จักรพรรดิ์เทพสวรรค์จิวชาง
“หยิ่งผยอง!”
“อวดดีเกินไป!”
คุนหวูกับหวูเฉินสวนตอบทันควัน
คำกล่าวแบบนี้มีเพียงคนโง่ที่ไม่รู้อะไรเลยเท่านั้นที่สามารถกล่าวออกมาได้
ในมหาพิภพถงเทียน มียอดอัจฉริยะมากมายที่หยิ่งยโสอย่างหาที่เปรียบไม่ แต่พวกเขายังกล่าวเพียงว่า ตนสามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรเทพสวรรค์ หรืออย่างมากที่สุดก็แค่ อาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์เท่านั้น
ทว่าพลังเหล่านั้นไม่เคยมีใครหน้าไหนหน้าด้านหาญกล้ากล่าวว่า ตนจะขึ้นกลายเป็นจอมเทพเต๋าบรรพกาลเลย!
สายตาที่จับจ้องของเย่หยวนแปรเปลี่ยนไปดั่งโง่งม เขาไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน แต่ก็ยังกล่าวอย่างไม่ยอมแพ้ว่า
“คนโง่คนนี้ก็มีดีเช่นกัน! เพราะความหยิ่งผยองจึงพาข้ามาถึงจุดนี้ได้! หากข้าไม่สามารถช่วยชีวิตหลินเสวียได้ ข้ายินดีจมลงสู่หนทางอันมืดมิด!”
สุดท้ายนี้คุนหวูก็ดูสงบลงเล็กน้อย แน่นอนว่าเขาตกใจไม่น้อยเมื่อได้ยินคำพูดของเย่หยวน
เพราะภายในมหาพิภพถงเทียน จอมเทพเต๋าบรรพกาลเปรียบเสมือนการดำรงอยู่อันคงกระพัน
สิ่งที่พอให้พวกเขาเหลียวมองหรือหันมาสนใจได้บ้าง ก็มีแต่การดำรงอยู่ในระดับอาณาจักรเทพสวรรค์ หรือไม่ก็ อาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์เท่านั้น
แต่ ณ เวลานี้ คุนหวูสัมผัสได้ถึงความมุ่งมั่นอันแรงกล้าของเย่หยวนได้อย่างชัดแจ้ง
ไม่ว่าหนทางเบื้องหน้าจะโหดร้ายเพียงใด แต่เพื่อช่วยชีวิตผู้เป็นที่รัก เขาไม่มีลังเลแม้แต่น้อย!
“ช่างเถอะ ความรู้สึกของมนุษย์ลึกลับซับซ้อนเกินไป กระทั้งข้าเองก็ยังไม่สามารถเข้าใจได้ ในเมื่อเจ้าแสวงหาความตายเองเช่นนี้ ย่อมได้…ข้าจะบอกเจ้า! แท้ที่จริงแล้ว ประตูผนึกดินแดนคือจิตวิญญาณผู้พิทักษ์แห่งเผ่าสี่สัตว์เทวะ!”
คุนหวูกล่าวขึ้นพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่
เย่หยวนตกตะลึงยิ่งเมื่อได้ฟังเช่นนั้น ยามนี้เขาก็ตระหนักถึงจุดประสงค์หลักของข่านนั่วได้ในที่สุด ไฉนมันถึงต้องการจับตัวจิตวิญญาณผู้พิทักษ์พยัคฆ์ขาวไปในตอนนั้น ปรากฏว่ามันต้องการปลดผนึกประตูผนึกดินแดน!
หากย้อนกลับไป อดีตประมุขเผ่ามังกรอย่าง,หลงซานก็ได้นำตรามังกรศักดิ์สิทธิ์ออกไปจากเผ่ามังกรเช่นกัน หรือนั้นอาจเกี่ยวพันถึงประตูผนึกดินแดนเช่นกัน
นั้นเพียงว่า พวกเขาไม่ทราบถึงการมีอยู่ของห้วงอวกาศอันแสนปั่นปวน
“ขอบพระคุณอย่างยิ่งท่านอาวุโส! ผู้เยาว์ยังมีธุระบางอย่างต้องสะสาง เช่นนั้นผู้เยาว์ขอลา!”
เพียงร่างเย่หยวนขยับเคลื่อนออก เสี้ยวพริบตาต่อมาเขาก็กลับมาถึงเผ่ามังกรอีกครา
ปรากฏว่าข่านนั่วยังไม่ตายสนิท ยามนี้มันกำลังถูกขังโดยคุกที่เย่หยวนสร้างขึ้น
เย่หยวนมิได้กล่าวอันใดให้มากความ พร้อมตอกตะปูผนึกวิญญาณเจาะทะลวงทั่วทั้งร่างกายของข่านนั่วโดยตรงอย่างเลือดเย็น
“อ๊ากกกกก!!”
เสียงกรีดร้องคร่ำครวญดังสนั่นคล้ายผีร้ายกำลังร่ำไห้สุดเวทนา สุ้มเสียงระงมลั่นของมันทำเอาทุกคนที่อยู่โดยรอบขนลุกเสียวสันหลังวาบทันควัน
“โอ้? จอมราชันย์พิชิตสวรรค์กลับมาตั้งแต่เมื่อใด? แต่ยามนี้สีหน้าของเขาดูดีขึ้นมาก”
“จอมราชันย์เหมันต์ไม่อยู่แล้วด้วย หรือเป็นไปได้ไหมว่าจอมราชันย์พิชิตสวรรค์สามารถหาทางช่วยนางได้แล้วจริงๆ! หวังว่าจอมราชันย์เหมันต์จะปลอดภัยดี!”
“ไม่ว่าอย่างไร ไอ้บัดซบข่านนั่วนั้นเตรียมตัวตายได้เลย ไม่สิ…อยากตายเพียงใดคงมิได้สมใจ มันต้องชดใช้กับสิ่งที่ก่อเอาไว้ เตรียมรับความพิโรธของจอมราชันย์พิชิตสวรรค์ได้เลย!”
……………………….
สีหน้าเย่หยวนยังคงเฉยชา พร้อมตะปูดอกแล้วดอกเล่าที่ตอกกระแทกอัดร่างข่านนั่วไม่หยุดหย่อน
ตะปูผนึกวิญญาณทั้งหมดได้ถูกดึงออกจากร่างของมู่หลินเสวียแล้ว ยามนี้ถึงตาของข่านนั่วที่ได้ใช้ต่อ
มีตะปูจำนวนนับไม่ถ้วนรุมตอกเข้ากลางไอหมอกทมิฬสีดำ แท้ที่จริงแล้ว ไอหมอกทมิฬสีดำกลุ่มนี้เป็นจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าปีศาจ และจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของพวกมันก็ยากยิ่งที่จะทำลาย
แม้ข่านนั่วในตอนนี้จะอ่อนแออย่างมาก แต่การจะฆ่ามันก็มิใช่เรื่องง่าย
“ความเจ็บปวดที่หลิงเสวียได้รับ ข้าหวังว่าเจ้าจะได้ลิ้มรสบ้างแล้ว เป็นอย่างไร? อร่อยหรือไม่?”
เย่หยวนเอ่ยกล่าวทีละคำแช่มช้าด้วยน้ำเสียงที่เย็นสุดขั้วหัวใจ
เย่หยวนที่สามารถควบคุมเต๋าแห่งดินแดนนี้ได้ การจะฆ่าข่านนั่วกลับเป็นเรื่องง่ายดายเกินไป
แต่ฆ่าไปทั้งๆแบบนี้ มันจะได้ระบายความเคียดแค้นกี่ก่อตัวภายในใจของเขาได้อย่างไร?
ในปัจจุบัน ผืนแผ่นดินของมวลมนุษย์แทบลุกเป็นไฟจนไม่เหลืออะไรแล้ว
ทั้งมนุษย์และเผ่าอสูรที่ตายลงจากมหาศึกสงครามนี้มีจำนวนมากกว่าพันล้านชีวิต
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากข่านนั่วเพียงคนเดียว!
ผนวกรวมกับความอาฆาตแค้นที่มันฆ่าทั้งพ่อและตัวเขาเองในอดีต ยามนี้ยังทำให้มู่หลินเสวียตกอยู่ในสภาพกึ่งเป็นกึ่งตายอีก
ความอาฆาตแค้นที่ล้นปรี่กลางทรวงอกของเย่หยวน ช่างมหาศาลเกินพรรณนาไปมาก!
กล่าวได้ว่า หากข่านนั่วมีหมื่นชีวิต เย่หยวนก็จะทรมานทั้งหมื่นชีวิตก่อนฆ่ามันให้ตายอย่างช้าๆ!
“อ๊ากก! เย่หยวน! อภัยให้ข้าด้วย! ข้า…ข้าทนไม่ไหวแล้ว! อ๊ากกก!”
ข่านนั่วร้องห่มร้องไห้ครวญคราญไม่หยุด เสมือนหมูที่กำลังถูกฆ่า ในที่สุดมันก็มิอาจทนพิษบาดแผลได้อีกจนต้องปริปากขอความเมตตาจากเย่หยวน
เบื้องลึกสุดใจในดวงตาของเย่หยวนช่างเปี่ยมไปด้วยเย็นชาอย่างหาที่เปรียบไม่ สำหรับข่านนั่วต่อให้มันจะขอร้องอ้อนวอนขนาดไหน เขาก็ปราศจากความเห็นอกเห็นใจแม้แต่น้อย
“ความเจ็บปวดที่เจ้าได้รับยังเทียบไม่ได้แม้แต่ส่วนเดียวที่มู่หลินเสวียได้รับ! นี่ยังเพิ่งเริ่มต้น ก่อนข้าจะออกไปจากดินแดนพฤกษานิรันดร์ ข้าจะทำให้เจ้าได้สัมผัสกับคำว่า…ความสิ้นหวังอย่างแท้จริง!”
เย่หยวนเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางอันสุดแสนจะเย็นชา
เขาเชี่ยวชาญในศาสตร์แห่งจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่าใครในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ สำหรับวิธีการทรมานต่างๆที่ส่งผลให้จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เจ็บปวดรวดร้าวถึงขีดสุด เขาเองก็ย่อมทราบซึ่งง่ายแค่ปลายนิ้ว
ยิ่งไปกว่านั้นเอง ตอนนี้เขาขึ้นกลายเป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้าเต็มตัวแล้ว กระทั้งศาสตร์แห่งสวรรค์หรือเต๋าแห่งดินแดนนี้ก็สามารถควบคุมได้ดั่งใจนึก การจะฆ่าข่านนั่วให้ตายกลับง่ายเกินไป และเขาก็สามารถเล่นกับข่านนั่วได้อีกนานหลายสิบปีจนกว่าจะพอใจ
โดยปกติ ยามใดที่เขาสามารถเอาชนะศัตรูคู่อาฆาตมาได้ เย่หยวนมักจะฆ่าทิ้งทันทีและนั้นคือทั้งหมด
แต่สำหรับข่านนั่วแล้ว มันเป็นกรณียกเว้น!
ความผิดที่ข่านนั่วกระทำลงไปมันมากมายเกินกว่าคำว่าความตายจะรับได้เพียงพอ!
มันต้องทนทุกข์ทรมานและเจ็บปวดยิ่งกว่าความตาย!
เมื่อได้ยินวาจาคำกล่าวของเย่หยวน ร่างไอหมอกจางๆของมันก็พลันสั่นเทาด้วยความกลัวสุดขีด
“เย่หยวน ข้า…ข้าผิดไปแล้ว! ข้าผิดไปแล้ว! ขอ..ขอโอกาส… อ๊ากกกก!!”
“ดี ในเมื่อเจ้ารู้ตัวแล้วว่าผิด เช่นนั้นก็เตรียมใจรับการชดใช้กับสิ่งที่เจ้าก่อขึ้น”
เย่หยวนกล่าวขึ้นพร้อมสีหน้าสุดเมินเฉย พร้อตอกตะปูอัดกลางอกของมันอย่างเฉยเมย
“เจ้า…เจ้า…เจ้าจะต้องตาย! ตายอย่างน่าสยดสยอง! เจ้าคิดจริงๆรึว่า แค่ทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าได้ก็สามารถฝ่าห้วงอวกาศอันโกลาหลนั้นได้? อ๊ากกก…!! เจ้า…เจ้าไม่มีทางทำสำเร็จ! เจ้าต้องตาย! อ๊ากกกก!”
“เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอก เพราะเจ้าได้ตายก่อนจะได้เห็นข้าตายแน่นอน!”
เย่หยวนทิ้งทวนประโยคสุดท้ายเบาๆ ก่อนเดินจากจุดที่คุมขังข่านนั่วไปอย่างไม่แยแสอันใดอีก
เขาสร้างค่ายกลทรมานข่านนั่วไว้เพื่อต้องการทรมานให้มันตายอย่างช้าๆและทรมานที่สุด
ไม่ใกล้ไม่ไกลจากข่านนั่วนัก ปรากฏเป็นอิสตรีร่างงามที่กำลังถูกตรึงอยู่กลางอากาศ
หญิงสาวนางนี้คือเยวี่ยจี้อย่างแม่นยำ
เมื่อเปรียบเทียบกับข่านนั่วแล้ว สภาพของเยวี่ยจี้ดีกว่ามาก นางเพียงถูกขังไว้เท่านั้น
เมื่อเห็นเย่หยวนตรงเข้ามาหา แววความกลัวพลันสาดสะท้อนออกจากนัยน์ตาคู่นั้นของเยวี่ยจี้ในบัดดล
นางไม่คิดไม่ฝันเลยว่า ในยุคสมัยที่ปราศจากศาสตร์แห่งสวรรค์เช่นนี้ จะมีเด็กหนุ่มที่สามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าได้อีกครั้งจริงๆ!
และที่สำคัญกว่านั้นคือ เด็กหนุ่มคนนี้ยังได้การยอมรับจากดินแดนพฤกษานิรันดร์แห่งนี้อีก
เขาสามารถควบคุมเต๋าในดินแดนแห่งนี้ได้ดั่งใจ
อันที่จริงแล้ว ต่อให้เย่หยวนสามารถขึ้นกลายเป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้าได้ แต่ด้วยความแกร่งกร้าวของข่านนั่วที่ผนวกกับลูกประคำแก่นอสูร ไม่ว่าอย่างไรมันก็ไม่มีทางพ่ายได้เลย
แต่ภายใต้เต๋าของดินแดนนี้ที่เย่หยวนควบคุมอยู่ ข่านนั่วจึงเสียเปรียบอย่างมาก
“ผลที่ข่านนั่วได้รับ เจ้าเองก็เห็นประจักสายตาแล้ว เอาล่ะ จงบอกจุดประสงค์ที่พวกเจ้าเดินทางมันยังดินแดนแห่งนี้ หากยอมบอกแต่โดยดี ข้าจะส่งเจ้าไปนรกอย่างเบามือที่สุด”
เย่หยวนกล่าวขึ้นพร้อมเสียงอันเย็นยะเยือก
ภายใต้การควบคุมของเย่หยวน พวกมันทั้งคู่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะฆ่าตัวตาย
ดังนั้นการส่งนางไปนรกอย่างเบามือที่สุด นับเป็นความเมตตาอันใหญ่ยิ่งแล้วของเย่หยวน
สุ้มเสียงร้องอันน่าสมเพชของข่านนั่วยังคงดังกรอกหูเยวี่ยจี้ไม่เว้นวาย
สีหน้าการแสดงออดของเยวี่ยจี้ค่อยข้างสงบนิ่งเป็นอย่างมาก
เย่หยวนเองก็มิได้เร่งเร้าใดๆเช่นกัน เขายังคงยืนรอเงียบๆจนกว่าเยวี่ยจี้จะยอมปริปาก
เพราะเขาทราบดี เยวี่ยจี้จำต้องยอมแพ้ในท้ายที่สุด
ไม่นานเกินรอ ในที่สุดเยวี่ยจี้ก็ยอมปริปากกล่าว
“เรามาที่นี่เพื่อตามหาสมบัติเวทย์สวรรค์อีกสองชิ้นที่เหลือในมือเจ้า แน่นอนว่าระหว่างนั้นเอง พวกเราทั้งคู่ก็บ่มเพาะฝึกปรือไปด้วย เป้าหมายคือทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรราชันย์พระเจ้า!”
เยวี่ยจี้กล่าว
เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ เยวี่ยจี้พลันเบี่ยงสายตาเข้าจับจ้องเย่หยวนทันทีด้วยความกลัว นางกังวลไม่คลายใจและไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่า เย่หยวนกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
“ใครส่งเจ้ามาที่นี่?”
เย่หยวนเอ่ยถามต่อสั่นๆ
เยวี่ยจี้ปรับขนาดสายตาเล็กน้อยก่อนกล่าวว่า
“เขา….เขาคือจักรพรรดิเทพสวรรค์จิวชาง!”
สีหน้าการแสดงออกของเย่หยวนถึงกับแปรเปลี่ยนไปในท้ายที่สุด
เขาไม่คิดเลยว่า บุคคลที่อยู่เบื้องหลังข่านนั่วกับเยวี่ยจี้ แท้ที่จริงแล้วกลับเป็นถึงยอดเซียนอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์!
ในคราแรก เย่หยวนตั้งใจจะเดินทางเสาะหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งสอง หลังจากที่เขาบ่มเพาะฝึกปรือไปได้ระดับหนึ่ง เขาจะเดินทางไปแก้แค้นทันที
แต่เมื่อทราบตัวการเช่นนี้ ดูท่าเขาจำต้องเลื่อนแผนนี้ออกไปก่อน
“ระหว่างจอมเทพนิรันดร์กับจักรพรรดิเทพสวรรค์จิวชาง ทั้งสองมีความแค้นอันใดกัน?”
เย่หยวนเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง