ตอนที่1332 ออกไปเตะก้น
เสี้ยวขณะนั้นเอง ได้เกิดตราสัญญาศักดิ์สิทธิ์ขึ้นระหว่างเย่หยวนและชายรูปงามตนนั้น
“กุ้ยหยุนทำความเคารพนายท่าน!”
วิญญาณชั่วสองดาวตนนั้นกล่าวทำความเคารพ
เย่หยวนพยักหน้าและกล่าวว่า
“อืม ความทรงพลังของอักขระร้อยภูตเต๋า นายน้อยผู้นี้คงมิต้องพรรณนาอันใดนัก เจ้าเพียงช่วยเหลือข้าเท่าก็พอ แล้วข้าจะค่อยๆมอบสิ่งนี้ให้แก่เจ้าทีละส่วน หากเจ้าสามารถสำเร็จวรยุทธนี้ได้อย่างถ่องแท้ การจะขึ้นกลายเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์แห่งภูตกลับหาใช่เรื่องเพ้อฝันอีกต่อไป”
กุ้ยหยุนที่ได้ฟังดังนั้นดวงตาเป็นประกายในทันใด เขาเร่งกล่าวขอบคุณด้วยความอิ่มเอมใจว่า
“กุ้ยหยุนจะไม่ลืมบุญคุณ!”
“เอาล่ะ ข้าจะพาเจ้าไปเข้ามาในมิติส่วนตัวของข้าก่อน ไม่ต้องกังวลไป ข้าไม่ทำอะไรแน่นอน”
เย่หยวนเอ่ยปากกล่าวต่อ
มิติส่วนตัวที่ว่ากลับหาใช่ใดอื่นนอกเสียจากไข่มุขสยบวิญญาณ แต่พวกฉางเหลียนพลันคิดไปว่า ภายในตัวเย่หยวนคงมีเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์พื้นที่ติดตัวอยู่ จึงหาใดประหลาดใจอันใด
กล่าวก่อนว่า สำหรับเซียนอาณาจักรพระเจ้าคนหนึ่งที่มีเครื่องศักดิ์สิทธิ์พื้นที่ติดตัวสักชิ้น กลับเป็นเรื่องปกติเกินไป
กุ้ยหยุนเองก็มิได้รู้สึกอะไรเช่นกัน แต่เมื่อร่างของเขาปรากฏตัวขึ้นในมิติของไข่มุกสยบวิญญาณ เขาก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติทันที!
เสี้ยวพริบตาที่ได้พบกับหวูเฉิน กุ้ยหยุนดั่งว่ากำลังยืนอยู่ต่อหน้าภูเขาลูกมหึมาที่ไม่ว่าอย่างไรก็มิอาจข้ามฝ่าไปได้
“หุหุ เจ้าภูตน้อย เจ้านี่มันโชคดีจริงๆ! ไม่เพียงก่อเกิดสติสัมปชัญญะได้ในระดับพลังเพียงแค่นี้ แต่ยังมีโอกาสได้เจอเราชายชราอีก บางทีในภายภาคหน้า เจ้าอาจจะได้กลายเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์แห่งภูตจริงๆ!”
หวูเฉินกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
วิญญาณชั่วสองดาวรูปงามตนนี้ กลับกลายเป็นภูตน้อยตัวจิ๋วไปแล้วเมื่ออยู่ต่อหน้าหวูเฉิน
“ทะ-ท่านอาวุโส นามขานของท่านคือ?”
กุ้ยหยุนกล่าวขึ้นอย่างระมัดระวัง
หวูเฉินกล่าวตอบว่า
“เราชายชรานามว่า หวูเฉิน ก็เป็นเช่นเดียวกับเจ้า ผู้ติดตามเชิงรับใช้ของเจ้าเด็กนี่ เย่หยวนคือเจ้านายของข้า!”
ทันทีที่ได้ยินแบบนั้น กุ้ยหยุนก็เริ่มค้นพบแล้วว่า เย่หยวนคนนี้น่ากลัวเพียงใด
“ท่านอาวุโสหวูเฉิน สถานที่แห่งนี้คือที่ใด ไฉนข้ารู้สึกว่ามันแตกต่างจากเครื่องรางพื้นที่ทั่วไปโดยสิ้นเชิง?”
กุ้ยหยุนกล่าวขึ้นด้วยความฉงนสงสัย
“สถานที่แห่งนี้คือห้วงมิติชั้นในของสมบัติเวทย์สวรรค์ เราชายชราเป็นจิตวิญญาณของสมบัติเวทย์สวรรค์ชิ้นนี้ ในอนาคตต่อไป ที่แห่งนี้นับเป็นบ้านใหม่ของเจ้าและอยู่ร่วมกับเราชายชรา ตราบใดที่เย่หยวนเอ่ยปากบอกอนุญาต เราชายชราจะถ่ายทอดอักขระร้อยภูติเต๋าให้เจ้าทันที!”
หวูเฉินกล่าว
ยามนี้กระจิตกระใจของกุ้ยหยุนคล้ายโหว่งเหวงขาวโพล่นไปหมด ยืนตัวแข็งทื่อจับจ้องอีกฝ่ายอย่างโง่งมทำอะไรไม่ถูก
ทันทีที่ได้ยินคำว่า‘สมบัติเวทย์สวรรค์’ ประดุจมีสายฟ้าฟาดอัดศีรษะมันอย่างจัง
“ทะ-ท่าน…ท่านอาวุโส ท่านกำลังบอกว่า…ที่นี่…ที่นี่คือห้วงมิติภายในสมบัติเวทย์สวรรค์?!”
ทั้งปากทั้งลิ้นของกุ้ยหยุนแข็งค้าง พูดติดอ่างแทบไม่เป็นภาษา
ความประหลาดใจที่หวูเฉินมอบให้ในตอนนี้รุนแรงเกินไปนัก
เรื่องนี้ยังสะเทือนขวัญเสียยิ่งกว่าอักขระร้อยภูตเต๋า!
ในตอนนี้มันรู้สึกตื่นเต้นอย่างไม่น่าเชื่อ หากเมื่อครู่กุ้ยหยุนปฏิเสธข้อเสนอของเย่หยวนไป ป่านนี้ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า มันจะตายอย่างไร?
หากเข้าจู่โจมทางกายภาพใส่เย่หยวนโดยตรง หวูเฉินกลับไม่มีพลังอำนาจให้ความช่วยเหลือใดๆได้เลย
แต่ความน่ากลัวที่แท้จริงกลับต่อจากนั้น โดยธรรมชาติของวิญญาณชั่ว หลังสังหารเหล่านักสู้เสร็จ พวกเขาจำต้องเข้าสำรวจจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของอีกฝ่ายเสียก่อน ซึ่งนั้นเท่ากับล่วงล้ำเข้าสู่อาณาเขตของหวูเฉินผู้นี้โดยไม่รู้ตัว ผลลัพธ์ที่ได้ต่อจากนั้นอาจน่ากลัวเสียยิ่งกว่าความตาย!
ไม่น่าแปลกใจไฉนเย่หยวนถึงดูไม่เกรงกลัวเลย แถมยังดูเห็นใจให้โอกาสมมันอีก ปรากฏว่าเด็กคนนี้มิได้ข่มขู่ส่งเดชจริงๆ
“ถูกต้องแล้ว นี่คือสมบัติเวทย์สวรรค์ ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นสมบัติเวทย์สวรรค์แขนงจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดอันดับต้นๆแห่งมหาพิภพถงเทียน! ภูติน้อย นี่จึงเป็นสาเหตุที่เราชายชรากล่าวว่า ตัวเจ้านั้นโชคดีมากจริงๆ หากเป็นยามที่ข้าอยู่ในสภาวะสุดยอด ตัวเจ้าคงไม่นับเป็นอันใด! แต่ตอนนี้เจ้าคือผู้รับใช้ของเย่หยวน นับเป็นมิตรสหาฝ่ายเดียวกัน!”
หวูเฉินกล่าว
วิญญาณชั่วสองดาวกลับเป็นเพียงผีตัวน้อยในสายตาของหวูเฉินเท่านั้น
หากใช่สิ่งเพราะเขาในปัจจุบันเปรียบเสมือนพญาเสือบาดเจ็บ มีหรือที่หวูเฉินจะมาสนใจกุ้ยหยุนให้เสียเวลาเปล่า?
แต่ประโยคนี้ของหวูเฉินเองก็ทำเอากุ้ยหยุนกังวลใจเช่นกัน
เนื่องจากในตอนนี้ ความแกร่งกล้าของมันยังสูงกว่าเย่หยวนมาก นั้นจึงเป็นเหตุผลที่เสนอทางเลือกมาเช่นนี้ แต่หากในอนาคต เมื่อถึงเวลาที่มันหมดประโยชน์แล้วล่ะ? มิใช่ว่าเย่หยวนจะฆ่ามันทิ้งทันทีเลยรึ?
หวูเฉินสายตาเฉียบคม เพียงปราดครู่เดียวก็มองผ่านอ่านความกังวลอีกฝ่ายออกทันที เช่นนั้นจึงกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มว่า
“เจ้าสบายใจได้ เจ้าเด็กเวรเย่หยวนคนนี้ มันให้ความสำคัญกับคำว่ามิตรภาพยิ่งกว่าชีวิตมันเองเสียอีก ตราบใดที่เจ้ามอบความจริงใจแก่เขา เขาก็จะมอบความจริงใจกลับคืนเป็นหลายเท่าตัว! เขาเองก็กล่าวออกจากปากแล้วว่า จะช่วยให้เจ้าได้ขึ้นกลายเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์แห่งภูต เช่นนั้นก็วางใจได้เลย ส่วนที่ว่าเจ้าจะเชื่อคำพูดของข้าหรือไม่ เดี๋ยวเจ้าติดตามไปสักพักแล้วจะรู้เองโดยธรรมชาติ แต่ตอนนี้ เราชายชราจะถ่ายทอดอักขระร้อยภูติให้แก่เจ้าก่อนส่วนหนึ่ง!”
อักขระร้อยภูตเต๋าเป็นวรยุทธอันไร้เทียมทานสำหรับศาสตร์แห่งภูตโดยเฉพาะ
ตามชื่อของมันที่เอ่ยกล่าว อักขระร้อยภูตเต๋าคือ มีอักขระทั้งหมดร้อยอักษร!
ซึ่งอักขระในแต่ละอักษรทั้งลึกซึ้งและยิ่งใหญ่เกินพรรณนายิ่ง
ตำนานกล่าวขานกันว่า ตราบใดที่คนๆนั้นเข้าใจอีกขระทั้งหมดร้อยอักษรอย่างถ่องแท้ คนเหล่านั้นจะสามารถเลื่อนขั้นกลายมาเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์แห่งภูตได้ กระทั่งมหาพิภพยังต้องเงยศีรษะขึ้นจับจ้อง!
ความสำเร็จในระดับชั้นนั้นส่งผลต่อกุ้ยหยุนรุนแรงเกินไป
จอมเทพนิรันดร์เองก็เป็นนักหลอมโอสถที่ทรงพลังยิ่งคนหนึ่งในมหาพิภพถงเทียน จึงเป็นธรรมดาที่เขาจักต้องค้นคว้าศึกษาเกี่ยวกับเรื่องจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์โดยละเอียด
อักขระร้อยภูตเต๋าอันนี้ เขาได้รับมาจากจักรพรรดิสวรรค์แห่งภูติที่เคยไปฆ่ามาในอดีต หลังจากที่ได้รับมา จจอมเทพนิรันดร์ก็เริ่มศึกษาอย่างหนัก
และด้วยความแข็งแกร่งของหวูเฉิน การจะถ่ายทอดให้แก่กุ้ยหยุนกลับมิใช่เรื่องยากเลย
………………………….
ในโลกภายนอก พวกฉางเหลียนทั้งห้ายังคงยืนอ้าปากขากรรไกรค้างเติ่งไม่หุบ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลับมิได้พัฒนาไปตามที่พวกเขาคาดคิดเลยสักนิด ผลที่ได้คือตื่นตะลึงไม่ได้สติจวบจนปัจจุบัน
นั้นเป็นถึงวิญญาณชั่วสองดาว การดำรงอยู่ระดับชั้นนี้สามารถกำจัดพวกเขาทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้ตามใจนึก ทว่ายามนี้กลับเชื่องยิ่งกว่าอะไร?
เมื่อพวกเขาทั้งห้าทราบว่า กุ้ยหยุนเป็นวิญญาณชั่วสองดาว ก็พลันคิดกันไปกว่า คราวนี้ถึงคราชะตาชีวิตขาดสะบั้นแน่นอน แต่ใครจะไปนึก ผลลัพธ์สุดท้ายที่ออกมากลับพลิกจากหน้ามือเป็นหลังเท้าอย่างน่าเหลือเชื่อ
วิญญาณชั่วสองดาวในปัจจุบันได้กลายมาเป็นผู้รับใช้ของเย่หยวนไปแล้ว!
“ขะ-ขอบพระคุณนายท่าน! เอ่อ…เมื่อครู่นายท่านวาดอะไรบนอากาศรึ? ถึงสามารถทำให้วิญญาณชั่วสองดาวยอมเป็นผู้รับใช้ท่านได้อย่างง่ายดาย?”
ฉางเหลียนรวบรวมความกล้าและเอ่ยถามขึ้นทันที
เย่หยวนกล่าวตอบพร้อมรอยยิ้มว่า
“ข้าอธิบายไปก็ยากจะเข้าใจ เอาเป็นว่าสิ่งนี้คือวรยุทธบ่มเพาะพลังของเหล่าเซียนภูต ข้าเพียงหยิบยื่นโอกาสดีๆให้แก่อีกฝ่ายและนั้นเป็นทั้งหมด แล้วยังมีเหตุผลอื่นใดที่จะปฏิเสธข้อเสนอเช่นนี้อีก?”
พวกฉางเหลียนทั้งห้าถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขากล่าวขึ้นจากความกลัวในก้นบึ้งหัวใจว่า
“นายท่านช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว! เราห้าพี่น้องเลื่อมใสจากใจจริง!”
เย่หยวนคลี่ยิ้มพลางเอ่ยตอบว่า
“หยุดประจบเสีย! หรือพวกเจ้าทั้งห้าไม่อยากล้างแค้นแทนพี่น้องกันแล้ว? ออกไปเตะก้นหวังอวีเต๋ากันเถอะ!”
พวกฉางเหลียนทั้งห้าใจสั่นสะทก แววฉายประกายที่สาดสะท้อนออกจากนัยน์ตาเปี่ยมปริ่มสุดอิ่มเอมใจ
ถูกต้องแล้ว ยามนี้มีวิญญาณชั่วสองดาวเป็นกำลังเสริมเคียงข้างพวกเขา กล่าวได้ว่าสุสานสายลมหยินกลับกลายไปเป็นสนามเด็กเล่น ที่จะระหกระเหินไปไหนก็ได้ตามใจชอบ
แล้วหวังอวีเต๋ายังนับเป็นตัวอันใดอีก?
พรึบบ!
พวกฉางเหลียนทั้งห้าทิ้งตัวคุกเข่าลงกับพื้นทันทีก่อนกล่าวขึ้นว่า
“นายท่าน ขอบพระคุณอย่างยิ่งที่ช่วยล้างหนี้แค้นให้แก่พวกเราห้าพี่น้อง! ชั่วชีวิตของพวกเราห้าพี่น้องหลังจากนี้ขอรับใช้ท่านตลอดไป!”
เย่หยวนกล่าวเสียงเย็นเอ่ยตอบ
“ลุกขึ้นเถอะ แต่ไหนแต่ไร ตระกูลหวังกับข้ากลับอยู่ร่วมโลกกันมิได้อยู่แล้ว ต่อให้พวกมันมิได้ผูกปมความแค้นกับพวกเจ้า ข้าเองก็ไม่ปล่อยไว้เช่นกัน หวังอวีเต๋าจำต้องตายในวันนี้!”
………………………
“พี่สอง หากพวกนั้นยังไม่ออกมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเราจำต้องตั้งรกฐานพักแรมอยู่ที่นี่ไปอีกหลักปี?”
หวังอวีกั่นเอ่ยถาม
แม้พวกเขาจะนับเป็นชนชั้นแกร่งกล้า แต่หากต้องค้างแรมในสุสานสายลมหยินตลอดทั้งปี นั้นกลับสร้างความอึดอัดไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูกเช่นกัน
หวังอวีเต๋ากล่าวตอบเสียงเคร่งขรึม
“หากมิเป็นแบบนั้นยังมีทางเลือกใดอีก? จนปัญญาจริงๆว่าไอ้เด็กเหลือขอนั้นไปฝึกปรือวิชานอกรีตมาแบบใด ถึงสามารถควบคุมวิญญาณชั่วฝูงใหญ่ขนาดนั้นได้ ไม่น่าแปลกใจไฉนถึงอยากเข้ามาในสุสานสายลมหยินนักหนา ปรากฏว่ามันฝึกฝนวิชานอกรีต!”
หวังอวีกั่นครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ก่อนกล่าวอย่างไม่ค่อยมั่นใจนักว่า
“พี่สองไฉนเราถึงไม่…เชิญพี่ใหญ่ออกโรง! ข้ารู้สึกว่าไอ้เด็กเหลือขอตัวนี้ผิดปรพะหลาดเกินไป หากดำเนินการต่อไปโดยไม่ระมัดระวังเกรงว่าอาจนำซึ่งผลลัพธ์ไม่คาดฝัน!”
ได้ฟังคำแนะนำของหวังอวีกั่น เขาสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนส่ายหัวตอบกลับทันทีโดยไว
“เรายังมีหน้าไปเจอพี่ใหญ่อีกรึ? อีกอย่างหากมิได้ฆ่าไอ้เด็กเหลือขอนั้นด้วยตัวเอง ชาตินี้ก็ล้างความอาฆาตในจิตใจไม่ออก!”
“โอ้? ผู้อาวุโสรองอยากฆ่าข้าขนาดนั้นเชียว? แต่ข้าสงสัยเสียจริง…ผู้อาวุโสรองจะมีปัญญาทำอะไรข้าได้? เกรงความความอาฆาตนี้จำต้องติดตัวลงนรกไปพร้อมกับท่าน!”
ในเวลานั้นเอง สุ้มเสียงเย่หยวนพลันสะท้อนกังก้องออกจากถ้ำ
“เย่หยวน!”
ทั้งหวังอวีเต๋าและหวังอวีกั่นลุกพรวดในทันใด พร้อมจับจ้องต้นเสียงเปี่ยมจิตสังหารเต็มสูบ!