เตะชนแผ่นเหล็ก
“อะ-อาคันตุกะนักหลอมโอสถ? น้องหลัว เจ้าเข้าใจอะไรผิดไปหรือไม่? คนพิการจะไปหลอมกลั่นโอสถได้อย่างไร?”
พลางกล่าวออกไปแบบนั้น แค่เหลียงหมิงอี้รู้สึกได้ว่า นี่หาใช่เรื่องตลกไม่!
แต่…เย่หยวนไม่มีแม้แต่ร่องรอยพลังปราณเทวะหลงเหลืออยู่ในกายาเลย แล้วจะไปใช้อะไรหลอมกลั่นกัน?
อย่างไรก็ตาม หลัวเจียผู้นี้คือยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งหอมหาสมบัติ ซึ่งเป็นถึงเซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นปลาย!
ชายผู้นี้คลั่งดาบยิ่งกว่าข้าวสามมื้อ เพลงดาบของเขาสำเร็จถึงระดับสูงสุด พลังฝีมือถึงขั้นที่ว่าเทียบเทียมได้กับเซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าขั้นสุด ไม่เป็นรองหรือเสียเปรียบกว่าอันใด
ชายผู้นี้มิใช่บุคคลที่จะไปยั่วยุได้เลย!
ดังนั้น เหลียงหมิงอี้จึงตกใจแทบสะดุ้งโหย่ง ที่จู่ๆหลัวเจียปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า
ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ยามนี้ไม่ต้องสงสัยแล้วว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเย่หยวนกับหอมหาสมบัติหาใช่ตื้นเขินไม่
หลัวเจียผู้นี้มิใช่คนที่ชายพอการไร้ความสามารถอย่างเย่หยวนจะสามารถสั่งให้ทำโน้นทำนี่ได้
แต่ใครจะทราบ หลังจากหลัวเจียกล่าวจบประโยคไป เขาก็มิได้เอ่ยปากส่งเสียงใดๆอีกเลย ราวกับกลับกลายมาเป็นคนใบ้อีกครั้ง
ท่าทีสุขุมเยือกเย็นชนิดนี้ ส่อแววน่าเกรงขามสุดขีด
“ท่านประมุขเหลียง ดูท่าท่านยังคงกังขาสงสัย ถ้าอยากรู้ก็มาค้นหาคำตอบเอาเอง…หากท่านมีความสามารถพอ”
เย่หยวนกล่าวขึ้นพร้อมเหลียวหางตาจับจ้องอย่างหยามเหยียด
เหลียงหมิงอี้อดสำลักมิได้เมื่อได้ยินแบบนั้น ทว่าเขาในตอนนี้กลับต้องระมัดระวังเป็นหลายเท่าตัว
เขาหาใช่คู่มือของหลัวเจียผู้นี้ได้เลย!
หวังเพียนหลานเร่งโพล่งตะคอกขึ้นทันทีด้วยความกระวนกระวายไม่เป็นดั่งใจ
“หมิงอี้ เจ้าจะไปกลัวพวกมันทำไม? เมืองกุยฉางแห่งนี้หาใช่อาณาเขตของพวกมันหอมหาสมบัติ แถมยังมีพวกเขาตระกูลหวังคอยหนุนหลังอีก แล้วหอมหาสมบัติจะไปทำอะไรได้? ไปเรียกท่านลุงสองมา ข้าอยากจะรู้เสียจริงว่าหลัวเจียมันจะมีดีอย่างที่กล่าวขานจริงๆหรือไม่!”
หวังเพียนหลานกระชากแขนเสื้อดึงสติเหลียงหมิงอี้ นางพยายามแสดงให้เห็นว่า สุดท้ายนี้เย่หยวนกลับไม่มีค่าอันใดให้ต้องหวาดกลัว
ซึ่งในท้ายที่สุด ยังคงเป็นเพราะความโลภที่ครอบงำจิตใจไม่เสื่อมคลาย
สีหน้าการแสดงออกของเขาสงบเยือกเย็นขึ้นในเวลาต่อมา ก่อนเอ่ยสั่งไปว่า
“ไปเชิญท่านลุงสองมา! บอกเพียงว่ายามนี้ตระกูลเหลียงประสบหายนะ มีศัตรูโฉดชั่วบุกเข้ามา โปรดท่านลุงสองยื่มมือช่วยเหลือ! ส่วนพวกเจ้าที่เหลือเข้าโจมตีพร้อมกัน ข้าไม่เชื่อหรอกว่า หลัวเจียจะมีปัญญาปกป้องไอ้พิการนั้นได้หมด!”
ภายใต้คำสั่งการของเหลียงหมิงอี้ เหล่าเซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าต่างรุดระดมพล ตีกรอบห้อมล้อมพวกเย่หยวนทั้งสามไว้อีกครั้ง
ด้วยเหตุนี้เอง สถานการณ์ถึงพลิกกลับสู่วิกฤติอีกครั้ง
ทว่าเย่หยวนกับหลัวเจียทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น พวกเขายังคงก้าวแช่มออกไปโดยหาได้สนใจรอบข้างแม้แต่น้อย พร้อมกำลังจะเดินจากไป
เผชิญกับพวกเขาที่ทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนแบบนี้ เหล่ายอดฝีมือตระกูลเหลียงต่างครั่นคร้ามขึ้นหลายส่วน ถึงยังตีกรอบล้อมเช่นนั้น แต่กลับไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหวเปิดฉาก
“รีบๆฆ่าพวกมันสักที! หากใครขัดขืนนับเป็นศัตรูกับตระกูลเหลียงและตระกูลหวัง!”
หวังเพียนหลานโวยวายเสียงดังลั่น ทุกคนได้ฟังเช่นนั้น ตัวสั่นเทาด้วยความวิตก
ท้ายที่สุดนี้ พวกเขาได้แต่กัดฟันเริ่มเคลื่อนไหวอย่างจนใจ แต่ยังไม่ทันยกไม้ยกมือ สายลมกระโชกแรงหอบใหญ่ตัดผ่านหน้าทันทีทันควัน
“อ๊ากกกก!!”
เสียงกรีดร้องคร่ำครวญอย่างสุดแสนเวทนาดังกึกก้อง มือของเหล่ายอดฝีมือตระกูลเหลียวถูกตัดขาดสะบั้นหลุดลอยเคว้งกลางอากาศ ยามนี้ทั่วทั้งบริเวณกลางเป็นบ่อน้ำพุเลือดสดที่พุ่งกระชูดไม่หยุดหย่อน
ยังไม่ทันเห็นว่าหลัวเจียโจมตีตั้งแต่ตอนไหน ทว่ายามได้สติอีกครั้ง ข้อมมือของพวกเขาทุกคนก็ถูกตัดขาดไปเสียแล้ว
พวกที่เหลือรอดถึงกับขวัญเสียหนัก คู่ขาสั่นเทาก้าวไม่ออกแม้สักนิด
ไม่ว่าหวังเพียนหลานจะตะโกนขู่เข็ญอย่างไร ทว่าพวกเขาเองก็ไม่กล้าเคลื่อนไหวแล้วเช่นกัน
กระทั่งการโจมตีของอีกฝ่ายยังมองไม่เห็นด้วยซ้ำ แล้วจะเอาอะไรไปสู้?
เย่หยวนกับหลัวเจียยังคงก้าวแช่มออกไปโดยไม่แยแสใดๆ พร้อมตรงออกไปถึงหน้าประตูตระกูลเหลียงเตรียมจากไปไม่เร่งไม่รีบ
การปรากฏตัวในครั้งนี้ ราวกับหน้ามือเป็นหลังมือโดยแท้
ตระกูลเหลียงไม่สามารถทำอะไรเย่หยวนได้เลย
เหลียงหมิงอี้เองก็เป็นเพียงเซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นกลาง ต่อหน้าหลัวเจียผู้นี้ มีหรือจะกล้าแม้แต่จะขยับตัว?
เหลียงหมิงอี้ทราบดี หลัวเจียไม่เคยสนใจเลยว่าศัตรูหรือคู่ต่อสู้ของเขาจะแข็งแกร่งเพียงใด เพราะเขาย่อมทุ่มสุดตัวถึงเลือดถึงเนื้อเมื่อต้องออกโรง
ไม่แกตายข้าก็พินาศ!
ขณะที่เย่หยวนและหลัวเจียกำลังจะออกไป เหลียงหมิงอี้และหวังเพียนหลานพลันถอดสีหน้าทันที
ทว่าเวลานั้นเอง ทัศนียภาพเบื้องหน้าพลันเบลอพร่าหนัก ชายชราคนหนึ่งปรากฏกายขึ้นขวางหน้าประตูตระกูลเหลียง
“ท่านลุงสอง!”
ยามนี้เมื่อเหลียงหมิงอี้เห็นชายชราคนนั้น เขาก็ดีอกดีใจอย่างยิ่ง
ชายชราคนนี้เป็นลุงคนรองของเหลียงหมิงอี้ และยังมีพลังฝีมือสูงที่สุดของตระกูลเหลียงในปัจจุบัน เซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นปลาย,เหลียงฮุย
“หมิงอี้ เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ก่อนหน้าที่กำลังจากการปลีกวิเวก เขาเองก็ยังได้ยินกรีดร้องดังระงมทั่วทั้งลานกว้างหลังตำหนัก
“ท่านลุงสอง หวางหรูถูกไอ้บัดซวบสองตัวนั้นลักพาตัวไป! ทั้งๆที่นางมีจิตเมตตาช่วยชีวิตระหว่างทาง แต่ใครจะไปรู้ไอ้บัดซบนี่กลับเป็นหมาป่ากระหาย จ้องครอบครองความงามของหวางหรู จนถึงขั้นบุกเข้ามาในตระกูลเหลียงโดยตรงเช่นนี้!”
เหลียงหมิงอี้กล่าวขึ้น
เมื่อเหลียงฮุยได้ยินแบบนั้นพลันอดโมโหมิได้ เขาสาดสายตาใส่เย่หยวนเจือแววอำมหิตเปี่ยมล้นและกล่าวว่า
“ปรากฏว่า มีคนพิการกล้าอวดดีกับตระกูลเหลียงของข้าจริงๆ?”
เหลียงหมิงอี้เร่งกล่าวต่อ
“มิทราบเลยว่าไอ้เด็กบัดซบนี้หยิบใช้กลอุทายอันใดออกมา ถึงได้ล่อลวงให้หอมหาสมบัติถึงขั้นออกโรงมาปกป้องขนาดนี้! ถึงขั้นที่ว่าฝ่ายนั้นส่งหลัวเจียออกมาคอยคุ้มกัน มันจึงได้ใจบุกทำร้ายพวกเราเช่นนี้!”
เหลียงฮุยสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนปราดสายตาเหลียงมองไปยังชายในชุดซอมซ่อที่อยู่ด้านหลังเย่หยวน
เหลียงหมิงอี้เห็นแบบนั้น กล่าวเสริมเติมต่อว่า
“ท่านลุงสอง ยามนี้มีแค่เหลัวเจียตามลำพัง จัดการเสร็จสรรพ จับไอ้เด็กพิการนี้มาทรมานเป็นบทเรียน!”
สีหน้าเหลียงฮุยมืดขรึมลง เขาพยักหน้ากล่าวตอบว่า
“ไม่มีปัญหา! พลังฝีมือหลัวเจียผู้นี้นับว่าแกร่งกล้า เราชายชราจะสกัดยับยั้งเอาไว้ ยามนั้นเร่งไปจับตัวเด็กนั้นมาลงโทษ!”
เหลียงหมิงอี้รู้สึกตื่นอกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งเมื่อได้ฟังเช่นนั้น
“โปรดมั่นใจเถอะ ไอ้เด็กนั้นแค่คนพิการ กลับหาใช่ปัญหาไม่!”
เหลียงฮุยพยักหน้าตอบ ยามนี้หันมากล่าวกับหลัวเจียว่า
“หลัวเจีย! เจ้าเป็นถึงจอมดาบอันดับหนึ่งแห่งหอมหาสมบัติ แต่วันนี้ เจ้ากลับรังแกตระกูชลเหลียงของข้าจนเกินไป! เราชายชราขอท้าพิสูจน์ นามขานจอมดาบอันดับหนึ่งแห่งหอมหาสมบัติ ตัวเจ้าสมควรได้รับจริงหรือเท็จ!”
หลัวเจียยังคงยืนเงียบไม่ไหวติง ราวกับว่าบนผืนพิภพแห่งนี้มีเพียงเขาอยู่ตัวคนเดียว
เหลียงฮุยสีหน้ามืดตก ร่างของเขาพุ่งปราดตรงออกไปทันที มือข้างหนึ่งเรียกดาบวิเศษจับกระชับแน่น เพียงเสี้ยวประกายแสงวูบวาบ กลับหาทราบไม่ว่าคมดาบก็ลุถึงหลัวเจียตั้งแต่เมื่อไหร่
ระหว่างระดับชั้นของอาณาจักรปฐมพระเจ้า กลับเป็นช่องว่างที่หาสิ่งใดทดแทนไม่ มันเหลื่อมล้ำชนิดนี้กว้างใหญ่ประดุจฟ้าดิน
ถึงหลัวเจียนและเหลียงฮุยจจะเป็นเซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นปลายเหมือนกัน แต่ด้วยประสบการณ์ตามอายุ กลับยังปรากฏระยะห่างอยู่พอสมควร
ซึ่งความแกร่งกร้าวของเหลียงฮุยเองก็เข้าใกล้อาณาจักรปฐมพระเจ้าขั้นสุดแล้วเช่นกัน ผนวกกับประสบการณ์สุดเจนจัด กระบวนโจมตีนี้สะเทือนฟ้าสะท้านปฐพีอย่างแท้จริง
ในขณะเดียวกัน เหลียงหมิงอี้เองก็เคลื่อนไหวออกมาอย่างพร้อมเพรียง!
เป้าหมายของเขาก็คือเย่หยวน!
แม้หลัวเจียจะได้ชื่อว่าเป็น จอมดาบอันดับหนึ่งแห่งหอมหาสมบัติ แต่เนื่องจากพลังฝีมือของเขาใกล้เคียงออกเป็นรองเหลียงฮุยอยู่หนึ่งส่วน การจะสลัดออกจากเหลียงฮุยให้หลุด กลับเป็นไปได้ภายในเวลาอันสั้น
ทว่าทันใดนั้นเอง ยามนี้กลับมีพายุคลั่งก่อตัวขึ้นฉับพลัน!
เกร๊งงง!
คล้ายเสียงกริ่งแหลมคมแผดดังขึ้น!
ในที่สุด ทุกคนต่างก็ได้เห็นหลัวเจียจับดายขึ้นมาประจักษ์แก่สายตาเสียที!
ไร้ซึ่งจิตสังหารแห่งดาบ ปราศจากพลังปราณเทวะ สิ่งเดียวที่เห็นมีเพียงคมดาบยาวที่ยกชูชันขึ้นมา
เกร๊งงง!
เสียงโลหะปะทะแผดก้อง
พร๊วดดด!
ดาวยาวของหลัวเจียแทงทะลุกลางอกของเหลียงฮุยเข้าอย่างโหดเหี้ยม
อย่างไรก็ตามแต่ พลังสภาวะกลับหาได้ลดทอนลงแม้แต่น้อย ร่างของเหลียงหมิงอี้เพิ่งทะยานได้ครึ่งทาง ยามนี้พลันต้องสกัดต้านคมดาบของหลัวเจียที่ปราดพุ่งเข้ามาแทน!
คู่ดาบยาวเข้าปะทะ สะเก็ดไฟสาดกระเซ็นจากคมโลหะ ผู้คนโดยริบได้แต่จับจ้องด้วยความหวาดกลัว เนื่อตัวสั่นเทาไม่หยุดหย่อน
“นี่…ไฉนถึงแข็งแกร่งปานนี้? อีกเพียงก้าวเดียว ผู้อาวุโสสองก็ทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรปฐมพระเจจ้าขั้นสุดแล้วแท้ๆ แต่ไฉนถึงพ่ายต่อหลัวเจียในหนึ่งกระบวนเช่นนี้!”
“ทำอะไรได้? จอมดาบอันดับหนึ่งแห่งหอมหาสมบัติช่างแกร่งกล้าสมคำล่ำลือ!”
“ตอนนี้ตระกูลเหลียงเตะชนแผ่นเหล็กแข็งแล้วจริงๆ หอมหาสมบัติกลับมิใช่กลุ่มอิทธิพลที่ควรยั่วยุเลย!”
เหล่ายอดฝีมือตระกูลเหลียงที่ยังเหลือต่างประหลาดใจยิ่งกับภาพฉากเมื่อครู่ ในขณะที่เย่หยวนยังคงอุ้มเหลียงหวางหรู พร้อมก้าวย่างออกจากประตูตระกูลเหลียงไปโดยหาได้แยแสใดๆไม่