มหาพิภพถงเทียน!
“ตาแก่หวูเฉิน เด็กคนนี้สามารถควบคุมเต๋าได้แล้ว แล้วเจ้าจะหดหัวอยู่ในกระดองจนถึงเมื่อไหร่?”
จู่ๆคุนหวูก็เอ่ยปากขึ้น
เย่หยวนตกใจอย่างมากที่ได้ยินเช่นนั้น และไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่านี่อีกฝ่ายกำลังหมายถึงอะไร ทั้งๆที่คุนหวูกำลังสนทนากับเขาอยู่
แต่ทันทีทันใด เบื้องหน้าทั้งสองปรากฏเป็นร่างเงาสีเทาจางขึ้น นั้นเป็นชายชราผู้หนึ่งดั่งมากประสบการณ์เจนจัดพ้นผ่านความผันผวนในชีวิตมาแล้วมากมาย
ร่างเงาของชายชราผู้นี้เรือนรางอย่างมาก จนโปร่งใสแทบมองไม่เห็น
“เจ้ารากไม้นี่! ก็เห็นอยู่ว่ายามนี้ข้าอ่อนแอเพียงใด แต่ก็ยังจะเรียกข้าออกมา!”
หวูเฉินกล่าวดุพรางแสยะยิ้มตอบ
คุนหวูกล่าวตอบว่า
“มิใช่ว่าข้าอยากเรียกเจ้าเสีย เพียงเพราะตอนนี้มีคนต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า!”
หวูเฉินกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มอันขื่นขมว่า
“เจ้านี่เอง ในเมื่อเกี่ยวเนื่องถึงเขา เราชายชราเต็มใจช่วยเหลือ”
ในขณะที่กล่าวออกไป หวูเฉินพลางกวาดสายตาพินิจมองมู่หลินเสวียเล็กน้อย ทันทีทันใดปรากฏพลังงานลึกลับเข้าห่อหุ้มร่างของนางอีกชั้นหนึ่งทันที
หลังจากนั้น ร่างของมู่หลินเสวียแปรเปลี่ยนเป็นลำแสงสายหนึ่ง พร้อมพุ่งตรงเข้าสู่กลางหน้าผากของเย่หยวนโดยตรง
ภาพฉากเบื้องนี้ กระทั้งเย่หยวนยังสะดุ้งโหย่งด้วยความตกใจ
มู่หลินเสวียเข้าไปอยู่ในไข่มุกสยบวิญญาณ!
“ท่านอาวุโส นี่…”
เย่หยวนกล่าวขึ้นอย่างสงสัย
คุนหวูยิ้มขณะกล่าวตอบว่า
“ตาแก่หวูเฉินคือจิตวิญญาณของไข่มุกสยบวิญญาณ เขามีความสามารถในการต่อพลังจิตวิญญาณของสาวน้อยนางนี้เพื่อให้รอดพ้นจากความตาย แต่นั้นก็ยืดเวลาได้ไม่นานนัก อย่างแรกต้องยืมพลังชีวิตของเจ้าและพลังของไข่มุกสยบวิญญาณมาใช้”
ชายชราผู้นี้ลงมือช่วยเย่หยวนโดยไม่ลังเลแต่อย่างใด ทว่าสิ่งที่เย่หยวนไม่คาดคิดก็คือ อีกฝ่ายกลับเป็นจิตวิญญาณไข่มุกสยบวิญญาณ!
ทราบเช่นนั้น เย่หยวนเร่งโค้งคำนับและกล่าวว่า
“ขอบพระคุณอย่างยิ่งท่านอาวุโส!”
เย่หยวพอตระหนักได้ว่า สภาพของหวูเฉินในยามนี้ดูไม่ค่อยดีนัก การใช้พลังนำร่างของมู่หลินเสวียไปเก็บไว้ในไข่มุกสยบวิญญาณ นั้นจำต้องใช้พลังจำนวนมหาศาล
หวูเฉินยิ้มและกล่าวตอบว่า
“เจ้าคือเจ้าของไข่มุกสยบวิญญาณคนใหม่ นี่เป็นหน้าที่อันสมควรของตัวข้าแล้ว นอกจากนี้ หากไม่มีเจ้า ข้าเองก็ไม่สามารถตื่นขึ้นจากการจำศีลได้เช่นกัน เพียงว่าพลังของข้าในตอนนี้ยังไม่ค่อยเสถียรนัก จึงทำได้เพียงประคองจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของสาวน้อยนางนี้มิให้สลายไปทันที”
ทันใดนั้นเอง เย่หยวนก็เพิ่งเอะใจนึกขึ้นได้ ที่พฤกษาวิญญาณมรณะและหลีกุยตายอย่างไร้สาเหตุ อาจเป็นเพราะทั้งคู่ถูกชายชราผู้นี้กลืนกินจิตยวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เข้าไป?
เรื่องนี้ทำเอาเย่หยวนตื่นตกใจยิ่ง
หลีกุยยังพอเข้าใจได้ แต่พฤกษาวิญญาณมรณะ มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังในระดับชั้นเดียวกับพฤกษาคุนหวู ทว่ามันก็ยังถูกไข่มุกสยบวิญญาณกลืนกินทั้งๆแบบนี้จริงรึ?
“ที่ท่านอาวุโสสามารถตื่นจากการจพศีลได้ หรือว่า…เพราะกลืนกินพฤกษาวิญญาณมรณะเข้าไป?”
เย่หยวนเอ่ยถามขึ้นทันที
หวูเฉินคลี่ยิ้มออกมาพร้อมกล่าวว่า
“ถูกต้องแล้ว! เหล่าสิ่งมีชีวิตภายในดินแดนพฤกษานิรันดร์มีพลังจิตวิญญาณที่ค่อนข้างอ่อนแอเกินไป และไม่เพียงพอสำหรับตัวข้า แต่พลังจิตวิญญาณของพฤกษาวิญญาณมรณะนั้นยังพอประทังชีวิตข้าได้บ้าง แต่นั้นก็เกือบไม่พอ!”
เย่หยวนถึงกับพูดไม่ออกไปซักพักใหญ่เมื่อได้ฟัง พฤกษาวิญญาณมรณะนับเป็นการดำรงอยู่อันไร้เทียมทานในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ทุกสรรพชีวิตต่างหวาดกลัวมันเป็นอย่างยิ่ง แต่ในความเป็นจริงแล้ว พลังของมันแทบไม่พอประทังชีวิตของหวูเฉินด้วยซ้ำ!
แต่เมื่อนึกถึงเรื่องนี้แล้ว การที่หวูเฉินสามารถฟื้นพลังได้เล็กน้อยจากการกลืนกินพฤกษาวิญญาณมรณะลงไป เย่หยวนเองก็รู้สึกโล่งใจขึ้นเป็นอย่างมาก
นี่แสดงให้เห็นแล้วว่า สมบัติเวทย์สวรรค์ของจอมเทพนิรันดร์มิใช่ของวิเศษทั่วไปที่เขาจะสามารถจินตนาการถึงได้
“ไข่มุกสยบวิญญาณ เป็นสมบัติเวทย์สวรรค์ที่ใช้สำหรับป้องกันศาสตร์แห่งจิตวิญญาณโดยเฉพาะ ซึ่งสิ่งนี้เองก็มีพลังวิญญาณอันไร้สิ้นสุด! หากตาแก่หวูเฉินสามารถฟื้นคืนสู่สภาวะสูงสุดได้ ต่อให้เป็นการดำรงอยู่ในระดับชั้นเดียวกับจอมเทพนิรันดร์ พวกนั้นก็ไม่สามารถทำอันตรายอันใดต่อจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าได้เลย! สมบัติเวทย์ประเภทนี้ แม้แต่มหาพิภพถงเทียนยังกล่าวได้ว่าหายากยิ่ง!”
เห็นได้ชัดว่า คุนหวูเองก็เกรงขามไม่น้อยในพลังของไข่มุกสยบวิญญาณ
แต่หวูเฉินกล่าวเสริมพร้อมรอยยิ้มว่า
“สภาพของข้าในปัจจุบัน สามารถต้านทานได้แค่การโจมตีระดับอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าเท่านั้น หากเจอการดำรงอยู่ที่เหนือกว่านั้น ข้าคงเข้าสู่สภาวะจำศีลอีกระลอกเป็นแน่”
เย่หยวนที่ได้ฟังเช่นนั้นก็กล่าวถามขึ้นด้วยความสงสัยว่า
“แล้วพฤกษาวิญญาณมรณะ…”
“พฤกษาวิญญาณมรณะมีต้นกำเนิดจากดินแดนพฤกษานิรันดร์ ในขณะที่ข้าคือสมบัติเวทย์สวรรค์แห่งดินแดนพฤกษานิรันดร์ ดังนั้นแล้วไม่ว่ามันจะแกร่งกล้าขนาดไหน มันก็ไม่สามารถหนีรอดออกจากเงื้อมมือข้าได้! นอกจากนี้…ที่มันถูกขังอยู่ในเขตพระเจ้าต้องห้ามหนีไปไหนไม่ได้ก็เป็นฝีมือข้าเอง ข้าวางแผนจะกินมันตั้งแต่ทีแรกแล้ว แต่น่าเสียดาย…ข้าดันหลับไปเสียก่อน”
หวูเฉินกล่าว
เย่หยวนเดาะลิ้นส่งเสียงดังเสมือนคลายความสงสัยลง แต่อีกใจหนึ่งก็น่าตกใจจนไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน!
ปรากฏว่า พฤกษาวิญญาณมรณะเป็นเพียงอาหารที่ถูกหวูเฉินเลี้ยงไว้เพื่อรอวันเก็บเกี่ยวเท่านั้น!
ไม่น่าแปลกใจเลย ไฉนพฤกษาวิญญาณมรณะถึงต้องกรนด่าสาปแช่งหวูเฉินถึงขั้นเอาเป็นเอาตายขนาดนั้น
เย่หยวนผสานมือคำนับให้คุนหวูและกล่าวว่า
“ท่านอาวุโส ผู้เยาว์สงสัยว่า จะมีวิธีใดช่วยหลิงเสวียได้บ้าง?”
นี่คือเรื่องที่เขากังวลที่สุดในตอนนี้
และไม่ต้องสงสัยเลยว่า การจะช่วยชีวิตมู่หลินเสวีย เย่หยวนจำต้องเดินทางท่องโลกภายนอกอย่างเลี่ยงมิได้
สิ่งที่แม้แต่จอมเทพนิรันดร์ยังไม่สามารถทำได้สำเร็จ นี่มิใช่สิ่งที่อยู่ในดินแดนแห่งนี้แน่นอน และขอบเขตความยากได้เกินสิ่งที่เย่หยวนจินตนาการไปแล้ว!
เส้นทางที่ว่านี้มีกวาดหนามปกคลุมมากมายเสียยิ่งกว่าเส้นทางแห่งการแก้แค้นของเขาเสียอีก
คุนหวูยิ้มและกล่าวตอบว่า
“เจ้าอย่าได้กังวลไป ในเมื่อเจ้าจะต้องออกเดินทางไปยังมหาพิภพถงเทียนอยู่แล้ว เช่นนั้นข้าจะอธิบายถึงเรื่องมหาพิภพถงเทียนให้เจ้าทราบก่อน จากนั้นค่อยตัดสินใจว่าจะเอายังไงต่อ”
เย่หยวนสูดไอเย็นแช่มลึกสุดปอดและกล่าวว่า
“ท่านอาวุโสโปรดชี้แนะผู้เยาว์!”
คุนหวูพยักหน้าและกล่าวว่า
“มหาพิภพถงเทียนและดินแดนพฤกษานิรันดร์ ทั้งสองเป็นดินแดนที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง! มิใช่แค่ระดับชั้นที่สูงกว่าดินแดนพฤกษานิรันดร์ แต่มหาพิภพถงเทียนแห่งนี้เป็นดินแดนอันเก่าแก่ยิ่ง กล่าวกันว่ามันถือกำเนิดมาพร้อมกับจักรวาลอันกว้างใหญ่! นั้นจึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมมันถึงมีชื่อว่า ‘ถงเทียน(เส้นทางสวรรค์)’ และภายในนั้นยังมีหุบเขาศักดิ์สิทธิ์ที่เต็มไปด้วยความลับอีก สถานที่นั้นมีนามว่า หุบเขาถงเทียน! ภายในมหาพิภพถงเทียน อาณาจักรพระเจ้าเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น!”
เย่หยวนถึงกับถอดสีหน้าเมื่อได้ฟังดังนั้น นัยแฝงในคำกล่าวของคุนหวูค่อนข้างชัดเจนยิ่งนั้นคือ ยอดเซียนผู้เป็นจุดสูงสุดแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ กลับเป็นเพียงคนธรรมดาทั่วไปในมหาพิภพถงเทียน!
ก็แค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง!
เมื่อได้ฟังดังนั้น เย่หยวนก็ยิ่งรู้สึกอยากแข็งแกร่งขึ้นไปมากกว่านี้!
เขาอยากเห็นกับตาว่า ยอดเซียนที่แท้จริงแห่งมหาพิภพถงเทียนจะแกร่งกล้าเพียงใด!
“มหาพิภพถงเทียน? หุบเขาถงเทียน? ท่านอาวุโส จอมเทพนิรันดร์ผู้นั้นนับเป็นการดำรงอยู่แบบใดในมหาพิภพถงเทียน?”
เย่หยวนเอ่ยถามขึ้นอย่างตื่นเต้น ประดุจเด็กน้อยอยากรู้อยากเห็น
คุนหวูยิ้มและกล่าวว่า
“อาณาจักรพระเจ้า แท้ที่จริงแล้วมีทั้งหมดหกอาณาจักรพลังหลัก ได้แก่ อาณาจักรปฐมพระเจ้า, อาณาจักรปัจฉิมพระเจ้า, อาณาจักรบรรพชนพระเจ้า, อาณาจักรราชันย์พระเจ้า, อาณาจักรนภาสวรรค์ และอาณาจักรเทพถ่องแท้! เหนือกว่าอาณาจักรพระเจ้าถ่องแท้คืออาณาจักรเทพสวรรค์! ตาแก่จอมเทพนิรันดร์ที่อยู่ในระดับชั้นนี้ ถือว่าเป็นสัตว์ประหลาดแห่งมหาพิภพถงเทียนอย่างแท้จริง! อย่างไรก็ตามแต่ ยังมีระดับพลังที่เหนือกว่าอาณาจักรเทพสวรรค์อยู่อีก นั้นคือ อาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์ และอาณาจักรเต๋าบรรพกาล สองอาณาจักรพลังอันไร้เทียม! ซึ่งจ้าวจักรพรรดิแห่งมหาพิภพถงเทียนก็อยู่ในอาณาจักรเต๋าบรรพกาลเช่นกัน!”
คล้ายว่าเย่หยวนแทบหยุดหายใจไปชั่วขณะเมื่อได้ฟัง เขาคาดไม่ถึงจริงๆว่า เหนือจากอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าแล้ว ยังมีอาณาจักรพลังมากมายหลายระดับชั้นขนาดนี้!
ในสายตาของเขา จอมเทพนิรันดร์นับว่าอยู่ไกลเกินเอื้อมอย่างแท้จริง แต่ใครจะไปคิดว่ายังมีการดำรงอยู่ที่เหนือชั้นยิ่งกว่าจอมเทพนิรันดร์อยู่อีก!
เมื่อสีหน้าของเย่หยวน คุนหวูพลางคลี่ยิ้มบางและกล่าวต่อว่า
“นั้นมิใช่สิ่งที่เจ้าสามารถจินตนาการได้เลย อาณาจักรเต๋าบรรพกาลมันไกลเกินกว่าจะเข้าใจได้แล้ว! บนมหาพิภพถงเทียนมีจอมเทพอาณาจักรเต๋าบรรพกาลเพียงเก้าคนเท่านั่น พวกเขาคือเต๋าต้นกำเนิด และพวกเขาดำรงอยู่มาไม่รู้กี่แสนล้านปีแล้ว! พวกเขาทั้งเก้าเป็นอมตะ! เต๋าทั่วทุกสารทิศของชีวิต ดังนั้นแล้ว ถึงแม้ว่าเต๋าของเจ้าจะยิ่งใหญ่เพียงใด แต่นั้นไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่จะก้าวไปถึงจุดนั้น!”
เย่หยวนสูดไอเย็นอย่างแช่มช้า แขนขาของเขาสั่นเทาไปหมดพลางกล่าวขึ้นด้วยความกลัวว่า
“ยังมีเรื่องเช่นนี้ด้วยรึ?”
ในความเข้าใจของเย่หยวน ตราบใดที่เขามีพรสวรรค์และความสามารถเพียงพอ ไม่ว่าอุปสรรคจะยากลำบากแค่ไหน เขาย่อมก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดได้ดั่งใจนึก
แต่แนวคิดเช่นนี้ของเขาไม่น่าจะใช้ได้ผลกับมหาพิภพถงเทียน
เต๋าทั่วทุกสารทิศของพวกเขาทั้งเก้า
และพวกเขายังเป็นอมตะ!
คุนหวูกล่าวว่า พวกเขาดำรงอยู่มาไม่รู้กี่แสนล้านปีแล้ว สิ่งนี้ชี้ให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่า ไม่มีใครหน้าไหนสามารถทำอะไรพวกเขาทั้งเก้าได้เลย
สิ่งที่คุนหวูกล่าวไปนั้นถูกต้อง ต่อให้จะมีพรสวรรค์ยิ่งใหย่เพียงใด แต่ก็เป็นไปไม่ได้เช่นกันที่จะเทียบเคียงพวกขาทั้งเก้า
คุนหวูที่เห็นสีหน้าของเย่หยวนดังนั้นก็ยิ้มและกล่าวต่อว่า
“ข้าได้กล่าวไปหมดแล้ว ต่อจากนี้เจ้าต้องตัดสินใจด้วยตนเอง สิ่งแรกที่จำเป็นต้องทำคือ การหาวิธีทะลวงผ่านห้วงอวกาศอันปั่นป่วน!”