หยุดฟ้าหนึ่งฝ่ามือ!
พร๊วดด! พร๊วดด! พร๊วดดด!!
กลางเวหาฟ้า ไม่ว่าจะเป็นเผ่ามนุษย์และเผ่าปีศาจ ทั้งสองฝ่ายต่างกระอักพ่นเลือดสดไม่หยุดหย่อน เนื่องโดยแรงกดดันจากฝ่ามือปีศาจมหึมาอันนี้ที่เคลื่อนกดทับลงมาต่อเนื่อง
ร่างไร้วิญญาณนับร้อยพันต่างร่วงกรูกันลงมาจากท้องฟ้าคล้ายหยาดฝน
“ท่านอาวุโสฟางเทียน!”
เต็งหยุนแผดเสียงตะโกนลั่น เขาเร่งระดมพลังปราณที่เหลือไม่มากออกมา พร้อมถ่ายพลังเหล่านั้นไปให้ฟางเทียนหวังเพื่อประคองลมหายใจ
“นี่…นี่เกิดอะไรขึ้น? ไฉน…ไฉนมันแกร่งกล้าขนาดนี้?”
“มนุษย์กับปีศาจ พวกเขาต่างเป็นจุดสูงสุดแห่งเผ่าพันธุ์ทั้งคู่ แต่ทำไม…ยังต่อสู้ได้ไม่เกินสองอึดใจด้วยซ้ำ? สายตา…สายตาของข้าฝ้าฟางแล้วกระมัง?”
“ปีศาจตนนั้นดูแข็งแกร่งยิ่งกว่าที่ผ่านๆมา มัน…มันแข็งแกร่งเกินไป!”
“แล้วจอมราชันย์พิชิตสวรรค์อยู่ไหน? ไฉนจอมราชันย์พิชิตสวรรค์ถึงยังไม่ปรากฏตัว? หรือเป็นไปได้ไหมที่เขา…เขา….”
……………………….
ในเวลานี้นักสู้ของเผ่ามนุษย์ทุกคนตระหนักชัดแจ้งแล้วว่า ข่านนั่วตนนี้แกร่งกล้าเพียงใด
ฝ่ามือปีศาจเพียงแค่เคลื่อนผ่าน แต่แรงกดดันที่ล้นทะลักออกมาก็แทบคร่าชีวิตพวกเขาได้แล้ว
ภายใต้ฝ่ามือปีศาจ ฟางเทียนที่ผนึกกำลังกับเหล่าเซียนของเผ่ามนุษย์และเผ่าอสูร พวกเขาล้วนเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างหนัก ยามนี้ยังเหลือไพ่ตายอันใดอีกไว้ต่อกร?
ในเวลานี้ เหล่าฝูงชนก็เพิ่งหวนรำลึกได้ เย่หยวนในปัจจุบันอยู่ที่ไหน? จวบจนบัดนี้ไฉนยังไม่ปรากฏตัวออกมา?
ผู้นำแห่งมวลมนุษย์และความหวังสุดท้ายของพวกเขาหนีศึกไปแล้วจริงรึ?
ชั่วครู่ต่อมา เสียงกรนด่าสาปแช่งเย่หยวนเริ่มดังระงมกลางฝูงชนเบื้องล่าง
แน่นอนที่พวกเจ้าเป็นเช่นนี้ เพราะมี…ความกลัวเป็นตัวขับเคลื่อน!
ฝ่ามือล้างพิภพของข่านนั่วยังคงเคลื่อนตัวลงมาอย่างต่อเนื่อง จนแผ่นปฐพีเริ่มสั่นสะเทือนหนัก
ยิ่งเวลาผ่านไปมากเท่าไหร่ เสียงกรนด่าสาปแช่งเย่หยวนก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ
ทุกคนต่างโยนความผิดทั้งหมดให้แก่เย่หยวน
เรื่องที่เย่หยวนออกเดินทางเข้าสู่หุบเขาเหวพระเจ้า มีเฉพาะคนบางกลุ่มเท่านั้นที่ทราบ โดยส่วนใหญ่ล้วนมิอาจทราบถึงการเคลื่อนไหวของเย่หยวนได้
แม้แต่บุคคลระดับสูงโดยส่วนใหญ่ยังไม่ทราบ
เมื่อเห็นภาพฉากเหล่านี้ เต็งหยุนที่อยู่เหนือเวหาก็มิอาจทานทนได้อีกและตะโกนลั่นด้วยความโกรธเกรี้ยวยิ่งว่า
“หุบปากไปซะ!!”
เสียงของเต็งหยุนคล้ายระฆังพิภพตีสะท้านดั่งทั่วสารทิศ ทุกคนต่างหุบปากทันทีโดยมิได้นัดหมาย
“ไอ้พวกโง่! พวกเจ้ามันช่างโง่เขลาสิ้นดี! ในตอนนี้เย่หยวนกำลังเดินทางอยู่ในเขตพระเจ้าต้องห้ามในหุบเขาเหวพระเจ้า! ทั้งหมดก็เพื่อเสาะหาโอกาสที่จะทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าและกลับมาจัดการข่าวนั่ว! ทั้งๆที่เย่หยวนกำลังเสี่ยงชีวิตครั้งใหญ่แท้ๆ แต่พวกเจ้ากลับเป็นเพียงเศษสวะไร้ประโยชน์! นอกจากยืนพล่ามโทษฟ้าโทษดิน แล้วพวกเจ้าได้ช่วยอะไรบ้าง?!”
ทุกคนล้วนหุบปากเงียบพร้อมกดหน้ากดตาด้วยความละอายใจ
ทันทีที่พวกเขาพบว่าเย่หยวนมิได้อยู่ที่นี่ ทั้งหมดก็ตะโกนด่าออกมาทันที
แต่กลับไม่มีใครทราบจริงๆว่า ยามนี้เย่หยวนกำลังเดินทางอยู่ในเขตพระเจ้าต้องห้ามที่ได้ชื่อว่า สุสานแห่งเซียนอาณาจักรพระเจ้า
ตามสมญานามของมัน แม้แต่เซียนอาณาจักรพระเจ้ายังต้องสังเวยชีวิตให้ที่แห่งนี้มาแล้วนับไม่ถ้วน!
ดูเหมือนว่า จอมราชันย์พิชิตสวรรค์จะรู้อยู่แล้วว่า ต่อหน้าความแกร่งกล้าของปีศาจตนนี้ ตัวเขาเพียงลำพังไม่มีปัญญาต่อกรได้แน่ ดังนั้นเขาจึงต้องตัดสินใจเสี่ยงชีวิตเดินทางเข้าสู่เขตพระเจ้าต้องห้าม เพื่อเสาะหาความหวังให้แก่มวลมนุษย์
แต่…เขาจะทำสำเร็จจริงๆใช่ไหม?
มันเป็นเวลากว่าหนึ่งแสนปีแล้ว ยังไม่มีผู้ใดสามารถทำลายโซ่ตรวนแห่งความเป็นไปได้นั้นลงได้
จอมราชันย์พิชิตสวรรค์จะทำสำเร็จหรือไม่?
“ฮ่าฮ่าฮ่า! สิ้นหวัง! จงสิ้นหวังไปให้หมด! ทุกอย่างที่จอมเทพนิรันดร์สร้างขึ้นมา ข้า,ข่านนั่วในนามผู้ใต้บัญชาของท่านจอมเทพอสูรนิรันดร์จักทำลายให้สิ้นซาก! ฮ่าฮ่าฮ่า….”
ในวันนี้ที่ปราศจากเซียนอาณาจักรพระเจ้า ตัวมันคือไร้เทียมทาน!
“เร็วเข้า! ปะ-เปิดใช้…ค่ายกลยี่สิบแปดจอมทัพสวรรค์โดยเร็ว!”
ในเวลานี้ฟางเทียนเค้นกำลังที่เหลือเอ่ยปากขึ้นอย่างอ่อนแรง
เต็งหยุนไม่แน่ใจว่านั้นหมายความอย่างไร แต่เสี้ยวอึดใจต่อมาเขาก็เข้าใจได้ทันที!
“เร็วเข้า! เผ่าสี่สัตว์เทวะ เปิดใช้ค่ายกลเจ็ดจอมทัพขึ้นมาพร้อมกัน!”
เต็งหยุนแผดเสียงคำรามสั่งการ
แม้เผ่าสัตว์เทวะทั้งสี่จะมิได้ดำรงอยู่ร่วมกัน แต่พวกเขาเองก็มีค่ายกลปกป้องเผ่าที่เชื่อมต่อระหว่างกันและกันอยู่
คำสั่งการของเต็งหยุนแผ่สะพัดถึงทั้งสี่เผ่าอย่างรวดเร็ว
เสี้ยวอึดใจต่อมา ค่ายกลปกป้องของทั้งสี่เผ่าก็ถูกเปิดใช้ขึ้นทันที จิตวิญญาณสัตว์เทวะทั้งสี่ผนึกกำลังผงาดขึ้นสู่น่านฟ้าอย่างพร้อมเพรียง!
มังกรฟ้า พยัคฆ์ขาว วิหคเพลิงและเต่าดำ จิตวิญญาณผู้พิทักษ์แห่งเผ่าสี่สัตว์เทวะได้รวมตัวกันเหนือน่านฟ้าของเผ่ามังกร!
จิตวิญญาณผู้พิทักษ์ทั้งสี่ส่งเสียงกู่ก้องสาดผสานเป็นหนึ่ง สร้างความน่าเกรงขามจนผู้คนโดยรอบต้องขนลุกสะท้านอณู
ระหว่างฝ่ามือล้างพิภพของข่านนั่วกับพื้นดิน วิญญาณผู้พิทักษ์ทั้งสี่เข้าสะกัดขวางในบัดดล
เมื่อเห็นภาพฉากนี้ แววตาทุกคนสะท้อนเผยเห็นความหวังอีกครั้ง
ทุกคนต่างไม่คิดไม่ฝันเลยว่า ยามที่เผ่าสัตว์เทวะทั้งสี่อัญเชิญจิตวิญญาณผู้พิทักษ์ออกมาพร้อมกัน มันจะก่อให้เกิดผลลัพธ์อันยิ่งใหญ่เช่นนี้!
บูมมมม!!
ฝ่ามือล้างพิภพเคลื่อนขยับเข้าใกล้ ส่งผลให้ผืนพิภพสั่นสะเทือนอีกคราใหญ่ ทว่าจู่ๆกลับต้องหยุดชะงักในทันใด
“สกัดไว้ได้! ไม่คิดเลยว่าเผ่าสี่สัตว์เทวะยังมีค่ายกลที่น่าสะพรึงขนาดนี้ไว้ด้วย!”
เสียงโห่ร้องดีใจด้วยความตื่นเต้นดังก้องออกจากฝูงชน
จิตวิญญาณผู้พิทักษ์ทั้งสี่สามารถหยุดฝ่ามือล้างพิภพไว้ได้จริงๆ ผลลัพธ์นี้กระทั้งเต็งหยุนยังแปลกใจเช่นกัน
“ท่านอาวุโส มันได้ผล!”
เต็งหยุนโพล่งกล่าวด้วยความดีใจ
ทว่าฟางเทียนกลับส่ายหัวและกล่าวอย่างอ่อนแรงว่า
“มะ-ไม่…มันเปล่าประโยชน์”
ฟางเทียนในตอนนี้ได้มาถึงจุดจบของชีวิตแล้ว เขากำลังคาบเกี่ยวระหว่างความเป็นความตาย ลมหายใจที่พรูเข้าออกในแต่ละคราอาจเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิตได้ตลอดเวลา
ซึ่งคำกล่าวของฟางเทียนนี้ก็ทำให้เต็งหยุนใจหายวูบ
ข่านนั่วจับจ้องภาพฉากนี้อย่างเรียบนิ่ง พลางหัวเราะเยาะขึ้นว่า
“จิตวิญญาณผู้พิทักษ์แห่งเผ่าสี่สัตว์เทวะ? เหอะ เหอะ ผู้สำแดงใช้เป็นรุ่นบรรพชนของพวกเจ้า สิ่งนี้คงน่าเกรงขามไม่น้อย น่าเสียดาย ความแข็งแกร่งของพวกเจ้ายังคงอ่อนแอเกินไป! ช่างน่าอัปยศยิ่งนัก!”
ลูกประคำสีทมิฬขลับกลางหน้าผากของข่านนั่วปลดปล่อยพลังปีศาจสุดข้นคลักออกมาไม่หยุดหย่อน ขุมพลังความแกร่งกร้าวของมันเพิ่มสูงขึ้นหลายเท่าทวีในพริบตา!
ฝ่ามือล้างพิภพของมันทรงอนุภาพทำลายล้างยิ่งขึ้นจนก่อนหน้าเทียบไม่ติด!
แกร๊กก! แกร๊กก! แกร๊กกก!!
ภายใต้ฝ่ามือล้างพิภพ จิตวิญญาณผู้ทักษ์ทั้งสี่ที่ต้านรับมาครู่ใหญ่ ยามนี้เริ่มปรากฏรอยแตกร้าวแผดกระจายคล้ายใยแมงมุม
สุ้มเสียงคล้ายกระจกร้าวดังบาดหูผู้คนโดยทั่ว ซึ่งนี่ทำเอาสีหน้าของทุกคนซีดเผือกลงในบัดดล
นี่กลับไม่ได้ผลจริงๆ!
รอยแตกบาดลึกกระจายกว้างไร้สิ้นสุด ยามนี้จิตวิญญาณผู้พิทักษ์ไม่สามารถต้านรับฝ่ามือล้างพิภพได้อีกต่อไป!
ทันทีทันใด จิตวิญญาณผู้พิทักษ์ทั้งสี่ก็แตกสลายเหลือแค่เพียงความว่างเปล่า!
ฟู่ววว….
ฝ่ามือล้างพิภพขนาดมหึมายังคงเคลื่อนลงมาใกล้อย่างต่อเนื่อง
พร๊วดดด!
ยังไม่ทันที่ฝ่ามือนี้จะลงถึงพื้นดิน ทว่ากลุ่มนักสู้ที่มีพลังอ่อนแอกลับไม่สามารถต้านทานแรงกดดันระดับนี้ได้แล้ว จนกระอักพ่นเลือดสดกันถ้วนหน้า
บูมม! บูมม! บูมมม!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนักสู้ที่มีระดับพลังอ่อนด้อย ร่างของพวกเขาเหล่านั้นระเบิดออกมาโดยตรง เศษเนื้อเศษกระดูกกระจายไม่เหลือ
สีหน้าของเต็งหยุนและคนอื่นๆบิดเบี้ยวน่าเกลียดอย่างหาที่เปรียบไม่ ข่านนั่วตนนี้แข็งแกร่งเกินไปจนผู้คนต้องหมดหวัง
หากมิใช่เซียนอาณาจักรพระเจ้า พวกเขาไม่มีโอกาสชนะได้เลย!
“พร๊วดดด!!”
ฝ่ามือล้างพิภพปราดเหนือศีรษะไม่ห่างตัวแล้ว ท้ายที่สุดนี้ เต็งหยุนก็มิอาจทานทนได้อีกต่อไป เขากระอักเลือดสดคำโตออกมาอย่างบ้าคลั่ง
ยามนี้เขาใกล้ถึงขีดจำกัดเต็มทนแล้ว!
“หรือ…หรือเป็นไปได้ไหมว่า ทุกอย่างคงจบลงแค่นี้แล้ว?”
เต็งหยุนประคองสติกล่าวขึ้นอย่างหมดสิ้นหวัง
“ฮ่าฮ่าฮ่า… ต่อหน้าเทพอสูรเทวะผู้นี้ พวกดินแดนพฤกษานิรันดร์ก็หามีดีอันใดไม่! ดินแดนที่เสื่อมโทรมจนไม่สามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าได้ มันก็แค่ดินแดนขยะแห่งหนึ่ง! หนี้แค้นนับล้านปี วันนี้ขอชำระคืนครบต้นครบดอก! ฝ่ามือล้างพิภพ ฆ่าพวกมันซะ!!”
ท่ามกลางเสียงหัวเราะของข่านนั่วอันสุดแสนบ้าคลั่ง ฝ่ามือมหึมาก็ค่อยๆเคลื่อนลงมาจวบจบใกล้สัมผัสพื้นดินแล้ว
สีหน้าของทุกคนเผยถึงความสิ้นหวังอย่างสุดหัวใจ ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหน ยามนี้แทบหยุดหายใจ บางคนถึงกับล้มตัวลงนอนรอความตาย
กลางฝูงชน เสียงร่ำไห้คร่ำครวญดังระงมลั่นมากขึ้นทีละคนสองคน
นี่คือเสียงร้องแห่งความสิ้นหวังอย่างแท้จริง!
บูมมมม!
ทันใดนั้นเอง จู่ๆฝ่ามือนี้ก็หยุดลง!
คลื่นลมเย็นแสนโอนอ่อนพัดผ่าน ทว่ามันกลับรุนแรงจนกวาดล้างสรรพสิ่งในรัศมีหนึ่งแสนลี้กระจายออกไป!
คลื่นลมเย็นนี้ช่วยปกป้องพวกเขาทั้งหมดเอาไว้จากฝ่ามือล้างพิภพ
จากที่ทุกคนข่มตาหลับรอความตายอย่างขมขื่น ยามนี้เห็นนานผิดสังเกต แต่ละคนจึงค่อยๆลืมตาขึ้นแช่มช้า เบื้องหน้าทุกคนปรากฏเพียงร่างชายหนุ่มคนหนึ่งที่ใช้มือแค่ข้างเดียวก็สามารถหยุดฝ่ามือล้างพิภพเอาไว้ได้!