นี่น่ะรึ…อาณาจักรพระเจ้า!
ฟางเทียนเหลือบมองไปยังข่านนั่วที่หยิ่งยโสยิ่งในยามนี้จากระยะไกล
“หรือสุดท้ายนี้…เย่หยวนจะทำไม่สำเร็จ?”
“ท่านอาวุโส ให้ข้าออกไปรับมือ!”
เต็งหยุนโพล่งกล่าว
ฟางเทียนกล่าวบอกกับเขาไปว่า
“เจ้าไม่จำเป็นต้องออกไปตาย ด้วยความแกร่งกล้าของเจ้าในปัจจุบันกลับมิใช่คู่มือของมันได้เลย เพียงมันสะบัดนิ้ว เจ้าก็ทานทนไม่ไหวแล้ว! ขุมพลังอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า กลับหาใช่สิ่งที่เจ้าจะจินตนาการไม่!”
ฟางเทียนกระจ่างชัดแจ้งดีเยี่ยม กระทั้งใช้เวลาถึงหนึ่งหมื่นปี แนวคิดความเข้าใจของเขาจะเทียบเทียมได้แค่เซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้า
จึงเป็นที่แน่นอน เขาย่อมทราบดีถึงความแกร่งกล้าของอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า
ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่เซียนเต๋าสวรรค์ในปีนั้นก็ยังไม่สามารถจัดการข่านนั่วได้
พลังฝีมือของมันตื้นลึกเพียงใด ฟางเทียนกระจ่างชัดแจ้งเพียงปราดตาเดียว
“เช่นนั้น…เราควรทำอย่างไรดี?”
ด้วยพลังฝีมือของเต็งหยุน เขาได้แต่เอ่ยปากถามอย่างสิ้นหวัง
ฟางเทียนถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางกล่าวตอบว่า
“ถ่วงเวลาให้ได้นานที่สุด! เราต้องเดิมพันกันแล้ว หากเย่หยวนประสบความสำเร็จจริงๆ ยามนั้นเขาจะกลับมาล้างแค้นแทนให้แน่นอน ถึงพวกเราตัวตาย แต่อย่างน้อยที่สุด…ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต้องยังคงอยู่! มิฉะนั้นแล้ว…ทั้งหมดคงสูญสิ้นไม่เหลือ!”
เต็งหยุนอดเศร้าใจมิได้เมื่อฟังแบบนั้น เขาติดตามฟางเทียนมาเป็นเวลาเนินนาน แต่ไม่เคยเห็นฟางเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเช่นนี้มาก่อน
เขาทราบดี ยามนี้จุดจบของฟางเทียนใกล้มาถึงในอีกไม่ช้าแล้ว
แม้ว่าฟางเทียนจะเสี่ยงชีวิตแค่ไหนในอดีต แต่ท้ายที่สุดนี้ก็ไม่สามารถกำราบข่านนั่วลงได้
แต่ในเวลานั้นเอง เฉาหยุนจือเร่งปรี่มาหาด้วยท่าทีร้อนใจและกล่าวว่า
“ท่านอาวุโส พวกเหล่านี้ล้วนยโสเกินไป! ผู้คนด้านล่างยามนี้เลือดร้อนกระหายสงครามนัก! พวกมันเองก็บุกเข้าประชิดเต็มแก่!”
เต็งหยุนขมวดคิ้วเข้มและกล่าวว่า
“พวกคนเหล่านี้ประเมินตัวเองสูงส่งเกินไปจริงๆ! หรือคิดกันไปว่าเผ่าปีศาจมันงอกขึ้นจากดิน?”
ฟางเทียนกล่าวกับเต็งหยุนไปว่า
“เช่นนั้นเจ้าไปเถอะ นำทัพออกไปปราบปรามเสียหน่อย อย่าปล่อยให้กำลังคนของเขาคิดประมาทไม่ระมัดระวังตัว! คนพวกนั้นไม่ทราบถึงความน่ากลัวของเทพอสูรเทวะ ดังนั้นนี่เป็นโอกาสดีที่จะทำให้พวกเขาเข้าใจ ข้าจะออกไปรับมือกับข่านนั่วเอง”
เมื่อกล่าวจบร่างของเขาก็อันตรธานหายวับไปจากจุดที่ยืนอยู่
………………………………..
ทันทีที่โอสถท้าทายสวรรค์ไหลผ่านลงกระเพาะ เย่หยวนก็รู้สึกราวกับร่างกายกำลังจะระเบิดออก
ฤทธิ์โอสถทวีความรุนแรงขึ้นเป็นหลายเท่าทวี พลังปราณจำนวนมหาศาลพุ่งทะลักออกมาจากร่างไม่หยุดหย่อน
ในที่สุดเย่หยวนก็มิอาจต้านทานได้ไหว ร่างของเขาระเบิดออกเป็นเศษเนื้อโดยตรง!
“ไม่!! พี่ใหญ่หยวน!!”
“พี่ใหญ่!!”
“ท่านอาจารย์!!”
……………………………
ลี่เอ๋อและที่เหลือต่างทรุดตัวลงกับพื้นทันทีอย่างไร้เรี่ยวแรง ภาพฉากที่ไม่คาดคิดนี้ทำให้ทุกคนกรีดร้องลั่นไม่หยุดแทบเสียสติ
อย่างไรก็แล้วแต่ ทันทีที่พวกเขาคิดจะวิ่งไปหาเย่หยวน ทั้งหมดกลับถูกแรงกดดันสุดน่าสะพรึงเข้าหยุดไว้และไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวใดๆได้เลย
สุ้มเสียงสุดสงบนิ่งกล่าวขึ้นอย่างเฉยเมยว่า
“เขายังไม่ตาย อย่าเพิ่งโวยวายกันไป สังเกตให้ดีๆ!”
คุนหวูยังคงยืนนิ่งพลางจับจ้องเย่หยวนอย่างไม่ลดสายตา
ทุกคนประหลาดใจยิ่งเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก่อนเบี่ยงสายตาเข้าพินิจจับจ้องเย่หยวนโดยละเอียด ก่อนพบว่าเศษเนื้อเศษเลือดที่ระเบิดออกของเย่หยวน มันมิได้กระจายออกไปไหน ทว่ากลับจับตัวเป็นกลุ่มแน่น
แผนภาพไท่จี๋ขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นกลางอากาศ เป็นไปได้ว่า แผนภาพไท่จี๋นี้มีหน้าที่ยึดเหนี่ยวมิให้เศษร่างของเย่หยวนกระจายออกไปไหน
“ท่านอาวุโส นี่…นี่เกิดอะไรขึ้นกับพี่ใหญ่หยวนกันแน่?”
ลี่เอ๋อไม่เข้าใจเลยว่านี่เกิดเรื่องอะไรขึ้น ยามนี้นางร้อนใจยิ่งกว่าใครจนต้องเอ่ยปากถามขึ้นในท้ายที่สุด
ภาพฉากเบื้องหน้าในปัจจุบันช่างน่าสยดสยองเกินไป ยามนี้นางจิตตกถึงก้นเหว สายตาของนางเปี่ยมไปด้วยความว่างเปล่า
แต่คุนหวูกล่าวตอบอย่างไม่แยแสว่า
“เหอะ ร่างกายมนุษย์ทั่วไปจะสามารถรองรับศาสตร์แห่งสวรรค์ได้อย่างไร? ดังนั้นจึงต้องทำลายร่างกายเก่าทิ้งเพื่อหลอมสร้างขึ้นใหม่โดยใช้แผนภาพไท่จี๋ที่มีหน้าที่เสมือนแม่พิมพ์อันใหม่ ในตอนนี้พลังปราณ ร่างกายและจิตวิญญาณของเขากำลังถูกหล่อหลอมขึ้นมาใหม่ และนี่จะแข็งแกร่างทนทานยิ่งกว่าก่อนหน้าไม่รู้กี่เท่าทวี!”
ทุกคนที่ได้ฟังดังนั้นพลันหันเข้าสบตากันไปมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
พวกเขาไม่เคยรู้มราก่อนเลยว่า การจะทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าจำต้องผ่าขั้นตอนกระบวนการเช่นนี้ด้วย!
ช่างเป็นวิธีก้าวข้ามขีดจำกัดที่น่ากลัวยิ่งนัก!
เมื่อเห็นสีหน้าของทุกคน คุนหวูย่อมทราบว่าคิดอะไรกันจึงกล่าวแถลงไขว่า
“หากเป็นเมื่อหนึ่งแสนปีก่อน เวลาผู้คนจะทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้า พวกเขาไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้เลย ทว่าตอนนี้…หุหุ อย่าลืมไปเสียว่าเจ้าเด็กคนนี้มิได้ใช้วิธีปกติเหมือนชาวบ้าน เขาจำเป็นต้องสร้างร่างกายใหม่ขึ้นเพื่อให้สามารถผลิตศาสตร์แห่งสวรรค์ขึ้นเองจากในร่างกายได้ นั้นหมานความว่า ทุกอณูในร่างกายของเขาจะกอปรไปด้วยศาสตร์แห่งสวรรค์ และไม่จำเป็นต้องพึ่งพาศาสตร์แห่งสวรรค์ในดินแดนนี้อีกต่อไป! พวกเจ้ามั่นใจได้เลย ในตอนที่เขาทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรปฐมพระเจ้าได้สำเร็จ ยามนั้นเขาจะแกร่งกล้ายิ่งกว่าพวกอาณาจักรปฐมพระเจ้าทั่วไป!”
แม้คำอธิบายนี้ของคุนหวูจะสมเหตุสมผลเป็นอย่างมาก แต่ด้วยความสนิทชิดเชื้อกับเย่หยวน พวกเขาก็อดเป็นห่วงมิได้ว่า เย่หยวนจะกลับมาเป็นสภาพเดิมได้จริงๆ
แต่สิ่งที่เย่หยวนรับรู้และรู้สึกได้กลับแตกต่างไปจากภาพฉากอันน่าสยดสยองที่ทุกคนเห็นโดยสิ้นเชิง
เขารู้สึกดั่งหวนกลับไปอยู่ในครรภ์มารดาอีกครั้ง มันทั้งอบอุ่นและสงบจิตสงบใจยิ่ง
ในขณะนี้เขารู้สึกราวกับกำลังล่องลอยเหนือน่านฟ้าสวรรค์ชั้นเก้า และกำลังก้มมองทุกชีวิตบนผืนพิภพ
เสมือนเห็นทุกสรรพสิ่งบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เย่หยวนเห็นชัดประจักษ์แก่สายตา!
“นี่…นี่มันดินแดนไร้สิ้นสุด! เมืองวู่เฟิน!”
ยามนี้สิ่งที่เย่หยวนกำลังจับจ้องอยู่ก็คือ เมืองวู่เฟินในแดนล่าง!
เมืองวู่เฟินทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ทุกคนเดินทางมายังเมืองวู่เฟินที่ได้รับสมญานามว่า สวรรค์ของนักหลอมโอสถเพื่อแสวงหาผลกำไรและความรู้
“นั้น…ท่านพ่อ!”
เย่หยวนรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง เพราะบุคคลแรกที่เขาเห็นก็คือ เย่ฮาน!
เย่ฮานในเวลานี้กำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ภายในตำหนักเจ้าเมือง คล้ายว่ากำลังสั่งการผู้ใต้บัญชาที่อยู่เบื้องล่าง
กลับกลายเป็นว่า ท่านพ่อของเขาได้ขึ้นกลายเป็นเจ้าเมืองวู่เฟินแล้วจริงๆ!
“หุหุ สิบปีแล้วกระมัง นั้นท่านพ่อจริงๆ!”
แม้ว่าที่แห่งนี้จะไม่มีเย่หยวนอยู่อีกต่อไป แต่ทุกอย่างยังคงสงบเรียบร้อยดี
และเย่ฮานก็ได้ทำสำเร็จอย่างที่เย่หยวนคาดหวังไว้จริงๆ!
ภายในเวลาสิบปี เย่ฮานสามารถทะลวงขึ้นกลายเป็นจอมราชาโอสถได้สำเร็จ พร้อมขึ้นกลายเป็นเจ้าเมืองวู่เฟินแห่งนี้!
เหรินซิ่งชุนผู้เป็นปู่ของเขาได้สละบัลลังก์แล้วอย่างชัดเจน
ภายในใจเย่หยวนตื่นเต้นอย่างหาที่เปรียบไม่ และเห็นว่าตัวเหรินซิ่งชุนเองก็กำลังปลีกวิเวกเก็บตัวในห้องลับของตำหนักเจ้าเมืองเช่นกัน
นอกจากนี้เหรินหงหลินเองก็เหมือนกับว่ากำลังยืนสนทนาอะไรบางอย่างกับสาวน้อยนางหนึ่ง
เย่หยวนเร่งขยับขยายสายตาเข้าพินิจจับจ้องโดยเร็ว ปรากฏว่าสาวน้อยนางนี้มีใบหน้าละไม้คล้ายคลึงกับเหรินหงหลินประมาณเจ็ดถึงแปดส่วน ซึ่งดวงตาของสาวน้อยนางนั้นก็ดูคล้ายกับตัวเขายิ่ง
“หรือเป็นไปได้ไหมว่า สาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มนางนี้คือ…น้องสาวของข้า? ฮ่าฮ่าฮ่า! หวังว่าเจ้าจะดูแลพ่อแม่แทนตัวข้าที่มิได้รับโอกาสนั้น!”
เมื่อเห็นภาพฉากนี้ เย่หยวนพลันประหลาดใจอย่างมากเช่นกัน
เย่ฮานและเหรินหงหลินก็มิได้อายุมากอย่างที่คิด พวกเขาที่ให้กำเนิดสาวน้อยนางนี้ เย่หยวนเองก็รู้สึกเบาใจไปหลายเปาะ อย่างน้อยที่สุดก็สามารถบรรเทาความรู้สึกผิดของเย่หยวนที่มิอาจอยู่ดูแลพวกท่านได้
หลังจากเอ่ยปากชื่นชมอยู่สักพัก เย่หยวนก็เบี่ยงสายตาไปเห็นนิกายเมฆาราตรี ทว่ายามนี้กลับยิ่งใหญ่องอาจประดุจสุริยันยามเที่ยงวัน!
นิกายเมฆาราตรีในตอนนี้แข็งแกร่งขึ้นผิดหูผิดตา ไม่รู้ว่าเป็นกี่สิบเท่าหากเปรียบเทียบกับยุคสมัยที่เย่หยวนยังอยู่
ภายในนิกายเมฆาราตรี เห็นเป็นหลงถังที่สวมชุดจ้าวนิกายยืนตระหง่านอยู่ ปรากฏว่าเขาเองก็ได้ขึ้นกลายเป็นจ้าวนิกายเมฆาตรีแล้วเช่นกัน!
เมื่อเห็นเช่นนี้ เย่หยวนอดคิดถึงภาพฉากวันวานเก่าๆมิได้เลย
เสี้ยวพริบตาเดียวก็ผ่านไปเกือบยี่สิบปีแล้ว ตั้งแต่เขาออกจากดินแดนไร้สิ้นสุด
แม้ว่าดินแดนไร้สิ้นสุดจะเป็นเพียงแดนล่างเล็กๆแห่งหนึ่ง ทว่าที่แห่งนี้กลับผูกพันกับเย่หยวนเป็นอย่างยิ่ง
แน่นอน ในสายตาของเย่หยวน ณ ปัจจุบัน ดินแดนไร้สิ้นสุดแห่งนี้ยังไม่นับว่าเป็นแดนล่างด้วยซ้ำ
เพราะแม้แต่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ว่ากว้างใหญ่ไพศาล ก็ยังเป็นแค่ดินแดนที่ถูกสร้างขึ้นโดยจอมเทพนิรันดร์
ภายนอกยังมีดินแดนอีกมากมายที่กว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด
ทันทีทันใด เย่หยวนเหลือบไปเห็นเผ่ามังกรในภูมิภาคอสูรโดยบังเอิญ แต่นั้นทำให้คู่คิ้วของเขาขมวดแน่นในทันใด พร้อมสายตาที่เปลี่ยนไปกลายเป็นจริงจัง
เหนือน่านฟ้าสูง ฟางเทียนกับเทพอสูรเทวะข่านนั่วกำลังโรมรันสัประยุทธ์เดือดกันอยู่
เทพอสูรเทวะข่านนั่วได้กลับมาแล้ว!
เย่หยวนไม่คิดไม่ฝันเลยว่า ข่านนั่วจะสามารถฟื้นตัวกลับสู่จุดสุดยอดได้แล้วจริงๆ!
เมื่อเย่หยวนเริ่มบันดาลโทสะ จิตนึกคิดของเย่หยวนก็ถูกดึงกลับเข้าร่างโดยพลัน
ทัศนียภาพทั้งหมดพร่ามัว ตัดภาพกลับยังไม่หุบเขาเหวพระเจ้าอีกครั้ง
เย่หยวนรู้สึกได้ทันทีถึงร่างกายใหม่ของเขา ซึ่งนี่ราวกับตัวเขากำลังครอบครองขุมพลังอันไร้ขีดจำกัดอยู่ในกาย ยามนี้เย่หยวนคือโลกทั้งใบ!
“นี่น่ะรึ…อาณาจักรพระเจ้า!”
เย่หยวนเอ่ยขึ้น