อาคันตุกะนักหลอมโอสถ
ระดับขั้นโอสถศักดิ์สิทธิ์ไม่เหมือนกับของโอสถชั้นสามัญทั่วไป
เหนือกว่าขั้นยอดเยี่ยมคือ ขั้นสวรรค์ และเหนือกว่าขั้นสวรรค์คือขั้นเทวะ!
แค่จะหลอมกลั่นโอสถซักชนิดเฉกเช่นโอสถปราณเทวะ การจะหลอมกลั่นให้ได้โอสถปราณเทวะขั้นต่ำจำต้องใช้เวลาฝึกฝนแสนขื่นขมเป็นหลักเดือน
หากลุถึงขั้นสูง อาจต้องใช้เวลาเป็นหลักปีขึ้นไป
ในขณะที่ขั้นเทวะ จำเป็นต้องใช้เวลาเป็นหลักสิบปีกว่าจะหลอมกลั่นโอสถศักดิ์สิทธิ์สักชนิดให้ได้ถึงขั้นเทวะ!
สิบปีแห่งความขื่นขมนี้ คือการฝีกปรือหลอมกลั่นโอสถอย่างบ้าคลั่งต่อเนื่องไม่หยุด!
อย่างไรก็ตาม โอสถศักดิ์สิทธิ์ทุกชนิดที่มีประสิทธิภาพต่ำกว่าขั้นเทวะ หากนักสู้คนนั้นยังคงบริโภคโอสถชนิดนั้นๆอย่างต่อเนื่อง ฤทธิ์โอสถจะอ่อนลงเรื่อยๆจนไร้ผลในท้ายที่สุด
แต่นั้นมิใช่สำหรับโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะ!
กล่าวได้ว่า หากผู้ใดสามารถหลอมกลั่นโอสถศักดิ์สิทธิ์ให้ถึงขั้นเทวะได้ นั้นอาจสามารถยกระดับอาณาจักรพลังของคนๆนั้นได้อย่างไร้ขีดจำกัด! ความเร็วในการพัฒนาเหนือชั้นเสียยิ่งกว่าคนอื่นๆนับร้อยเท่าพันเท่าก็ว่าไม่เกินจริง!
ด้วยเหตุนี้ โอสถปราณเทวะขั้นเทวะจึงหาใช่สิ่งของธรรมดาที่หาได้ทั่วไป
หากเปรียบเทียบกับโอสถชั้นสามัญทั่วไปขั้นเหนือฟ้า กระทั่งมันยังไม่คุ้มค่าที่จะกล่าวถึงต่อหน้าโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะแม้สักนิด
หากกล่าวให้ถูกคือ โอสถชั้นสามัญขั้นเหนือฟ้ายังมิอาจเทียบชั้นกับโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นสวรรค์ได้เลยด้วยซ้ำ!
ร้านโอสถโดยส่วนใหญ่ พวกเขาจะไม่นำโอสถปราณเทวะขั้นสวรรค์ออกมาจำหน่าย
ส่วนโอสถขั้นเทวะ กลับเป็นเพียงตำนานที่เล่าขานกันเท่านั้น
นี่จึงเป็นเหตุว่า ทำไมทั้งๆที่เย่หยวนหลอมกลั่นโอสถปราณเทวะได้ถึงขั้นยอดเยี่ยมแล้วแท้ๆ แต่หวูเฉินกลับหาได้ชื่นชมใดๆ
สุดท้ายนี้ โอสถปราณเทวะก็เป็นเพียงโอสถศักดิ์สิทธิ์รดับพื้นฐานชนิดหนึ่ง มันยังคงห่างไกลจากโอสถตราสวรรค์หนึ่งดาวไกลโข!
โอสถตราสวรรค์หนึ่งดาว เป็นโอสถที่หลอมกลั่นได้ยากเข็ญเสียยิ่งกว่าโอสถปราณลึกล้ำ!
ในจุดนั้น เย่หยวนจำต้องปลูกฝังแนวคิดความเข้าใจให้ลึกซึ้งกว่านี้เสียก่อน
ความเข้าใจนำมาสู่รากฐานที่มั่นคง!
ดูดซับโอสถปราณเทวะเข้าร่างกายเพื่อเปลี่ยนกลายเป็นพลังปราณเทวะ สิ่งนี้จะช่วยย้ำรากฐานให้หนักแน่นคงทนยิ่งกว่าเดิม
…………………………..
“นายท่านเย่ ในที่สุดท่านก็ออกจากการเก็บตัว! ครั้นล่าสุด ท่านนำโอสถปราณเทวะขั้นสูงมามอบให้แก่หงหยิงคนนี้เป็นกองพะเนิน หงหยิงทึ่งจนเกือบลืมหายใจ! สงสัยว่าคราวนี้ นายท่านเย่จะทำให้หงหยิงคนนี้ได้หยุดหายใจจริงๆกระมัง?”
เมื่อหงหยิงเห็นว่าเย่หยวนตรงออกมาจากห้องบ่มเพาะ นางก็เดินเข้าไปหาทันทีพร้อมยิ้มกว้างทักทายพลางกล่าวติดตลกหยอกล้ออีกฝ่ายเล็กน้อย
หลังจากที่ได้สนทนาคุยกันหลายครั้งเข้า เย่หยวนก็ดูสนิทชิดเชื้อกับหงหยิงขึ้นมาก โดยเฉพาะหลังได้รับของสนับสนุนมากมายจากนาง ทั้งผลึกปราณเทวะและสมุนไพรอีกเป็นคลัง
ซึ่งไม่นานมานี้เอง เย่หยวนก็ผลาญผลึกปราณเทวะและสมุนไพรที่ได้ไปเป็นจำนวนมหาศาลเช่นกัน จนแม้แต่หงหยิงที่รู้เรื่องยังพลันรู้สึกหนักใจอย่างลับๆ
ยิ่งสองสามวันก่อน มีคนจำนวนไม่น้อยที่เริ่มนำเรื่องนี้ไปนินทา
แต่โชคยังดี หลังจากผู้จัดการซูทราบเรื่อง ไม่เพียงเขาจพไม่กล่าวว่าตำหนิใดๆนาง แต่ยังออกหน้าชำระค่าสิ่งของเหล่านั้นแทน และไล่ระงับคำนินทาจนเงียบหายไป
อย่างไรก็ตามแต่ หากเย่หยวนเอาแต่รับอยู่ฝ่ายเดียวโดยปราศจากผลงานเด่น นี่อาจเป็นปัญหาสำหรับหงหยิงที่ย้อนเข้าตัวในภายหลัง
จึงกล่าวได้ว่า หงหยิงกำลังวางเดินพันครั้งใหญ่บนตักเย่หยวนอยู่!
นี่นางใจเด็ดกล้าเสี่ยงขนาดนี้ เพราะนางมองเห็นศักยภาพอันไร้ขัดจำกัดในตัวเย่หยวน!
หากนางสามารถซื้อใจนักหลอมโอสถอัจฉริยะให้ขึ้นตรงกับทางหอมหาสมบัติได้ ในอนาคตต่อไป ตำแหน่งของนางในหอมหาสมบัติจะต้องเลื่อนสูงขึ้นดั่งแพเรือที่ไหลไปตามกระแสน้ำ
เย่หยวนมองผ่านอ่านความคิดคนมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แล้วมีหรือจะไม่ทราบถึงแวววิตกที่เร้นซ่อนอยู่ในส่วนลึกบนนัยน์ตาคู่งามนั้น?
“ข้าเองก็มีข้อสงสัย โอสถเม็ดนี้จะมีทุนรอนมากพอให้ประหลาดใจหรือไม่?”
เย่หยวนคลี่ยิ้มบางเล็กน้อยและวางโอสถปราณเทวะขั้นยอดเยี่ยมไว้ต่อหน้าต่อตาหงหยิงทันที
คู่ม่านตาดำไสวของหงหยิงหดแคบแทบตีบตันเท่ารูเข็ม เงาสาดสะท้อนจากสายตานั่นเปี่ยมล้นความตื่นตะลึงสุดขีด
“ทะ-ท่าน…นายท่านเย่ นี่…นี่…ช่างน่าทึ่งเกินไปแล้ว!”
หงหยิงแทบสำลักกล่าวติดอ่างไม่เป็นภาษา
ไม่ว่าโอสถศักดิ์สิทธิ์ที่หลอมกลั่นได้จะอยู่ในระดับขั้นได้ แต่วัตถุดิบและอัตราส่วนที่ใช้ล้วนเท่าเดิมเหมือนกันหมด
นั้นหมายความว่า ขณะที่ราคาทุนเท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่ยิ่งหลอมกลั่นได้โอสถคุณภาพสูงเพียงใด ผลกำไรก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
ในทำนองเดียวกัน อธิบายได้ว่า ต้นทุนค่าวัตถุดิบของโอสถปราณเทวะอยู่ที่ผลึกปราณเทวะระดับต่ำสิบก้อนต่อเม็ด หากหลอมกลั่นได้เป็นขั้นยอดเยี่ยม ราคาขายอย่างต่ำที่สุดจะอยู่ที่ผลึกปราณเทวะระดับต่ำห้าร้อยก้อน!
ผลกำไรเพิ่มขึ้นสูงถึงห้าสิบเท่า!
หงหยิงจะไปคาดคิดได้อย่างไรว่า เย่หยวนจะสามารถหลอมกลั่นโอสถปราณเทวะขั้นยอดเยี่ยมได้เร็วปานนี้?
เย่หยวนยิ้มกว้างแจ่มใส พลางถอดแหวนเก็บของส่งให้แก่หงหยิงและกล่าวว่า
“ผลไม้สุกหอมถึงเวลาเก็บเกี่ยวแล้ว โอสถปราณเทวะไม่มีประโยชน์สำหรับข้า โอสถทุกเม็ดภายในนี้เป็นของหอมหาสมบัติเพื่อนำไปค้าขายต่อไป”
หงหยิงยื่นมือเข้ารับแหวนเก็บของวงนั้นและเพ็งจิตตรวจสอบทันที เฉพาะเสี้ยวอึดใจนี้ นางถึงกับตะลึงจนเหยื่อเย็นไหลบ่า
ภายในแหวนเก็บของวงนี้ได้จัดเก็บโอสถปราณเทวะเป็นหลักหลายโหล นอกจากนี้ในบรรดาพวกมันทั้งหมด โดยส่วนใหญ่เป็นโอสถขั้นสูงประมาณหกส่วน มีเพียงสี่ส่วนที่เหลือเป็นขั้นกลางและต่ำปะปนกันไป
ก่อนหน้านี้ จากการหลอมกลั่นครั้งต้นๆของเย่หยวน หงหยิงได้ประเมินไว้ว่า อัตราความสำเร็จของเย่หยวนอยู่ประมาณสามถึงสี่ส่วน
ซึ่งหากกล่าวตามจริง อัตราส่วนประมาณนี้นับว่าค่อนข้างสูงมากแล้ว!
แต่ตอนนี้ นางการันตีได้อย่างเต็มปาก อัตราความสำเร็จของเย่หยวนสูงถึงเจ็ดจากสิบส่วนแล้ว!
หรือก็คือ เขาแทบจะไม่ประสบความล้มเหลวเลย!
เย่หยวนคนนี้จัดได้ว่าน่ากลัวอย่างแท้จริง!
แม้แต่ผู้จัดการซูยังไม่สามารถทำได้ขนาดนี้เลยเช่นกัน
“นะ-นายท่านเย่ โปรดรอหงหยิงสักครู่ ข้าต้องรายงานเรื่องนี้กลับผู้จัดการซูโดยตรง! เรื่องใหญ่แบบนี้มันเกินความรับผิดชอบของหงหยิงคนนี้แล้วจริงๆ”
หงหยิงก้มศีรษะโค้งให้เย่หยวนหนึ่งที และจากไปพร้อมควานตื่นตะลึงสลักใจหาคลายอ่อนไม่
ด้วยบุคลิกนิสัยของเย่หยวน เขามิได้สนใจลาภยศหรือชื่อเสียงอันใดแม้สักนิด แต่ถ้าหากเขาไม่เผยความสามารถออกมาในยามแบบนี้ มันก็เป็นไปไม่ได้เช่นกันที่ เขาจะได้ฝ่ายหอมหาสมบัติมาช่วยหนุนหลังสนับสนุน
สิ่งที่เขาจำต้องเผชิญในขณะนี้คือตระกูลเหลียงที่ทรงอำนาจยิ่งในเมืองนี้ แถมทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขาเองก็ยังได้รับความเสียหนักจนเกินเยี่ยวยาภายในเวลาอันสั้น หากเขายังไม่หาขั้วอำนาจใดเข้ามาช่วยหนุนหลัง เวทีนี้กลับเป็นเรื่องยากที่จะหาที่เอาชนะตระกูลเหลียงได้
และเห็นได้อย่างชัดแจ้งว่า หอมหาสมบัติแห่งนี้คือผู้ช่วยที่ดีที่สุด
เย่หยวนเชื่อว่า มันเป็นไปไม่ได้แน่นอนที่ บุคคลระดับสูงของหอมหาสมบัติจะนิ่งดูดายอยู่เฉยๆ โดยหาได้แยแสดาวรุ่งดวงใหม่ที่กำลังจะแจ้งเกิดในถิ่นของตัวเองเช่นนี้
เขามั่นใจอย่างยิ่งในเรื่องนี้ เพราะพัฒนาการในช่วงหลายวันที่ผ่านมา แม้แต่หวูเฉินยังอดทึ่งมิได้ แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่หอมหาสมบัติจะไม่แยแสเขาเลย?
แค่โอสถปราณเทวะขั้นยอดเยี่ยมเพียงเม็ดเดียวมันก็เพียงพอแล้ว!
………………………..
“เจ้ากำลังบอกว่า เยาว์ชนหนุ่มที่ชื่อเย่หยวนสามารถหลอมกลั่นโอสถปราณเทวะขั้นยอดเยี่ยมได้ด้วยค่ายกล?”
ชายคนหนึ่งในชุดอาภรณ์หวูหราตกใจอย่างยิ่งเมื่อได้ฟังรายงานจากปากของผู้จัดการซู
ผู้จัดการซูพยักหน้าและกล่าวตอบว่า
“ขอเดิมพันด้วยประสบการณ์ทั้งหมดของเราชายชรา เรื่องนี้เป็นความจริงแน่นอน! ทั้งผลึกปราณเทวะและสมุนไพรทั้งหมด เขาได้ซื่อจากทางเราและเช่าห้องบ่มเพาะเพื่อใช้เป็นสถานที่หลอมกลั่น ทุกกระบวนการตั้งแต่ต้นจบจนล้วนอยู่นาสายตาของพวกเราหอมหาสมบัติ จากที่พินิจวิเคราะห์ เขาน่าจะหลอมกลั่นโดยใช้วรยุทธค่ายกลเต๋ากลั่นโอสถ,ค่ายกลปราณเทวะชั้นต้น!”
ชายในชุดอาภรณ์หรูครึ่นรำพึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวขึ้นว่า
“หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ หอมหาสมบัติของเราก็โชคดีค้นพบเพชรน้ำงามเข้าให้แล้ว! แต่เจ้าตรวจสอบภูมิหลังของเด็กคนนั้นมาดีแล้ว?”
ผู้จัดการซูกล่าวตอบว่า
“ทำการตรวจสอบเป็นที่เรียบร้อย เขาได้รับการช่วยเหลือจากคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเหลี่ยงกลางระหว่างเดินทางกลับเมือง ส่วนความเป็นมาโดยกำเนิดกลับไม่ทราบ แต่ตอนนี้…พวกตระกูลเหลียงกำลังออกตามล่าตัวเขาอยู่ เกรงว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากระตระกูลเหลียงหลังจากนั้นจะไม่ค่อยดีนัก นั่นจึงเป็นเหตุให้เขาต้องหลบซ่อนตัวอยู่ในหอมหาสมบัติและหลอมโอสถแลกเงินเพื่อประทังชีวิต”
ผู้จัดการซูกล่าวเล่าเรื่องราวความเป็นมาทั้งหมดของเย่หยวนให้อีกฝ่ายฟัง
ชายในชุดอาภรณ์หรูประหลาดใจชั่วขณะเมื่อได้ฟังเรื่องราว และกล่าวขึ้นประดับรอยยิ้มบางว่า
“เป็นเช่นนี้นี่เอง เขาจงใจเปิดเผยความสามารถให้พวกเขาเห็น เพื่อขอหลักประกันความคุ้มครองจากทางเรา?”
ผู้จัดการซูกล่าวตอบพร้อมรอยยิ้มว่า
“ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น!”
ชายในชุดอาภรณ์หรูรำพึงกับตัวเองอีกสักพัก ก่อนจะเอ่ยปากกล่าวต่อว่า
“หากเป็นไปตามที่เจ้ากล่าวไป เด็กคนนั้นคงเริ่มศึกษาในเส้นทางแห่งโอสถได้ไม่นาน แต่พรสวรรค์กลับน่ากลัวยิ่งนัก! ด้วยสิ่งนี้จะนำพาเขาไปสู่ความสำเร็จอันไร้ขอบเขตในอนาคต! อัจฉริยะประเภทนี้ หากกลุ่มอิทธิพลใดในเมืองกุยฉางทราบเรื่องเข้า มีหวังจับจ้องตาเป็นมัน! เว้นเสียว่าพวกเราจำใจตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ฆ่าเด็กคนนี้ทิ้งไป! มิฉะนั้นห่กปล่อยไว้ อาจเป็นการสร้างศัตรูในอนาคต! เพียงแต่ตอนนี้เราไม่มีเหตุผลที่ต้องทำเช่นนั้น! ผู้จัดการซู เจ้าจงไปยื่นขอเสนอว่าจ้างเย่หยวนให้มาเป็นอาคันตุกะนักหลอมโอสถของหอมหาสมบัติ ส่วนค่าใช้จ่ายทั้งหมดของเขาให้มาลงในบัญชีของทางหอมหาสมบัติโดยตรง นอกจากนี้ เขายังไม่สามารถป้องกันตัวเอง เช่นนั้นส่งหลัวเจียไปคุ้มกันเขา”
ผู้จัดการซูโค้งคำนับให้อีกฝ่ายและกล่าวว่า
“ท่านประมุขหอช่างปรีชายิ่งนัก!”
ผู้จัดการซูทราบดี ประมุขหอหยางรุ่ยผู้นี้เป็นคนมองการณ์ไกล ความคิดอ่านเฉียบคมไม่เป็นสองรองใคร เพียงได้ฟังก็เห็นถึงศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดในตัวเย่หยวนได้ทันที
หยางรุ่ยระเบิดเสียหัวเราะคำโต
“ตาเฒ่า อายุปูนนี้ก็เลิกประจบข้าได้แล้ว! โอ้ใช่แล้ว งานนี้หงหยิงทำได้ดีมาก พนักงานมากความสามารถแบบนี้ควรส่งเสริม มอบโอสถปราณเทวะขั้นสวรรค์แก่นาง”
ผู้จัดการซูกล่าวตอบอย่างยิ้มแย้มว่า
“เช่นนั้นตาเฒ่าคนนี้ขอขอบคุณท่านประมุขหอในนามของหงหยิง”