การพบกันแห่งโชคชะตา
“เจ้าเด็กนี่ ในที่สุดก็ฟื้นสักที!”
เย่หยวนกลับคืนฟื้นสติขึ้นอีกครั้ง ทันทันใดสุ้มเสียงของหวูเฉินก็พลันดังขึ้น
เขาเพิ่งได้สติได้หมาดๆจึงยังไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้ในขณะนี้
ทันทีทันใด คลื่นความเจ็บปวดแสนระทมช้ำพลันถาโถมเข้าสู่จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนโดยตรงจนเนื้อตัวถึงกับสั่นเทา
ถึงแม้นจะเจ็บปวดทรมานเพียงใด แต่เขากลับไม่สามารถร้องคร่ำครวญระบายออกได้เลย
ร่างกายของเขาในปัจจุบันเสมือนดั่งว่าทั้งหมดมิใช่ร่างกายของเขาจริงๆ
“ท่านอาวุโสหวูเฉิน? ข้า…ข้ายังไม่ตาย?”
แวบแรกที่ฟื้นคืนสติ เย่หยวนรู้สึกประหลาดใจอย่างมากที่รอดชีวิตออกมาได้อย่างน่าอัศจรรย์
พลางระลึกถึงหลุมดำอวกาศนั้น เย่หยวนยังคงระทึกขวัญสั่นสะท้านใจจวบจนบัดนี้
ต่อหน้าห้วงพลังอวกาศ เย่หยวนกลับอ่อนแอราวกับมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง
เขาที่ดึงไพ่ตายทั้งหมดออกมาสำแดงใช้ แต่นั้นก็ยังไม่สามารถต้านทานความรุนแรงของหลุมดำอวกาศได้
แม้กระทั่งตอนนี้เอง ตัวเขาก็ยังไม่เข้าใจเลยว่า ตนรอดชีวิตออกมาได้อย่างไร?
“เราชายชราปรารถนาให้เจ้าตายนัก! เจ้าเด็กนี่มันประมาทใจเกินไป!”
หวูเฉินถึงคราวสบโอกาสก็สบถกล่าวดุทันที
แต่ถึงจะดุเสียงเข้มเช่นนี้ออกไป ทว่าภายในใจลึกๆ เห็นเย่หยวนฟื้นสติกลับมาได้แบบนี้ เขาเองก็แอบโล่งใจอย่างมากเช่นกัน
นอกจากนั้น เขายังไม่คิดไม่ฝันเลยว่า มิเพียงเย่หยวนจะรอดตายออกจากห้วงอวกาศได้ แต่ยังโชคดีมาถึงมหาพิภพถงเทียนได้เป็นผลสำเร็จ!
หากกล่าวเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าตามหลักเหตุและผลคงเป็นไปไม่ได้
คำนิยามเดียวที่ทิ้งท้ายคือคำว่า ปาฏิหาริย์
ถึงจะไม่มีทางเป็นไปได้ แต่มันก็เป็นไปแล้ว
เย่หยวนเค้นหัวเราะแห้งด้วยความเก้อเชินและกล่าวว่า
“ท่านอาวุโสอย่าคิดตำหนิข้าเลย หากย้อนเวลากลับไปได้ หนทางอื่นอาจนำมาสู่ผลลัพธ์ที่เลวร้ายยิ่งกว่า!”
หวูเฉินเค้นเสียงเย็นคำโตและมิได้เอ่ยปากกล่าวอันใดอีก
เย่หยวนเอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า
“ท่านอาวุโส พวกเรามาถึงมหาพิภพถงเทียนรึยัง?”
หวูเฉินกล่าวตอบทันควัน
“เจ้าก็แค่เด็กที่โชคดีคนหนึ่ง! อาจเป็นความโชคดีทั้งชีวิตของเจ้าแล้ว!”
นี่เท่ากับเป็นคำตอบของหวูเฉินไปโดยปริยาย พวกเขามาถึงมหาพิภพถงเทียนแล้วจริงๆ!
เย่หยวนคาดไม่ถึงเลยว่า ตัวเองจะโชคดีถึงเพียงนี้จริงๆ
“ฮ่าฮ่า! ต้องขอบคุณโชคชะตาโดยแท้! จะว่าไปท่านอาวุโส พวกเรามาถึงที่นี่ได้อย่างไร?”
เย่หยวนเอ่ยถามต่อทันทีอย่างอดสงสัยมิได้
ทันทีที่ได้ยินคำถามของเย่หยวน หวูเฉินเองก็เงียบไปชั่วขณะเช่นกัน
การที่ได้กลับมายังมหาพิภพถงเทียนอีกครั้ง แม้แต่หวูเฉินเองก็ยังรู้สึกดั่งว่ากำลังฝันไป
เย่หยวนสามารถฝ่าห้วงอวกาศมาได้จริงๆ นี่คือสิ่งที่เขาไม่เคยนึกไม่เคยฝันมาก่อน
ปรากฏว่า เซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นต้นสามารถเดินทางข้ามห้วงอวกาศได้สำเร็จ เรื่องราวเช่นนี้มันน่าเกินจริงไปมาก
“หลังจากที่เจ้าหมดสติไป ตัวเจ้าก็ตกลงไปยังใจกลางหลุมดำอวกาศนั้น! แต่ใครจะไปคิดว่า แท้ที่จริงแล้ว ภายในใจกลางหลุมดำอันน่าสะพรึงนั้นกลับเป็นบริเวณที่เงียบสงบปราศจากคลื่นพลังผันผวนใดๆ เจ้าลอยเคว้งอยู่ในหลุมดำอวกาศนานถึงครึ่งปี และด้วยความบังเอิญ ใจกลางหลุมดำกลับเกิดรอยแตกระหว่างมิติขึ้นพอดี เจ้าจึงเดินทางมาถึงมหาพิภพถงเทียนได้อย่างปาฏิหาริย์ แถมยิ่งไปกว่านั้น โชคดียังหล่นทับซ้ำสอง ที่เจ้าได้พบเจอกับสาวใบ้ผู้มีจิตใจเมตตามาคอยดูแลอีก เจ้านี่มันโชคดีจนเกินพรรณนาได้แล้วจริงๆ!”
หวูเฉินกล่าวอธิบาย
เย่หยวนที่ได้ยินแบบนั้นก็ประหลาดใจอย่างมาก เขาไม่คิดเลยว่าตนจะหมดสติไปนานถึงครึ่งปี!
และก็เป็นอย่างที่หวูเฉินกล่าวไว้ เขานี่มันโชคดีจริงๆ!
ล่องลอยอยู่ในห้วงอวกาศโดยไร้สิ้นสติ เขาอาจถูกกระแสพายุที่หลุดรอดเข้ามาฉีกกระชากร่างกายจนแหลกได้ทุกเมื่อ
ไม่เพียงรอดตายออกมาได้อย่างปาฏิหาริย์ แต่เขายังเดินทางมาถึงมหาพิภพถงเทียนแล้วจริงๆ
ในไม่ช้า หวูเฉินก็กล่าวต่อว่า
“แต่ถ้าหากเจ้าไม่ตัดสินใจพุ่งเข้าไปในใจกลางหลุมดำนั้น ปาฏิหาริย์เช่นนี้คงไม่เกิดเช่นกัน! เจ้าหนู เจ้าทำให้เราชายชราผู้นี้ทราบแล้วว่า เรามองเจ้าผิดไปจริงๆ!”
ยิ่งเข้าใกล้หลุมดำอวกาศเท่าไหร่ ความรุนแรงของคลื่นพายุไร้เสถียรก็ยิ่งเพิ่มพูนเป็นทบทวี
ทว่าเย่หยวนกลับหาได้เกรงกลัวไม่ เขาดึงความกล้าทั้งหมดออกมาและกระโจนเข้าไปยังใจกลางหลุมดำโดยไม่ลังเล
นี่มิใช่ว่าเย่หยวนแข็งแกร่งกว่าเซียนอาณาจักรราชันย์พระเจ้า เพียงว่าหากกล่าวในทางกายภาพ ความเร็วในการฟื้นฟูและร่างกายอันแกร่งกร้าวเป็นพิเศษของเย่หยวน นั้นจึงเป็นสาเหตุที่เขารอดชีวิตออกมาได้
เย่หยวนที่มีสองสุดยอดวรยุทธในตำนานของทั้งเผ่ามังกรฟ้าและเผ่าเต่าดำ นั้นต่างหากที่เป็นกุญแจสำคัญสำหรับปาฏิหาริย์ในครั้งนี้!
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“ท่านอาวุโส แล้วตอนนี้เราอยู่ที่ไหน? ไฉนจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของข้าถึงบาดเจ็บสาหัสเพียงนี้ แถมตัวข้ายังลืมตาขึ้นมาไม่ได้ด้วยซ้ำ! สถานการณ์ภายนอกเป็นอย่างไรกลับมิอาจทราบได้เลย!”
หวูเฉินที่ได้ยินแบบนั้นก็กล่าวเล่าถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่เขายังหมดสติไป ทั้งเรื่องที่เหลียงหวางหรูช่วยเหลือเขา ทั้งยังเฝ้าดูแลเป็นอย่างดีไม่ต่างกาย
ลอยเคว้งท่ามกลางห้วงอวกาศนานถึงครึ่งปี ท้ายที่สุดนี้ร่างกายของเขาก็มาถึงขีดจำกัดที่รับไหว
หากไม่โชคดีเกิดรอยแตกระหว่างมิติจนส่งเขามาที่นี่ บางทีเย่หยวนอาจไม่มีโอกาสตื่นขึ้นมาอีกเลย
ซึ่งอันที่จริงแล้ว หลายสิบวันก่อน หวูเฉินรู้สึกหงุดหงิดใจอย่างลับๆ
ทั้งๆที่เขารู้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้น แต่เขากลับไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้เลย และทำได้เพียงฝากความหวังไว้กับโชคชะตา
โชคยังดีที่เหลียงหวางหรูนางนี้ปรากฏตัวขึ้นพอดี
ณ ปัจจุบันจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนเสียหายอย่างหนัก จนไม่สามารถถอดจิตออกไปสำรวจภายนอกได้ สามปัจจัยหลักอย่าง พลังปราณ, ร่างกายและจิตวิญญาณของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสเกินไป
เย่หยวนเร่งตรวจวินิจฉัยตัวเองโดยเร็ว ก่อนมาทราบว่าสภาพของตัวเองในยามนี้มันเลวร้ายขนาดไหน
หลังจากที่เขาทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าได้ ทะเลแห่งจิตใจก็ได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์
อย่างไรก็ตาม ทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขาในตอนนี้กลับแห้งสนิท ยิ่งไปกว่านั้นภายในนี้ยังได้รับความเสียหายใหญ่หลวง เขาไม่สามารถรวบรวมพลังปราณเทวะได้อีกต่อไป
ในส่วนของร่างเนื้อ มันถูกแรงกดดันจากห้วงอากาศเข้าบดขยี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนความสามารถในการฟื้นตัวอ่อนแอลงสุดขั้ว
แม้แต่จะโคจรพลังเพื่อฟื้นฟูร่างกายด้วยวรยุทธมังกรทรราชจุติก็ยังไม่สามารถทำได้
ตั้งแต่ที่กลับชาติมาเกิดใหม่อีกครั้ง เย่หยวนก็ไม่เคยได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้มาก่อน!
อนึ่งสามารถกล่าวได้ว่า เขากลายเป็นคนพิการโดยสมบูรณ์แล้ว!
“หื้ม? นี่คือ…โอสถศักดิ์สิทธิ์?”
เย่หยวนเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ
เหลียงหวางหรูป้อนโอสถปราณลึกล้ำให้แก่เย่หยวน แต่เนื่องจากเย่หยวนไม่มีพลังปราณเทวะหลงเหลือในร่างกายเลย เขาจึงไม่สามารถดูดซับฤทธิ์โอสถได้เลย สิ่งเดียวที่พอจะทำได้คือ รอให้ฤทธิ์โอสถละลายไปเองตามธรรมชาติ ซึ่งกระบวนการนี้เป็นไปได้ช้ามาก
โอสถปราณลึกล้ำมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อสภาพร่างกายของเย่หยวนในปัจจุบัน
แต่เพียงว่า เขาไม่สามารถปลดปล่อยประสิทธิภาพของมันได้อย่างเต็มที่ ได้แต่รอให้ฤทธิ์โอสถค่อยๆย่อยสลายไปเอง ดังนั้นเข่าจึงฟื้นตัวได้ช้ามาก
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ปนิฐานของเย่หยวนคือการขึ้นกลายเป็นจอมเทพโอสถ และในปัจจุบันเขาก็ก้าวขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้า พร้อมกลายเป็นจอมเทพโอสถได้สมใจปรารถนา!
แต่เขากลับไม่รู้เรื่องโอสถศักดิ์สิทธิ์แม้แต่น้อย!
มาตรได้ว่า เขาจำต้องเริ่มต้นใหม่ทุกอย่างตั้งแต่ศูนย์ ซึ่งในครั้งนี้มันแตกต่างจากตอนที่อยู่ในดินแดนไร้สิ้นสุดโดยสิ้นเชิง!
นี่เป็นดั่งโลกใบใหม่ที่เขาไม่เคยรู้จัก สภาพแวดล้อมหรือผู้คนเป็นอย่างไร กระทั่งศาสตร์แห่งโอสถที่เขาชำนาญที่สุด เย่หยวนก็ยังไม่ทราบอะไรเลยแม้แต่น้อย!
ดังนั้นแล้ว ทุกสิ่งอย่างที่เขาได้สัมผัสในขณะนี้ ล้วนแต่เป็นสิ่งแปลกหูแปลกตาทั้งสิ้น
แล้วทันทีที่เย่หยวนทราบว่านี่เป็นโอสถศักดิ์สิทธิ์ มันจะไม่ทำให้เขาตื่นเต้นได้อย่างไร?
นี่คือ…โอสถที่เขาพยายามเสาะหามาทั้งชีวิต!
โอสถศักดิ์สิทธิ์เป็นโอสถในตำนานที่เล่าขานกันมาอย่างยาวนานในดินแดนศักดิ์สิทธิ์!
“เหอะ ก็แค่โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำสุด ยังมีอะไรให้กล่าวถึง?”
หวูเฉินกล่าวสบถขึ้นพร้อมทีท่าสุดคร้านจะใส่ใจ
เย่หยวนหาได้สนใจฟังอีกฝ่ายไม่ ยามนี้เขากำลังหมกมุ่นอยู่กับโลกของตัวเองประหนึ่งเด็กได้ของเล่นชิ้นใหม่ เขาพยายามใช้จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของตนเพื่อวิเคราะห์องค์ประกอบของโอสถปราณลึกล้ำชนิดนี้โดยละเอียด แต่ในเวลาต่อมา เขาจำต้องผิดหวังเพราะไม่สามารถทำความเข้าใจได้เลยโดยสมบูรณ์!
เขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย!
โอสถศักดิ์สิทธิ์ได้หายสาบสูญไปนานแล้วในดินแดนพฤกษานิรันดร์อย่างไร้ร่องรอย ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติก่อนหน้า เย่หยวนก็ไม่เคยเห็นโอสถศักดิ์สิทธิ์มาก่อนสักครั้ง
พอมีบางครั้นบางคราที่เย่หยวนเคยไปอ่านเจอในตำราหรือบันทึกโบราณ เกี่ยวกับชื่อชนิดของโอสถศักดิ์สิทธิ์ แต่ในเรื่องส่วนประกอบรวมไปถึงวิธีหลอมกลั่นกลับมีอธิบายเพียงหยาบๆเท่านั้น
“ท่านอาวุโส ท่านรู้เรื่องโอสถศักดิ์สิทธิ์บ้างหรือไม่? ใช้อะไรหลอมกลั่นบ้าง? แล้วท่านรู้จักวรยุทธหลอมกลั่นหรือไม่? แล้ว….”
ชั่วชณะนี้เอง เย่หยวนเอ่ยปากซักไซ้ไถ่ถามไม่หยุดปาก ทุกสรรพสิ่งอย่างล้วนแปลกใหม่ไปเสียหมด มันแตกต่างจากตอนที่เย่หยวนกลับชาติมาเกิดโดยสิ้นเชิง ในปัจจุบัน ที่แห่งนี้คือโลกใบใหม่ที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน