ตอนที่1244 สายสัมพันธ์แม่ลูก
“ท่านบรรพบุรุษ ท่านคงทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้อยู่ก่อนแล้วใช่หรือไม่?”
อ้าวลี่ยืนเข้าเฝ้าอยู่ด้านนอกปากถ้ำ พร้อมกุมมือทั้งสองอย่างสุภาพเรียบร้อย
เห็นได้ชัดว่าเขาเคารพท่านบรรพบุรุษเบื้องหน้าท่านนี้เป็นอย่างยิ่ง
ไม่นานเกินรอ สุ้มเสียงหนึ่งดั่งผ่านโลกมาร้อยพันก็เปล่งดังกึกก้องขึ้นจากเบื้องลึกภายในถ้ำว่า
“เจ้าคิดตำหนิข้าที่ไม่ทำอะไรเลย?”
สีหน้าการแสดงออกของอ้าวลี่เปลี่ยนไปฉับพลันและกล่าวว่า
“อ้าวลี่มิกล้า!”
“หุหุ แม้ข้าเคลื่อนไหวในยามนั้น แต่กลับไม่สามารถทำอะไรเขาคนนั้นได้เช่นกัน”
สุ้มเสียงบรรพบุรุษนั้นดังตอบ
เมื่อไก้ยินเช่นนั้น ทั่วทั้งร่างของอ้าวลี่ถึงกับสั่นเทาอย่างหนักด้วยความกลัว เขากล่าวขึ้นด้วยความไม่เชื่อว่า
“นี่…นี่ไม่มีทาง?”
“หากศาสตร์แห่งสวรรค์ยังไม่สูญสลายไป พระเจ้าผู้นี้ก็จัดการเขาได้ง่ายๆประหนึ่งหั่นเต้าหู้ ทว่าตอนนี้อยู่ในยุคที่อาณาจักรราชันย์เทวะคือจุดสูงสุด แน่นอนว่าเขาไม่สามารถทำอะไรข้าได้ แต่ข้าเองก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้เช่นกัน”
สุ้มเสียงบรรพบุรุษเรียกแทนตนเองว่า พระเจ้าผู้นี้ นี่แสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่า บรรพบุรุษผู้ลึกลับในดินแดนสัตว์เทวะแห่งนี้เป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้า!
ผู้คนทั่วทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์มิอาจจินตนาการได้เลยว่า ภายในหุบเขาเหวพระเจ้ายังมีเซียนอาณาจักรพระเจ้าขนานแท้ซ่อนอยู่
ทว่าในยุคสมัยนี้ที่ศาสตร์แห่งสวรรค์สาบสูญไปแล้ว แม้แต่เซียนอาณาจักรพระเจ้ายังสูญเสียความภาคภูมิใจไปเช่นกัน
ดังนั้นแล้ว เมื่ออ้าวลี่ได้ยินท่านบรรพบุรุษกล่าวออกไปแบบนี้ เขาจึงตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
เหตุที่อ้าวลี่เข้าใจศาสตร์แห่งสวรรค์ จนสามารถยกระดับชีพจรมังกรถึงระดับศักดิ์สิทธิ์ได้ ทั้งหมดเป็นเพราะคำชี้แนะของท่านบรรพบุรุษท่านนี้ทั้งสิ้น
เช่นนั้น ในสายตาของอ้าวลี่ ท่านบรรพบุรุษผู้นี้จึงเป็นดั่งพระเจ้าผู้อยู่เหนือทุกสรรพสิ่ง
แต่วาจาคำกล่าวในวันนี้ของท่านบรรพบุรุษ กลับทำให้อ้าวลี่แทบเสียศูนย์ในบัดดล
“เขา…เขามีทุนรอนอันใด?”
อ้าวลี่กล่าวขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ในผืนพิภพแห่งนี้ยังมีคนอีกประเภทหนึ่งที่เรียกว่า ยอดอัจฉริยะฟ้าประทาน! ไม่ว่าเจ้าจะพยายามอย่างหนักเพียงใด ก็ไม่สามารถเอาชนะเขาได้เลย! ในปัจจุบัน พลังปราณ,ร่างกายและจิตวิญญาณของเขาใกล้สำเร็จถึงขั้นสมบูรณ์แบบแล้ว อีกเพียงก้าวเดียว เขาก็จะทะลวงขึ้นกลายเป็นเซียนอาณาจักรกึ่งพระเจ้าได้สำเร็จ ยามนั้นทั่วทั้งผืนพิภพกลับหาใช่คู่มือของเขาได้อีกต่อไป!”
สุ้มเสียงบรรพบุรุษกล่าวขึ้นอย่างขมขื่น
อ้าวลี่ยิ่งตื่นตะลึงหนักกับคำกล่าวของบรรพบุรุษ!
นี่ไม่ประเมินเย่หยวนสูงเกินจริงไปหน่อยรึ?
ไม่ว่าจะพยายามหนักเพียงใด ก็ไม่สามารถเอาชนะได้?
“เห้ออ…กลับไปได้แล้ว! เจ้าไปบอกเขาว่า เดี๋ยวพระเจ้าผู้นี้จะช่วยส่งกลับไปเอง”
สุ้มเสียงบรรพบุรุษกล่าวขึ้นพลางถอนหายใจเสียงยาว
อ้าวลี่ในยามมีแต่แบกอุ้มอารมณ์สุดสิ้นหวังเอาไว้ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจากนี้จะไปมีหน้ามองใคร
เท่าที่ฟังจากคำพูดของท่านบรรพบุรุษ เย่หยวนเหนือชั้นกว่าเขาทุกด้าน จนเรียกได้ว่าสามาถทัดเทียมได้กับบรรพบุรุษรุ่นลายคราม
แต่หากมองย้อนกลับไปถึงเหตถการณ์ก่อนหน้า อ้าวลี่ก็ไม่สามารถปฏิเสธความจริงข้อนี้ได้เลย
อายุของเย่หยวนน้อยกว่าเขามาก แต่ความแกร่งกล้ากลับเหนือกว่าหลายขุมนัก!
หลังจากที่อ้าวลี่จากไป จู่ๆเสียงหญิงสาวนางหนึ่งก็ดังขึ้นภายในถ้ำ
“ว่าอย่างไร เริ่มรู้สึกเสียใจในสิ่งที่ทำไปหรือยัง?”
“แน่นอน! ข้าไม่คิดเลยว่า…ชายแก่ๆคนนี้จะตัดสินใจผิดพลาดครั้งใหญ่!”
หญิงสาวเงียบลงทันทีที่ได้ยินคำตอบนี้ เห็นได้อย่างชัดเจน นางไม่คิดเลยว่า อีกฝ่ายจะยอมรับถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ท่านบรรพบุรุษก็กล่าวขึ้นต่อว่า
“เขาได้รับโอกาสกลับชาติมาเกิดใหม่อีกครั้ง นี่มีแนวโน้มสูงส่าโลกภายนอกกำลังประสบหายนะครั้งใหญ่ ไฉนเจ้า…ไม่ออกไปพบหน้าเขาหน่อยล่ะ?”
“ไม่ว่าอย่างไร ยามนี้เขาก็เติบโตจนดูแลตัวเองได้แล้ว กระทั้งท่านยังมิใช่คู่มือ เช่นนั้นแล้ว คิดว่าข้ายังไม่หมดห่วงอีกรึ?”
หญิงสาวนางนั้นเอ่ยตอบ
ท่านบรรพบุรุษถอนหายใจเสียงยาวเฮือกใหญ่และกล่าวว่า
“เห้ออ… โชคชะตาช่างเล่นตลก!”
………………………
ตลอดค่ำคืนนี้ เสมือนว่าภายในใจเย่หยวนรู้สึกสับสนอลหม่านไปหมด
หากเป็นปกติแล้ว ในยามที่เขาไม่มีพันธกิจใด เย่หยวนจะนั่งสมาธิบ่มเพาะพลังอยู่ตลอด
แต่วันนี้หัวใจของเขารู้สึกร้อนรนสับสนไปหมด จนไม่สามารถทำอะไรได้เลย
เขารู้สึกเช่นนี้มาโดยตลอดจนกระทั้งผล็อยหลับไปในยามเที่ยงคืน
เสมือนความจริงคล้ายความฝัน จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาได้จจำแลงกลายเป็นมังกรฟ้าตนหนึ่ง และทะยานเหาะออกจากร่างไป
จากนั้นวิญญาณมังกรฟ้าตนนี่ก็คดเคี้ยวกลางห้วงเวหาอยู่นาน ก่อนจะถ้ำหนึ่งพร้อมมุ่งหน้าเข้าไปโดยไม่ลังเล
แต่เมื่อมาถึงด้านหน้าปากถ้ำ เย่หยวนในร่างวิญญาณมังกรฟ้ากลับพบว่าคลื่นพลังอันอกร่งกร้าวสาดสะท้อนเข้าใส่
เขาวนเวียนอยู่หน้าถ้ำเป็นเวลานาน ก่อนจะทะยานกลับเข้าร่างยามรุ่งสาง
“พี่ใหญ่หยวน! พี่ใหญ่หยวน! ท่านเป็นอะไรหรือไม่?”
เสียงคร่ำครวญของลี่เอ๋อดังขึ้นข้างหู เย่หยวนสะดุ้งตื่นขึ้นทันที
ทั่วทั้งร่างกายของเขาเปียกชุ่มชโลมไปด้วยเหงื่อ คล้ายกับเพิ่งเอาตัวขึ้นจากน้ำมา
“ข้า…ข้าฝันไป? ไม่…ไม่ใช่ความฝัน! ถ้ำแห่งนั้นมิใช่ความฝัน!”
เย่หยวนพึมพำกับตนเองพร้อมทีท่าสุดร้อนรน
ลี่เอ๋อดูงุนงงอย่างยิ่งก่อนเอ่ยถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า
“ถ้ำอะไรรึ? พี่ใหญ่หยวนกำลังกล่าวถึงเรื่องอันใด?”
เย่หยวนนำลี่เอ๋อออกไปนอกเรือนพักทันที ในขณะที่กำลังเร่งฝีเท้า เขาก็หันมาบอกว่า
“มากับข้า ไปหาถ้ำนั้นกัน!”
อิ้งหมัวหู่ที่กำลังตรงมาหาทั้งสองเอง ก็พลันถูกเย่หยวนฉุกไปด้วยเช่นกัน แต่ในขณะที่จะเดินทางออกจากเผ่า ทั้งสามกลับถูกหยุดโดยอ้าวลี่
“พวกเจ้าจะไปไหน?”
อ้าวลี่กล่าวขึ้นพร้อมสีหน้าเอาจริงเอาจัง
เย่หยวนสวนตอบทันทีอย่างห้วนๆว่า
“มิใช่ธุระของเจ้า หลบไป!”
อ้าวลี่ไม่ทราบว่าเย่หยวนไปหงุดหงิดมาจากไหน เขาพยายามอดกลั้นอารมณ์โกรธของตนและกล่าวตอบไปว่า
“ท่านบรรพบุรุษบอกว่า ท่านจะอาสาส่งเจ้ากลับไปเอง หากออกไปโดยพละการเช่นนี้ เกรงว่ามิใช่เรื่องดีกระมัง?”
“ดูเหมือนว่าดินแดนสัตว์เทวะแห่งนี้กำลังจะบอกใบ้อะไรข้า! เจ้าหลบไปซะ ข้าแค่ต้องการเสาะหาถ้ำที้เห็นในนิมิต! มิฉะนั้นอย่าหาได้ตำหนิว่านายน้อยผู้นี้ไร้เมตตา!”
เย่หยวนสกัดกั้นความวิตกกังวลงภายในใจ และกล่าวขึ้นอย่างเดือดดาล
ทันทีที่อ้าวลี่ได้ยินคำกล่าวของเย่หยวน เขาก็เหมือนจะรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง
ถ้ำที่เย่หยวนเห็นในนิมิตนั้นอาจเป็นสถานที่เก็บตัวของท่านบรรพบุรุษก็เป็นได้
“ช่างน่าขัน! เรื่องของดินแดนสัตว์เทวะแห่งนี้จะไปเกี่ยวข้องกับเจ้าได้อย่างไร? อย่าคิดรังแกผู้คนจนเกินไปนัก!”
อ้าวชี่กล่าวโต้อย่างเยือกเย็น
เขาจะปล่อยให้เย่หยวนไปขัดจังหวะการบ่มเพาะพลังฝึกญาณของท่านบรรพบุรุษได้อย่างไรกัน?
เย่หยวนยิ่งรู้สึกหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ ความร้อนรนกังวลใจนี้กลับแน่นจุกอยู่กลางอก ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องเดินทางไปยังถ้ำแห่งนั้นให้ได้ เขากล่าวตอบด้วยเสียงกดลึกถึงขั้วนรกว่า
“หากยังไม่หลบไป ก็อย่าตำหนิว่านายน้อยผู้นี้ไร้เมตตา!”
อ้าวลี่ในยามนี้ก็อารมณ์เสียแล้วเช่นกัน เขาตอกสวนอย่างเยือกเย็นว่า
“ยังไงก็ไม่ให้ผ่านไปได้! มิฉะนั้นเกรงว่าต้องข้ามศพอ้าวผู้นี้ไปก่อน!”
“หึ! เช่นนั้นเตรียมรับมือ!”
เย่หยวนไม่พูดไม่จาใดๆอีก พร้อมซัดฝ่ามือมังกรสวรรค์วินาศฟ้าออกไปเต็มสูบ!
ฝ่ามือนี้เย่หยวนไม่คิดออมมือแม้แต่น้อย ทันทีที่กระบวนโจมตีนี้ถูกปลดปล่อยออกมา สรรพสิ่งทั่วทั้งฟ้าดินต่างสั่นสะเทือนลั่น!
สีหน้าการแสดงออกของอ้าวลี่เปลี่ยนไปโดยพลัน ก่อนตอบโต้ไปโดยฝ่ามือมังกรสวรรค์วินาศฟ้ากลับไปเช่นกัน
แต่ผลลัพธ์ที่ได้ไม่จำต้องแปลกใจอันใด
ฝ่ามือนี้ต่างปลุกสมาชิกเผ่ามังกรทุกคนคล้ายระฆังเตือนหายนะ ฝูงชนมากมายต่างแห่กรูกันเข้ามา ก่อนจะพบว่า พวกเย่หยวนได้จากไปแล้ว
แม้แต่ท่านประมุขอ้าวยังนอนแหงนมองฟ้าหมดท่า แล้วยังมีใครอีกที่สามารถหยุดเย่หยวนได้?
เย่หยวนใช้จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของตนนำทางเสาะหาร่องรอยไป ก่อนจะพบถ้ำที่ว่านั้นจริงๆ
ทันทีที่เย่หยวนเห็นถ้ำแห่งนี้ เขากลับยิ่งรู้สึกกระวนกระวายใจหนักเข้าไปใหญ่
“เป็นถ้ำแห่งนี้จริงๆ! ที่นี่เหมือนในฝันทุกประการ!”
เย่หยวนกล่าวขึ้น
“พี่ใหญ่หยวน มีอะไรซ่อนอยู่ภายในถ้ำแห่งนี้กันแน่?”
ลี่เอ๋อกล่าวขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เย่หยวนส่ายหัวและกล่าวว่า
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เช่นนั้นไปหาคำตอบภายในนั้นกันเถอะ!”
เมื่อกล่าวจบทั้งสามก็เดินหน้าเตรียมเข้าสำรวจต่อทันที
แค่ทันใดนั้นฝีเท้าทั้งสามพลันหยุดชะงักแทบพร้อมกัน
เบื้องหน้าปรากฏร่างหนึ่งค่อยๆก้าวแช่มออกมาจากเงามืดด้านในถ้ำ ก่อนจะเผยใบหน้ประจักษ์ชัดขึ้น
นี่เป็นชายชราทั้งผลและเครายาวเป็นสีขาวนวล ภูมิฐานช่างดูสูงส่งและยิ่งใหญ่เจนศึกเข้ากับวัยอาวุโสเป็นอย่างยิ่งยวด
ทว่ากลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกจากร่างชายชราผู้นี้ กลับทำให้เย่หยวนใจสั่นสะท้านไม่หยุดหย่อนเช่นกัน
ชายชราผู้นี้มิใช่ง่ายเลยแม้แต่น้อย!
“พระเจ้าผู้นี้ส่งคนไปบอกแล้วมิใช่รึ? ไฉนมาถึงที่นี่?”
ชายชราผู้นั้นกล่าวขึ้นเจือน้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อย
ทว่าคำกล่าวของชายชราพลันทเอาทั้งสามตื่นตะลึงสุดขีด!
“เป็นไปได้อย่างไร?! ท่านผู้นี้….คือเซียนอาณาจักรพระเจ้า!!”
อิ้งหมัวหู่โพล่งอุทานลั่นด้วยความตกใจ
ชายชราผู้นั้นหัวเราะขึ้นเล็กน้อยและกล่าวว่า
“หุหุ เซียนอาณาจักรพระเจ้ารึ? นั้นเป็นชื่อนานมาแล้ว ยามนี้ข้าคงเป็นแค่…อาณาจักรกึ่งพระเจ้า!”