ลี่เอ๋อและเย่หยวนเข้าใจกันดีจนไม่ต้องสื่อสารอันใดให้มากความ เพียงมองตาก็เข้าใจกันทันที เมื่อเห็นสถานการณ์ดังนั้น ลี่เอ๋อเร่งพลังปราณเร็วจี๋ฉีกตัวหนีออกไปจากวงล้อมศัตรูทันที
“อิ้งหมัวหู่!”
เย่หยวนกู่ร้องตะโกนเรียก ส่วนอิ้งหมัวหู่เองก็เข้าใจความหมายในทันที
หลังเสียงตะโกนของเย่หยวน ทันทีทันใดกระบวนหมัดหนึ่งก็แผดคำรามลั่น
“เพลงหมัดเทพพยัคฆ์สวรรค์คลั่ง!”
เงาร่างพยัคฆ์ขาวขนาดยักษ์พุ่งโจมตียักษ์หินเบื้องหน้าอย่างบ้าคลั่งบ้าบิ่น
ด้วยกระบวนโจมตีของอิ้งหมัวหู่จึงสามารถถ่วงเวลาจนลี่เอ๋อสลัดหลุดออกจากวงศัตรูได้โดยสมบูรณ์
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในเสี้ยวอึดใจคล้ายประกายไฟกระเซ็นจากคมโลหะ ยังไม่ทันจะกำราบเพลงหมัดเทพพยัคฆ์สวรรค์คลั่งดี เหล่ายักษ์หินพลันได้ยินเสียงมังกรคำรามสะท้านฟ้า!
“เสียงแห่งจอมเทพมังกร!”
เย่หยวนไม่ลังเลใดๆพร้อมใช้ไพ่ตายสุดท้ายออกมา สรรพสิ่งทั่วบริเวณถูกบดขยี้แหลกเละไม่เลือกหน้า!
ร่างยักษ์หินนับหลายสิบล้วนตัวแข็งทื่อไปในทันที!
ยักษ์หินเหล่านี้ปราศจากจุดอ่อน ไม่ว่าจะเป็นพลังปราณยุทธ์หรือกายเนื้อ ล้วนแกร่งกร้าวไร้เทียมทาน
ทว่าต่อหน้าเสียงแห่งจอมเทพมังกรนี้ สรรพสิ่งใต้สวรรค์ล้วนถูกบดขยี้ไม่เหลือ!
บูมมม… บูมมม… บูมมม…
ร่างกายหินผาของพวกมันปรากฏรอยร้าวแตกกร้าน ทันใดนั้นพวกมันค่อยๆสลายกลายเป็นเศษหินเศษฝุ่นโดยตรง!
ตึงง! ตึงง!
ร่างแล้วร่าเล่าค่อยๆทรุดทลายลงมา ภายใต้เสียงแห่งจอมเทพมังกรนี้ ไม่มีใครสามารถรอดออกมาได้ ไม่แม้แต่คนเดียว!
หนึ่งอึดใจ… สองอึดใจ!
ยักษ์หินนับหลายสิทลายลงมากลายเป็นเศษหินเศษทรายกองใหญ่
แฮ่ก แฮ่ก…
เย่หยวนหอบหนักอย่างเหน็ดเหนื่อย ความรู้สึกเจ็บปวดอ่อนล้าโฉบแล่นกระจายทั่วร่างในบัดดล
เว้นเสียว่าไร้ซึ่งทางเลือกอื่นใดจริงๆ มิฉะนั้นเขาไม่มีทางสำแดงใช้วรยุทธนี้แน่นอน
พลานุภาพการทำลายล้างที่ทรงพลังขนาดนี้ ย่อมแลกมาด้วยภาระอันหนักอึ้งที่ร่างกายต้องได้รับ
ในเวลานี้เขาอ่อนล้าเหนื่อยเพลียจัด และต้องการนอนพักสักระยะหนึ่ง
เขาทอดสายตาจับจ้องไปยังเหล่ายักษ์หินที่ค่อยๆทลายลงมาไม่เหลือ พร้อมดวงตาที่กำลังจะปิดลง แต่ทันใดนั้น จู่ๆเขาจำต้องโพล่งตาเบิกกว้างในทันใด!
เศษหินเศษทรายกองมหึมานั้นกลับเริ่มเคลื่อนไหว พวกมันก่อร่างรวมตัวขึ้นมาอีกครั้ง!
ครืน! ครืน! ครืน!
ภายใต้สายตาอันเพลียจัดของเย่หยวน เหล่ายักษ์หินทั้งหมดได้ฟื้นคืนสภาพอีกครา!
เสียงแห่งจอมเทพมังกรที่สามารถฆ่าเยวี่ยจี้ได้ ทว่าสิ่งนี้กลับไม่สามารถทำอันตรายยักษ์หินเหล่านี้ได้เลย!
“@#¥¥%% …”
เย่หยวนอดสบถดังไม่เว้นวาย เขาพยายามลากสังขารอันเหนื่อยล้าของตนออกจากที่นี่เป็นการด่วนที่สุด
หากพวกนี้ฟื้นตัวกลับมาโดยสมบูรณ์ เขาจะไม่มีโอกาสหนีอีกต่อไป
เบื้องหน้าปรากฏเป็นลี่เอ๋อและอิ้งหมัวหู่ที่ตรงเข้ามาประคองร่างด้วยความกังวลสุดขีด ก่อนช่วยกันหิ้วปีกเย่หยวนคนละข้างซ้ายขวา
“เป็นอะไรหรือไม่พี่ใหญ่? แม้แต่เสียงแห่งจอมเทพมังกรก็ไม่สามารถจัดการพวกมันได้! นี่ไม่เกินไปหน่อยรึ?”
อิ้งหมัวหู่กล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มอันขมขื่น
เย่หยวนกล่าวอย่างไร้ประโยชน์ว่า
“รีบหนีออกไปก่อนโดยเร็ว! ตอนนี้ยังไม่สายเกินไป!”
คำกล่าวของเย่หยวนทำเอาทั้งสองถอดสีหน้าหนัก
กระทั้งเย่หยวนยังไม่สามารถทำอะไรยักษ์หินเหล่านี้ได้ แล้วทั้งคู่จะไปเป็นคู่มือพวกมันได้อย่างไร?
โดยไม่ลังเลใดๆอีกต่อไป ทั้งสองหามร่างเย่หยวนหนีไปอย่างรวดเร็ว
“พี่ใหญ่…จะทำอย่างไรต่อไปดี?”
อิ้งหมัวหู่กล่าวถามด้วยความสับสน
สีหน้าท่าทีของเย่หยวนในขณะนี้บิดเบี้ยวน่าเกลียดยิ่ง ทั้งคู่ที่เห็นดังนั้นต่างพูดไม่ออกโดยพลัน
“พี่ใหญ่ เบื้องหน้าพวกเรามีป่าดอกท้อ!”
อิ้งหมัวหู่กล่าวขึ้นทันควัน
“เข้าไป!”
เย่หยวนไม่ลังเลใดๆพร้อมกล่าวสั่งให้อิ้งหมัวหู่หนีเข้าป่าดอกท้อโดยตรง
อย่างไรก็ตามแต่ สิ่งน่าอัศจรรย์ก็คือ จากเดิมที่เหล่ายักษ์หินไล่ล่าพวกเย่หยวนอย่างไม่ลดละ ทว่าทันทีที่เห็นพวกเย่หยวนวิ่งเข้าไปในป่านั้น พวกมันกลับไม่หยุดชะงักในทันที!
“ท่านขุนพลศิลา มนุษย์คนนั้นแข็งแกร่งเกินไป! เสียงคำรามเมื่อครู่ทำเอาพวกเราเสียศูนย์ไปครู่ใหญ่!”
ยักษ์หินตนหนึ่งกล่าวขึ้น
ขุนพลศิลาเอ่ยขึ้นว่า
“มนุษย์คนนี้ค่อนข้างพิเศษและแตกต่างจากคนอื่นๆ! เสียงคำรามเมื่อครู่ ดูท่าจะเป็นเสียงแห่งจอมเทพมังกรในตำนานที่เล่าลือกัน! แต่น่าแปลก…เขาคนนี้เป็นมนุษย์อย่างชัดเจน แต่ไฉนถึงสำแดงใช้วรยุทธศักดิ์สิทธิ์ที่สูญหายไปเนินนานของเผ่ามังกรได้? ช่างเถอะ,ในเมื่อเลือกที่จะเข้าไปในป่าดอกท้อเอง เช่นนั้นก็ไม่ต้องไปไล่ตามให้เสียเวลาอีกต่อไป หุบเขาเหวพระเจ้าเป็นแหล่งพยัคฆ์ซ่อนมังกรซุ่มอย่างแท้จริง แถมช่วงนี้ก็เกิดเหตุผิดประหลาดอยู่หลายครั้งหลายครา ดูท่าท่านประมุขเองก็ใกล้จะตื่นแล้วเช่นกัน กลับกันเถอะ!”