ตอนที่1330 วิญญาณชั่วสองดาว!
“นะ-น้อง..ไม่สิ! นายท่าน! ครั้นก่อนหน้ากลับเป็นพวกเราที่โง่เขลา มีตาหามีแววไม่ นายท่านโปรดอย่าถือสา!”
ฉางเหลียนผสานมือแน่นกล่าวกับเย่หยวนด้วยความเคารพสุดใจ
แผ่นหลังของเขาเปียกชุ่มเหงื่อเย็นไหลซิบไม่หยุด เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความกลัวเจือสุขใจกลายๆ
โชคดีอย่างยิ่งที่เขาเลือกที่จะไม่เป็นศัตรูกับเย่หยวน มิฉะนั้นกลับเป็นเจ็ดพี่น้องที่ตาบเกลี้ยง หาใช่แค่น้องสามกับน้องเจ็ด
เมื่อวิญญาณชั่วหนึ่งดาวชั้นปลายเข้าตีกรอบปิดล้อมพวกหวังอวีเต๋า ฉางเหลียนและเหล่าน้องๆต่างเฝ้าดูจากในส่วนลึกของถ้ำ
ฉากภาพระทึกที่เย่หยวนสรรสร้างขึ้นมาจำต้องตราตรึงใจพวกเขาไปชั่วชีวิต
ลืมไปเลยสำหรับหวังอวีเต๋า แม้แต่ฉางเหลียนที่เป็นผู้ชนอยู่รอบนอกยังขนเสียวซ่านยันหนังศีรษะ
อย่างไรก็ตามแต่ เมื่อเห็นว่าสมาชิกตระกูลหวังค่อยๆถูกรุมกินโต๊ะไปทีละคนสองคน ฉางเหลียนและน้องๆอดรู้สึกดีใจมิได้
กล่าวกันตามตรง พวกตระกูลหวังหลงลำพองคิดว่าตนยิ่งใหญ่คับฟ้า จะสามารถทำอะไรก็ได้ตามใจเกินไป ถึงขั้นที่ว่าฆ่าน้องสามกับน้องเจ็ดราวกับผักปลากไม่ใยดี นับว่ากรรมตามสนองพวกบัดซบเหล่านี้แล้ว
เย่หยวนค่อยๆลืมตาทั้งสองข้างขึ้นและกล่าวอย่างเฉยเมยว่า
“ข้าหาใช่คนใจไม้ไส้ระกำขนาดนั้น ตราบใดที่พวกเจ้าไม่ยั่วยุนายน้อยผู้นี้ก่อน โดยปกติข้าไม่ไปก่อปัญหาให้อยู่แล้ว เส้นทางของเจ้า เจ้าก็ควรเลือกเดินด้วยตนเอง มิอยากให้กลุ่มอิทธิพลภายนอกใดมาแทรกแซงกำหนดชะตาชีวิตแทน ข้าได้เห็นมิตรภาพระหว่างพวกเจ้าเจ็ดพี่น้องที่ช่างลึกซึ้งและน่าประทับใจยิ่ง นั้นจึงเป็นเหตุผลที่ข้าช่วยสะสางหนี้แค้นให้ในคราวนี้”
หวูเฉินเฝ้าติดตามทุกการเคลื่อนไหวโดยรอบบริเวณถ้ำแห่งนี้ตลอด ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายนอกถ้ำราชันย์แห่งภูตกลับมิอาจรอดพ้นจากสายตาของเขาได้เช่นกัน
แต่เดิมเขาพลันคิดไปว่า พวกเจ็ดวีรบุรุษสายลมหยินนั้นก็เป็นแค่กลุ่มโจรที่มีความโลภเป็นตัวขับเคลื่อนเท่านั้น ทว่าใครจะไปคิด มิตรภาพพี่น้องระหว่างพวกเขากลับทรงคุณค่าเหนือชีวิต!
คาดไม่ถึงเลยว่า ทั้งฉางเหลียนหรือกระทั่งน้องสามและน้องเจ็ดจะมีความซื่อสัตย์และเป็นห่วงมากขนาดนี้
สิ่งเหล่านี้ค่อนข้างกินใจไม่น้อยสำหรับเย่หยวน นั้นจึงเป็นเหตุให้เขาปล่อยให้พวกฉางเหลียนเข้ามาหลบภัยในนี้
หลังจากที่หวูเฉินดูดกลืนวิญญาณชั่วไปจำนวนหนึ่ง สภาพของเขาก็ดีขึ้นอย่างมากในอึดใจ
ซี่งวิธีการต่างๆที่หวูเฉินสำแดงใช้ออกมา พลันทำให้เย่หยวนแอบตะลึงใจยิ่งเช่นกัน
หวูเฉินหลอมสร้างวิญญาณชั่วหนึ่งดาวชั้นปลายที่กลืนกินไปออกมาภายใต้คำสั่งที่ว่า ให้พวกมันทั้งหมดเข้าปิดล้อมพวกตระกูลหวัง
สำหรับวิญญาณชั่วหนึ่งดาวชั้นปลายและวิญญาณชั่วหนึ่งดาวขั้นสุด นับเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไร้เทียมทานอย่างแท้จริง!
วิญญาณชั่วหนึ่งดาวกลับหาได้มีสติสัมปชัญญะใด พวกมันทำไปล้วนเป็นตามสัญชาตญาณทั้งสิ้น
ดังนั้นแล้วเพียงหวังอวีเต๋าย่างเท้าเข้าไปในถ้ำราชันย์แห่งภูต ผลลัพธ์ที่ได้ต่อจากนี้นับว่าน่าสังเวชไม่น้อย
“ใช่ ใช่ ใช่แล้ว! ใช่แล้วท่าน! ก่อนหน้านี้ที่พวกเรายั่วยุเจตนาร้ายกลับโง่เขลายิ่งกว่าสุนัข! ตระกูลหวังแข็งแกร่งเกินไป จึงเป็นเหตุให้พวกเราทั้งห้าคิดร้ายหวังโยนความผิดใส่ท่านแทน! แต่หากมีนายท่านอยู่ ข้าเชื่อว่าอีกไม่นานตระกูลหวังจำต้องถูกลบล้างออกไปจากเมืองกุยฉางแน่นอน เหลือแค่รอเวลาเท่านั้น! หากนายท่านมีเมตตาใจกว้าง โปรดรับพวกเราเป็นผู้ติดตามต่อจากนี้ด้วยเถิด อนาคตต่อไปพวกเราจะได้มีโอกาสแก้แค้นตระกูลหวังบ้าง”
เย่หยวนเหลือบมองอีกฝ่ายเล็กน้อยกล่าวว่า
“กล่าวตามสัตย์จริง ข้าเองก็ไม่คาดคิดเช่นกันว่า พวกตระกูลหวังจะเป็นสุนัขบ้าได้ขนาดนี้ เพียงเพราะพวกเจ้าเป็นนำทางข้า พวกมันกลับระบายความโกรธใส่พวกเจ้าแทน นายน้อยผู้นี้จะล้างบางตระกูลหวังให้สิ้นชื่อแน่นอน! พวกเจ้าก็ติดตามข้ามาต่อจากนี้!”
แววประกายสว่างพลันสาดส่องออกจากนัยน์ตาของฉางเหลียน เขาเร่งกล่าวขึ้นอย่างมีความสุขว่า
“นายท่าน พวกเรายิ่งดีอย่างยิ่งที่ได้เป็นคนติดตามของท่าน! นับเป็นเกียรติแล้ว! ต่อจากนี้พวกเราห้าพี่น้องขอรับใช้และปฏิบัติตามคำสั่งของท่านจวบจนวันตาย!”
ฉางเหลียนส่งสัญญาณเชิงสายตาให้น้องๆที่เหลือ และค่อยๆคุกเข่าคำนับเย่หยวนด้วยความเลื่อมใส
เย่หยวนพยักหน้าและกล่าวว่า
“อืม ต่อจากนี้พวกเจ้าคือผู้ติดตามของข้า แน่นอนว่าข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับผลกำไรที่พวกเจ้าได้รับมา เพียงแต่ข้ามิอาจทนต่อเรื่องลับหลังทรยศได้ หากนายน้อยผู้นี้จับได้ว่าพวกเจ้ามีเจตตนาร้ายแอบแฝงดั่งก่อนหน้า ก็อย่าตำหนิว่านายน้อยผู้นี้เป็นคนโหดเหี้ยม!”
ฉางเหลียนตื่นตระหนกหนักเมื่อได้ฟังแบบนั้น เขาเร่งกล่าวตอบทันควันว่า
“มิกล้า! มิกล้า! เพียงการตายของน้องสามกับน้องเจ็ด พวกเราก็สูญเสียมามากเกินพอแล้ว เรื่องโง่เขลาแบบนั้นกลับไม่กล้านำใส่สมอง! นอกจากนี้สิ่งเดียวที่พวกเราปรารถนาที่สุดในปัจจุบันคือ ล้างแค้นให้แก่น้องสามกับน้องเจ็ดเท่านั้น!”
เย่หยวนที่เพิ่งเอ่ยปากไป ทันใดนั้นสีหน้าการแสดงออกของเขาพลันมืดขรึมลงทันทีอย่างยำเกรง
ท่าทีของพวกฉางเหลียนเองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ประดุจว่ายามนี้กำลังมีอสรพิษร้ายกำลังจับจ้องเข้าใส่
โดยรอบบริเวณปรากฏแรงกดดันประหลาดเข้าห่อหุ้มร่างกายเอาไว้อย่างมิดชิด
“วิญญาณชั่วหนึ่งดาวขั้นสุด! นายท่าน…นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ศึกสัประยุทธ์ก่อนหน้าของพวกหวังอวีเต๋านับว่ายิ่งใหญ่มากแล้ว ทว่ายามสัมผัสถึงขุมพลังนี้กลับอาอาจเสียยิ่งกว่า
เฉกเช่นเดียวกับเซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าขั้นสุด วิญญาณชั่วหนึ่งดาวขั้นสุดกลับยากที่จะกำราบปราบปราม
ทันใดนั้น ปรากฏการณ์ก่อเกิดเกลียวคลื่นพายุหมุนวนเป็นกระแสน้ำสุดเชี่ยวกราก พร้อมแผดขยายรัศมีกระจายออกไปอย่างรวดเร็วโดยมีเย่หยวนเป็นจุดศูนย์กลาง
วิญญาณชั่วหนึ่งดาวชั้นปลายเหล่านั้นถูกดูดเข้าไปในกระแสน้ำวนนั้นโดยตรง ในที่สุดวิญญาณของพวกทันทั้งหมดก็ถูกเย่หยวนกลืนกินลงไป!
วิญญาณชั่วหนึ่งกาวขั้นสุดมิอาจต่อต้านใดๆได้แม้สักนิด จนท้ายที่สุดจำต้องกลายมาเป็นอาหารบำรุงของหวูเฉินโดยมิอาจขัดขืน
ภาพฉากแสดงประจักษ์ชัดแก่คู่สายตา ฉางเหลียนและที่เหลือเบิกตาโตแทบถลนทะลักออกมา
สามารถควบคุมวิญญาณชั่วหนึ่งดาวขั้นสุดได้เป็นฝูงใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้นยังกลืนกินพวกมันทั้งแบบนั้นอีก ภาพฉากนี้กลับให้ความรู้สึกสยดสยองอย่างบอกไม่ถูก
เขา…เขาไม่กลัวตายเลยรึ?
พวกฉางเหลียนเตร็ดเตร่อยู่ที่นี่มาไม่น้อยกว่าร้อยปี แต่กลับไม่เคยพบเคยเจอมาก่อนว่า จะมีใครหยิบใช้วิธีประหลาดเช่นนี้เข้าจัดการ
กลับกลายเป็นว่า นายน้อยของพวกเขาเล่นกลืนกินวิญญาณชั่วเหล่านั้นทั้งเป็น!
ฉางเหลียนและที่เหลืออดกระเดือกน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่มิได้ ยามนี้ตระหนักทราบแล้วว่า นายท่านของพวกเขาลึกลับน่ากลัวเพียงใด
ในท้ายที่สุดนรี้ กลับเป็นฉางเหลียนที่เริ่มรู้สึกเห็นอกเห็นใจหวังอวีเต๋าอยู่บ้างแล้ว
ไปหาเรื่องใครไม่หาเรื่อง ดันมาหาเรื่องเย่หยวนผู้นี้ซะได้ นับว่าตระกูลหวังชะตาขาดแล้ว!
ในปัจจุบัน โดยรอบแห่งนี้ยังเหลือวิญญาณชั่วหนึ่งดาวขั้นสุดอีกประมาณสามถึงสี่สิบตนที่ดักซ่อนตัวอยู่ ต่อการเผชิญหน้าแบบนี้ เย่หยวนจำต้องระมัดระวังตัวอย่าได้ประมาทเช่นกัน
แม้พวกมันจะคอยดักซุ้มอยู่ทั่วทั้งถ้ำ ทว่ายามนี้กลับไม่มีตนใดหาญกล้าเหยียบย่างออกมาเผชิญหน้าเลย
วิญญาณชั่วหนึ่งดาวพวกนี้ไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะ เนื่องจากเมื่อครู่พวกมันรับรู้ได้ถึงความน่ากลัวของไข่มุกสยบวิญญาณได้อย่างชัดเจน ตามสัญชาตญาณจึงทำให้พวกเขาเลือกที่จะหลบมุมซ่อนตัวเป็นดีที่สุด
สรรพสิ่งบนผืนพิภพล้วนมีบางสิ่งเสริมสร้างและพิฆาตกันและกันเสมอ วิญญาณชั่วเหล่านี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังและจัดการยากยิ่งสำหรับนักสู้ที่เป็นมนุษย์
แต่ไข่มุกสยบวิญญาณเองก็นับเป็นของแสลงของพวกมันเช่นกัน!
หลังจากทุกอย่างกลับสู่ความเงียบสงบดังเดิม ในที่สุดฉางเหลียนพลันถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก ขณะเดียวกับยังรู้สึกระทึกขวัญเหลือเชื่อตราตรึงหาเสื่อมคลาย
ภายในสุสานสายลมหยินแห่งนี้ โดยปกติจะมีแต่มนุษย์ที่พยายามหลบเลี่ยงเปลี่ยนเส้นทางเมื่อเห็นวิญญาณชั่ว
แต่วันนี้ สิ่งที่เขาเห็นกลับเป็นพวกวิญญาณชั่วแทนที่พยายามหลบเลี่ยงหนีหน้ามนุษย์
ฉางเหลียนรตระหนักได้ทันที โลกทั้งใบที่เขาเคยรู้จักกลับเล็กกว่าที่คิดไว้มาก!
เย่หยวนค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง ฉางเหลียนที่เห็นแบบนั้นก็อดเอ่ยปากถามไม่ได้ว่า
“นายท่าน เราควรทำอย่างไรต่อไปดี?”
ทว่าเย่หยวนหาได้สนใจวาจาคำกล่าวของฉางเหลียนไม่ แต่สายตาพลันแบนไปทางส่วนลึกของถ้ำ
ภายในนั้นเปรียบดั่งห้วงแห่งความมืด สาดสายตาทอดยาวแค่ไหนก็มิอาจมองเห็นอะไรได้เลย
“ในเมื่อมาแล้ว ไยไม่แสดงตัวเสียหน่อย?”
รอยยิ้มแสยะเย็นฉีกขึ้นบนมุมปาก เย่หยวนกล่าวน้ำเสียงเรียบลื่น
ฉางเหลียนและที่เหลือต่างสะดุ้งโหย่งตกใจ ยามนี้ทั่วทั้งใบหน้าแต่งแต้มไปด้วยความมึนงง
วิญญาณชั่วหนึ่งดาวโดยส่วนใหญ่ถูกกำราบสิ้นไปแล้วมิใช่รึ? ส่วนที่เหลือก็ซ่อนตัวไม่กล้าออกมา? หรือเป็นไปได้ไหมว่า ภายในถ้ำแห่งนี้ยังมีคนอื่นอยู่อีก?
ขณะที่พวกเขากำลังกังขาสงสัย ประกายแสงหนึ่งสีเย็นพลันปรากฏขึ้นจากส่วนลึกของถ้ำ
ร่างหนึ่งย่างสามขุมก้าวแช่มออกมาจากความมืดอย่างช้าๆ
ทันทีที่ร่างนี้ปรากฏขึ้นสู่สายตา พวกฉางเหลียนทั้งห้าถึงกับสั่นสะท้านขวัญเสียเกินพรรณนา
กลิ่นอายอันทรงพลังขนาดนี้ ทำให้พวกเขาไม่สามาถขยับเขยื้อนใดๆได้เลยแม้แต่ปลายนิ้ว!
บุคคลนี้แข็งแกร่งเกินไป!
ด้วยขุมพลังที่ซุกซ่อนอยู่ของบุคคลนี้ หากมีเจตนาต้องการฆ่าพวกเขาจริงๆ คงทำได้เพียงปัดมือส่งเบาๆ!
แต่…ไฉนถึงมีการดำรงอยู่ระดับนี้ภายในถ้ำราชันย์แห่งภูต?
บุคคลที่ปรากฏกายออกมาคือ ชายรูปร่างคนหนึ่งที่ดูท่าทางอ่อนโยนและเป็นมิตร เสมือนกับองศ์ชายจากเชื้อพระวงศ์ใหญ่
พินิจจากภายนอกกลับมิได้แตกต่างอะไรจากคนทั่วไปมากนัก แต่หากพิจารณาใกล้ๆโดยละเอียดจจะพบว่า ร่างกายของเขาดูคล้ายกับภาพมายาเบาบางไม่เหมือนจริง
“มนุษย์น้อย เจ้าค่อนข้างพิเศษนัก!”
ชายรูปงามคนนั้นกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
ความหมายในคำกล่าวของเขาค่อนข่างชัดแจ้ง ชายรูปร่างที่ยืนตรงหน้ากลับมิใช่มนุษย์!
อย่างไรก็ตามแต่ ต่อหน้าเผชิญกับกลิ่นอายอันทรงพลังขนาดนี้ เย่หยวนกลับยืนนิ่งไม่ไหวติงราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ยามได้ยินแบบนั้น เย่หยวนคลี่ยิ้มกล่าวตอบว่า
“ข้าไม่คิดมาก่อนเลยว่า ภายในถ้ำราชันย์แห่งภูตจะมีวิญญาณชั่วสองดาวดำรงอยู่จริงๆ แถมยังเป็นวิญญาณชั่วสองดาวที่วิวัฒนาการจนมีสติสัมปชัญญะอย่างเจ้าด้วย!”