ตอนที่1328 ไล่จับเต่าในขวด
การปรากฏตัวของหวังอวีเต๋าและคนอื่นๆ ล้วนทำเอาเจ็ดวีรบุรุษสายลมหยินประหลาดใจยิ่งยวด พวกเขายืนแข็งทื่อในทันใด
แต่ฉางเหลียนตอบสนองมีฏิกิริยาโต้ตอบรวดเร็วที่สุด ได้ฟังแบบนั้นเขาเข้าใจสถานการร์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้ในทันที
ในขณะเดียวกับ ยามทราบความจริง ตัวเขากลับตื่นตะลึงไม่น้อย
มิใช่ว่าอาคันตุกะนักหลอมโอสถของหอมหาสมบัติเป็นคนพิการหรอกรึ? ไฉนพบหน้ากันจริงๆกลับทรงพลังแกร่งกล้าขนาดนี้?
ฉางเหลียนในปัจจุบันยืนยันได้แล้วว่า เด็กหนุ่มคนนั้นที่เข้าไปยังถ้ำราชันย์แห่งภูตก็คือ อาคันตุกะนักหลอมโอสถของหอมหาสมบัติ,เย่หยวน!
“ท่านผู้สูงส่ง ฉางคนนี้หาเข้าใจไม่ ท่านกล่าวถึงสิ่งใด? หากข้ามีความสามารถถึงขั้นทำลายป้ายตราตรวจจับได้ ข้าคงไม่ต้องเสี่ยงตายในสุสานสายลมหยิน เพื่อเสาะหาสมบัติขายประทังชีวิตเช่นนี้ตลอดทั้งปี!”
ฉางเหลียนกล่าวขึ้นพร้อมผสานมือคำนับอีกฝ่าย
หนึ่งความคิดโฉบแล่นดั่งสายฟ้าสว่างวาบ ก่อนเร่งเอ่ยปากให้การปฏิเสธทันที ยามนี้โอกาสของพวกเขามีเพียงน้อยนิดเท่านั้น
ซึ่งในความเป็นจริง ฉางเหลียนก็ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า ตลอดที่ผ่านมาเด็กหนุ่มคนนั้นก็คือเย่หยวนที่ตระกูลหวังกำลังตามล่า
อย่างไรก็ตาม หวังอวีเต๋ากลับเค้นเสียงหัวเร่อเย็นสั่นกระเพือมยามได้ยินแบบนั้น เขากล่าวตอบว่า
“เจ้าเลิกเล่นลิ้นได้แล้วกระมัง? สิ่งเดียวที่ข้าเชื่อคือความจริงที่เห็นด้วยสองตาคู่นี้! พวกเราได้สอบถามผู้คนโดยรอบนี้มาแล้ว ทุกคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกัน หลังจากที่ไอ้เด็กเหลือขอนั้นเข้ามาในสุสานสายลมหยิน กลับเป็นพวกเจ้าที่นำทางมันมาโดยตลอด ต่อให้พิจารณาแค่จุดนี้ พวกเจ้าก็สมควรตายแล้ว!”
ฉางเหลียนคร่ำครวญสบถขึ้นภายในใจอย่างลับๆ แต่ยังคงปั้นสีหน้าใสซื่อมึนงงพลางเอ่ยถามว่า
“ท่านผู้สูงส่ง เราผู้ต่ำต้อยไม่ทราบจริงๆว่าท่านกำลังกล่าวถึงเรื่องอันใด! ความจริงก็คือ มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเสนอผลึกปราณเทวะจำนวนเจ็ดพันก้อนเป็นค่านำทาง แต่…ฉางคนนี้ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า เด็กหนุ่มคนนั้นกลับเป็นคนที่ผู้สูงส่งนั้นตามหาอยู่!”
หวังอวีเต๋าเอ่ยเสียงเย็นแผดดังว่า
“ไม่ว่าจะเล่นลิ้นอย่างไรกลับเปล่าประโยชน์ ความจริงกลับหนีไม่พ้น พวกเจ้าให้ความช่วยเหลือไอ้เด็กเหลือขอนั้นจริงๆ! พวกเจ้า! จับพวกมันมา! ใครคิดขัดขืนฆ่าได้ทันที!”
คำกล่าวของหวังอวีเต๋า ได้ดับความหวังสุดท้ายของฉางเหลียนจนหมดสิ้น
สีหน้าแปรเปลี่ยนในทันใด ฉางเหลียนโพล่งตะโกนดังลั่น
“พวกเจ้ารีบหนีเข้าไปในถ้ำ!”
ในเวลานี้ทางหนีทุกด้านถูกปิดผนึกโดยสมบูรณ์ มีเพียงถ้ำราชันย์แห่งภูตเท่านั้นที่เป็นทางหนีเดียวของพวกเขา
พบเห็นภาพฉากเช่นนั้น หวังอวีเต๋าตอบสนองทันควัน ขณะยกฝ่ามือกระหน่ำตบออกไปทันที!
“พวกมดปลวกไม่รู้จักเป็นตาย!”
ขุมพลังปราณเทวะสุดแกร่งกร้าวระเบิดคลั่งในทันใด คลื่นพลังฝ่ามือขนาดยักษ์อัดอากาศปราดเข้าใส่พวกเขาทั้งเจ็ดโดยตรง
ฉางเหลียนเผยสีหน้าน่าเกลียดอย่างหาที่เปรียบไม่ พร้อมตะโกนลั่นขึ้นว่า
“พวกเจ้ารีบเข้าไปเร็ว!”
ยามนี้เขาระเบิดความแข็งแกร่งอาบท่วม รีดเร้นพลังปราณเทวะทั้งหมดออกมาสุดชีวิต หวังเพื่อสกัดต้านการโจมตีของหวังอวีเต๋า
อย่างไรก็ตามแต่ นี่กลับเป็นเพียงมดน้อยพยายามโค้นต้นไม้!
เผชิญหน้ากับเซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าขั้นสุดเฉกเช่นหวังอวีเต๋า ฉางเหลียนกลับไร้ซึ่งคุณสมบัติที่จะต่อกรโดยสิ้นเชิง
อย่างไรก็ตามแต่ ฉางเหลียนตัดสินใจเด็ดขาดหวังใช้ชีวิตแลกชีวิต ยอมตายเพื่อปกป้องน้องๆทั้งหกให้หนีเข้าถ้ำไปได้!
แม้‘เจ็ดวีรบุรุษสายลมหยิน’หาใช่คนดีอะไร แต่เมื่อเผชิญหน้ากับหายนะที่คืบคลานเข้ามา เรื่องมิตรภาพกลับมาเป็นอันดับหนึ่ง
ในฐานะที่เป็นพี่คนโต ฉางเหลียนไม่คิดลังเลแม้แต่น้อย ยอมสละชีพเพื่อเข้าขวางหอกแทนน้องๆ!
แต่ในเวลานั้นเอง จู่ๆกลับมีอีกสองร่างพุ่งออกมารับหน้าแทนฉางเหลียน
“พี่ใหญ่จงมีชีวิตอยู่ต่อไป ฝากแก้แค้นไอ้บัดซบพวกนี้แทนพวกเรา!”
สองคนนั้นกลับเป็น น้องสามและน้องเจ็ด!
ดวงตาของฉางเหลียนแดงกล่ำแปรเปลี่ยนเป็นสีเลือดสด
ทว่ายามนี้ฝ่ามือของกวังอวีเต๋าปราดลุถึงตรงหน้าแล้ว แม้เขาอยากจะช่วยเพียงใด แต่กลับสายเกินไปแล้วเช่นกัน!
บูมมมมม!
อนุภาพทำลายล้างอันมหาศาลชนิดนี้ ได้บดขยี้น้องสามกับน้องเจ็ดกระเด็นออกไปไร้ทิศทาง
ฉางเหลียนโดนลูกหลงไปไม่น้อย เขากระอักพ้นเลือดสดคำโตพร้อมน้ำตา ขณะรายรอบปรากฏเป็นร่างน้องสามและน้องเจ็ดที่หยุดหายใจเป็นที่เรียบร้อย
แต่ฉางเหลียนเป็นคนเด็ดขาดยิ่ง เขาทราบดีว่าตอนนี้หาใช้เวลามามัวลังเลเสียใจ ยามนี้เร่งคลานขึ้นจากพื้นดินและมุ่งหน้าหนีเข้าไปในถ้ำราชันย์แห่งภูตทันที
แม้ว่าฝ่ามือของหวังอวีเต๋าจะสามารถเด็ดชีพน้องสามกับน้องเจ็ดได้ในพริบตา แต่กว่าฝ่ามือนั้นจะมาถึงฉางเหลียน อนุภาพกลับถูกสองคนนั้นช่วยลดทอนได้มาก ยามนี้หยิบยืมแรงระเบิดจากฝ่ามือให้เป็นประโยชน์ ปราดพุ่งเข้าไปในถ้ำราชันย์แห่งภูตทันที
ด้วยความเร็วของเขาผนวกกับแรงระเบิดที่พลักไสออกไป จึงล่วงลุเข้าไปในถ้ำได้อย่างรวดเร็ว
“พี่สอง เราควรทำอย่างไรต่อไปดี?”
หวังอวีกั่นเอ่ยถาม
“ควรทำอะไรงั้นรึ? ก็ตามมันเข้าไปไง! สถานการณ์ในตอนนี้กลับไม่ต่างอะไรกับไล่จับเต่าในขวด!”
หวังอวีเต๋ากล่าวขึ้นโดยใช่ลังเลไม่
ในเวลาเดียวกัน ยอดฝีมือคนหนึ่งพลันเอ่ยขึ้นด้วยความหวาดกลัว
“ตะ-แต่…นายท่าน สถานที่แห่งนี้คือ…ถ้ำราชันย์แห่งภูต!”
ยอดฝีมือคนนี้นับเป็นขาประจำในสุสานสายลมหยินเช่นกัน และยังเป็นคนนำทางพวกตระกูลหวังมายังที่นี่
สีหน้าของหวังอวีเต๋ากดต่ำเหยียบเย็นลงในทันใด ก่อนกล่าวขึ้นว่า
“ถ้ำราชันย์แห่งภูต?”
ยอดฝีมือผู้ทำหน้าที่นำทางกล่าวอธิบายว่า
“ถ้ำราชันย์แห่งภูตเป็นจุดที่อันตรายที่สุดแล้วในสุสานสายลมหยิน มีวิญญาณชั่วซ่องสุมอยู่ในนั้นนับไม่ถ้วน นอกจากนี้ยังมีคำเล่าขานกันว่า ส่วนลึกที่สุดของถ้ำราชันย์แห่งภูตยังมีวิญญาณชั่วสองดาวดำรงอยู่! หากบังเอิญพบเจอวิญญาณชั่วสองดาวนั้นเข้า เกรงว่าได้แต่ทิ้งชีวิตอยู่ภายในนั้น!”
สีหน้าของหวังอวีเต๋าเปลี่ยนไปคล้ายกังวลขึ้นหลายส่วนเมื่อได้ฟัง แต่ขณะเดียวกับก็พลันโล่งใจในเวลาต่อมา เค้นเสียงเหยียบเย็นเอ่ยขึ้นว่า
“แล้วอย่างไร? ข้าไม่เชื่อหรอกว่าไอ้เด็กเหลือขอนั้นจะกล้าเข้าไปยังส่วนลึกภายในถ้ำ! ตามไปเร็ว!”
ยอดฝีมือคนนั้นถึงกับทำอะไรไม่ถูก แลเห็นทุกคนโถมกำลังวิ่งเข้าไปภายในถ้ำราชันย์แห่งภูต จึงทำได้แต่วิ่งตามไปเท่านั้น
…………………….
พวกฉางเหลียนทั้งห้าไม่เคยเข้ามาในถ้ำราชันย์แห่งภูตมาก่อน สถานที่แห่งนี้นับเป็นอาณาเขตต้องห้ามสำหรับนักสู้เผ่ามนุษย์อย่างพวกเขา
ดังนั้นหลังจากที่ทั้งห้าหนีเข้ามาในถ้ำ แต่ละคนจึงไม่กล้าเคลื่อนไหวอันใดมากนักและเกาะกลุ่มกันไป
แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดคือ ระหว่างทางที่ผ่านมา พวกเขากลับไม่พบวิญญาณชั่วเลยแม้แต่ตนเดียว!
ไม่ทราบเช่นกันว่าทั้งห้าเดินเท้าเข้าสำรวจนานเพียงใด แต่ทันใดนั้นเบื้องหน้า พวกเขาพลันเห็นร่างๆหนึ่งกำลังนั่งสมาธิอยู่อย่างนิ่งสงบ
“พี่ใหญ่ นั้น…นั้นมันไอ้เด็กเหลือขอมิใช่รึ?!”
“หากมิใช่เพราะไอ้เด็กคนนี้ น้องสามกับน้องเจ็ดคงไม่ต้องมาตายแบบนี้เช่นกัน! แค้นนี้เราจะชำระให้เอง!”
“พี่ใหญ่ ฆ่าไอ้เด็กเหลือขอนี่เถอะ! แก้แค้นให้พี่สามกับน้องเจ็ด!”
เหล่าพี่น้องที่เหลือต่างกลับไปพลางน้ำตาซึมไป เห็นได้ชัดว่า การตายของน้องสามและน้องเจ็ด พวกเขาไม่สามารถยอมรับได้แม้แต่น้อย
ทั้งหมดทราบดี พวกเขาหาใช่คู่มือของหวังอวีเต๋าได้เลย ดังนั้นจึงหันมาระบายความโกรธใส่เย่หยวนแทน
ฉางเหลียนในยามนี้เองก็บาดเจ็บมิใช่น้อย เขาเป็นเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตออกจากฝ่ามือของหวังอวีเต๋ามาได้
เห็นว่าน้องๆของตนโพล่งสบถด่าด้วยความขุ่นเคือง เขากลับไม่ค่อยพอใจนัก สีหน้าการแสดงออกของเขาน่าเกลียดถึงขีดสุด
“พวกเจ้า ความอยุติธรรมล้วนต้องมีคนชดใช้ก็จริง แต่คนใดก่อบัญชีแค้นคนนั้นต้องชดใช้! น้องสามกับน้องเจ็ดถูกตายฆ่าด้วยฝีมือของหวังอวีเต๋า ดังนั้นคนที่ต้องชดใช้ควรเป็นมัน! เรากับน้องเล็กเย่เป็นเพียงคู่ธุรกิจระหว่างทางเท่านั้น อย่าแก้แค้นส่งเดช!”
ฉางเหลียนกล่าวขึ้น
สุ้มเสียงเหล่านี้เอง ทำให้เย่หยวนค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างแช่มช้า ก่อนเหลียวมองฉางเหลียนเจือประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนเอ่ยปากกล่าวว่า
“ตระกูลหวังมันไร้ยางอายกว่าที่ข้าคิดมากนัก แต่คนที่ทำให้น้องสามกับน้องเจ็ดตายกลับมิใช่ข้า แต่เป็นพวกท่านเอง! หากต้องนับข้าเป็นคนที่ต้องแก้แค้นก็อย่าได้สุภาพอันใดอีก นายน้อยผู้นี้พร้อมทวงความยุติธรรมให้ตนเองเช่นกัน!”
คำกล่าวของเย่หยวนได้ไปกระตุ้นโทสะของพวกที่เหลือจนระเบิดออกมาในที่สุด
“พวกเราคือสาตุที่ทำให้น้องสามกับน้องเจ็ดตาย? ไอ้บัดซบน้อย เจ้าอย่ามากล่าวหาส่งเดช!”
“อย่าคิดเพียงว่า สามารถกำจัดวิญญาณชั่วได้ไม่กี่ตัวก็มีทุนรอนให้พวกเราเกรงขาม! ท้ายที่สุดนี้ เจ้าก็มันแค่เด็กน้อยอาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นต้น! ข้าไม่เชื่อหรอกว่า เจ้าจะต่อกรพวกเราพี่น้องได้!”
แต่ฉางเหลียนกลับยืนนิ่งไม่ตอบโต้อันใด สีหน้าของเขามิดทมิฬถึงขีดสุด คำกล่าวของเย่หยวนกลับทำให้เขาโศกเศร้าเสียใจยิ่งกว่าอะไร!
เย่หยวนแสยะยิ้มเย็นฉีกปรากฏบนมุมปาก ก่อนกล่าวอย่างเฉยเมยขึ้นว่า
“พวกเจ้าทั้งเจ็ดล้วนเผยจิตสังหารหวังฆ่าชิงทรัพย์ข้าตั้งแต่แรกเจอ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้! หากกล่าวตามตรง พวกเจ้าเป็นเพียงกลุ่มโจรที่นอกจากเสาะหาสมบัติแล้ว รายได้หลักกลับเป็นการดักสังหารปล้นทรัพย์คนอื่น! หากพวกเจ้ามาด้วยเจตนาดีกว่านี่แต่แรก นายน้อยผู้นี้คงออกโรงช่วยเหลือไปนานแล้ว! หรือไม่ก็พาเข้ามาในถ้ำราชันย์แห่งภูตด้วยกัน”
ได้ฟังคำกล่าวของเย่หยวนดังนี้ พวกฉางเหลียนทั้งห้าสะดุ้งตกใจขึ้นทันที
ปรากฏว่า เย่หยวนทราบตั้งแต่แรกแล้วว่า พวกเขาคิดอ่านหวังฆ่าอย่างไร เพียงว่าเย่หยวนเลือกที่จะไม่กล่าวถึงตลอดมา!
ตอนนี้น้องสามกับน้องเจ็ดตายลง นับเป็นผลกรรมของพวกเขาที่คิดไม่ดีต่อเย่หยวนแล้ว!
มิใช่ว่าพวกเจาไม่ต้องการฆ่าเย่หยวน เพียงว่าฉางเหลียนรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างในตัวเขาได้ นั้นจึงเป็นเหตุผลที่พวกเขามิได้ลงมือ
ดังนั้นเย่หยวนเองก็ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบความเป็นความตายของคนเหล่านี้เลย
ระหว่างทางที่ผ่านมา ปล่อยเป็นเรื่องของธุรกิจเท่านั้น
“นอกจากนี้ หากข้าไม่เห็นแก่สายพันธ์พี่น้องของพวกเจ้า มีหรือที่พวกเจ้ายังคงรักษาชีวิต วิ่งหนีเข้ามาจนพบกับนายน้อยผู้นี้ได้?”
เย่หยวนกล่าวขึ้น