ตอนที่1334 ข่าวเศร้าของตระกูลหวัง
ตุบบ!
ร่างสภาพคล้ายสุนัขจรใกล้ตายของหวังอวีกั่นถูกเหวี่ยงอัดพื้นอย่างไม่ใยดี
“หวังอวีกั่น! เย่หยวน…นี่เกิดอะไรขึ้น?”
เมื่อหลัวเจียเห็นหวีงอวีกั่นสภาพเจียนตาย ร่องรอยตื่นตกใจพลันปรากฏทั่วใบหน้าของเขา
ด้วยความแข็งแกร่งของเย่หยวน จะสามารถเปลี่ยนให้หวังอวีกั่นมีสภาพน่าสังเวทขนาดนี้ได้อย่างไร?
แต่ความเป็นจริงกลับประจักษ์ชัดต่อหน้าต่อตา มันไม่ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะเชื่อหรือไม่แล้ว
เย่หยวนคลี่ยิ้มบางเอ่ยตอบ
“ท่านอย่าได้กังวลเรื่องเหล่านั้น ข้าพาตาแก่นี่มาให้ท่าน ส่วนที่ว่าจะฆ่าหรือหั่นอวัยะแยกชิ้นอย่างไร สุดแท้แล้วแต่ท่านเลย”
หลัวเจียได้แต่จับจ้องไปยังเย่หยวนอย่างโง่งม หาได้รู้เรื่องราวก่อนหน้าแม้สักนิด
เย่หยวนในปัจจุบันยังคงมีพลังอยู่ที่อาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นต้นเช่นเดิม หาได้มีความเปลี่ยนแปลงอันใด
แต่…ไฉนเขาทำได้ขนาดนี้กัน?
“ยะ-ยกโทษให้ข้าด้วย! เย่…เย่หยวน ทั้งหมด…ทั้งหมดเป็นความผิดของเราชายชราเอง! เราชายชราผิดไปแล้ว เย่หยวน…หลัวเจีย…โปรดยกโทษให้ข้าด้วย! ขอพอมีเมตตาอยู่บ้างและปล่อยข้าไป เราคนนี้ขอสัญญา ไม่ว่าต้องการเรียกร้องสิ่งใด ล้วนยินดีจ่ายด้วยความเต็มใจ!”
หวังอวีกั่นกล่าวขึ้นอย่างอ่อนแรง
เย่หยวนกล่าวเสียงเย็นตอบ
“ข้าบอกไปแล้ว ทั้งหมดขึ้นอยู่กับพี่หลัว จะเป็นหรือตายขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขา! ข้าเองก็จะไม่ไปขัดเช่นกัน”
คนที่เกือบตายภายใต้เงื้อมมือของหวังอวีกั่นในตอนนั้นคือหลัวเจีย ดังนั้นเย่หยวนจึงไม่มีอำนาจไปตัดสินใจแทนเขา
ส่วนเหตุผลที่เขาพาหวังอวีกั่นมาที่นี่ก็เพื่อให้หลัวเจียระบายความแค้นออกจากจิตใจ
สิ่งหนึ่งที่ควรทราบ หลัวเจียหาใช่คนใจอ่อนแม้แต่น้อย หากมีโอกาสตาแก่นี่ตายแน่นอน
“หลัว…”
ยังไม่ทันจะเริ่มขอร้องอ้อนวอนใดๆ กลับมีแสงคมดาบสีเย็นโฉบตัดสะบั้นเหนือบ่าในพริบตา
คมดาบพลังปราณเทวะสะบั้นศีรษะของหวังอวีกั่นหลุดกระเด็นไม่รู้ทิศ
ผู้อาวุโสอันสูงส่งแห่งตระกูลหวังนาม,หวังอวีกั่น ยามนี้จำต้องล่วงลับพร้อมสภาพสุดอนาจ
หลัวเจียหาได้ใส่ใจมีเยื้อใยใดๆกับอีกฝ่ายเลย ด้วยบุคลิกของเขาย่อมไม่ยอมเสวนาให้เสียเวลาเปล่า
“พล่ามเยอะเสียเวลา! คิดว่ากราบกรามแล้วข้าจะยอมปล่อยมันไป? โง่เง่าจริงๆ!”
หลัวเจียสบถด่าอย่างหยามเหยียด
เย่หยวนระบายยิ้มตอบเมื่อได้ยินเช่นนั้นและกล่าวว่า
“ยามผู้คนตกสู่สถานการณ์สิ้นหวัง ย่อมทำทุกวิถีทางเพื่อมีชีวิตรอดต่อไป”
“หากเป็นข้า ข้าคงไม่วิงวอนร้องขอความเมมตาต่ออีกฝ่ายแน่ อยู่แบบไร้ศักดิ์สิทธิ์หลังจากนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากตกนรกทั้งเป็น!”
หลัวเจียกล่าวเสียงเย็นเรียบนิ่งตอบ
เย่หยวนหัวเราะคิกคักเล็กน้อยและกล่าวถามว่า
“แล้วเป็นอย่างไร? ระบายความแค่นได้บ้างหรือยัง?”
หลัวเจียนพยักหน้ากล่าวตอบ
“สบายใจขึ้นมากนัก ว่าแต่…เย่หยวนเจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร?”
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“ข้าจะบอกท่านก็ได้ แต่ท่านต้องช่วยเก็บเป็นความลับ! แม้แต่ท่านประมุขหอก็อย่าได้แพร่งพรายเด็ดขาด! ว่าอย่างไรทำได้หรือไม่?”
หลัวเจียกลั้นหายใจเฮือก ก่อนส่ายหน้ารัวๆพลางเอ่ยตอบ
“ข้าทำไม่ได้! เช่นนั้นลืมไปเถอะ เจ้าเองก็ลึกลับตั้งแต่ไหนแต่ไร ข้าไม่รู้อีกสักเรื่องคงไม่ถึงตาย!”
หลัวเจียเป็นคนซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา ในเมื่อเรื่องใดเขาไม่สามารถทำได้ ย่อมไม่รับปากส่งเดชแน่นอน
แต่เพราะแบบนี้เขาจึงยิ่ประเมินเย่หยวนไว้สูงลิบลิว
ส่วนเย่หยวนเองก็พอจะทราบ เป็นเรื่องธรรมดาที่หลัวเจียอยากรู้อยากเห็นยิ่งว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่อีกฝ่ายเองก็ไม่ต้องการมีเรื่องปิดบังกับหยางรุยเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงจำใจเลือกที่จะไม่เอ่ยถามต่อ
สำหรับเย่หยวน แท้ที่จริงแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องมีเรื่องอันใดปิดบังเมื่ออยู่ต่อหน้าหลัวเจียเลย เพียงเขาเองก็ทราบนิสัยใจคอของหลัวเจียดี หากกล่าวไปแล้วทำให้อีกฝ่ายเป็นทุกข์ เย่หยวนก็เลือกที่จะไม่บอกดีกว่า
ท้ายที่สุดนี้ กุ้ยหยุนคือไพ่ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของเย่หยวนในปัจจุบัน!
“โอ้ใช่แล้ว หวังอวีเต๋ากับหวังอวีมินล่ะ? พวกมันอยู่ที่ไหน? หรือว่าเจ้าเองก็…”
จู่ๆหลัวเจียพลันนึกอะไรออกจึงเอ่ยปากถามเย่หยวนทันที
เย่หยวนยิ้มแย้มเอ่ยกล่าวขึ้นว่า
“ระหว่างทางมา ข้าฆ่าหวังอวีมินทิ้งไปแล้ว ส่วนหวังอวีเต๋า ยามนี้คงกำลังลิ้มรสความสนุกไม่รู้จบ”
สีหน้าการแสดงออกของหลัวเจียรวนเรแปรเปลี่ยนมากครั้ง เขาเอ่ยกล่าวเสียงสั่น
“เจ้าเด็กนี่…เจ้ามันสัตว์ประหลาดชัดๆ!”
ไม่นานหลังจากนั้น พวกฉางเหลียนทั้งห้าเร่งตรงเข้ามาสมทบ พร้อมคุกเข่าลงต่อหน้าเย่หยวนอย่างพร้อมเพรียงและกล่าวว่า
“ขอบพระคุณนายท่านอย่างยิ่งที่ช่วยทำให้ความปรารถนาของเราเป็นจริง! ความแค้นของน้องสามและน้องเจ็ดนับว่าถูกสะสางเป็นที่เรียบร้อย! นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป พวกเราห้าพี่น้องขอรับใช้นายท่านชั่วชีวิต! หากนายท่านสั่งให้เรามุ่งหน้าสุดขอบตะวันออก เราก็จะไปสุดขอบตะวันออก ท่านเรียกให้เราไปสุดขอบตะวันตก เราก็จะไปสุดขอบตะวันตก! ชีวิตที่เหลือของมอบการรับใช้ให้แก่ท่าน!”
ฉางเหลียนกล่าวขึ้น
เย่หยวนกล่าวตอบเสียงเย็นว่า
“ข้าจะต้องการชีวิตของพวกเจ้าไปเพื่ออันใด? พวกเจ้ารับโอสถเหล่านี้และกลับไปฝึกฝนให้ดีเถิด”
หลังจากกล่าวจบ เย่หยวนก็โยนขวดโอสถขวดหนึ่งให้ฉางเหลียน
ฉานเหลียนที่รับไว้และเปิดออกดูถึงกับเนื้อตัวสั่นสะท้านโดยไม่ตั้งใจ ก่อนร้องอุทานลั่นด้วยความตกตะลึงยิ่งว่า
“นายท่าน…แต่นี่…แต่นี่ล้ำค่าเกินไป! พวกเราไม่สมควรได้รับ!”
ภายในขวดโอสถนั้นมีโอสถปราณเทวะขั้นเทวะอยู่!
ของล้ำค่าขนาดนี้ ต่อให้มีเงินก็ซื้อไม่ได้ภายในเมืองกุยฉาง!
ยิ่งไปกว่านั้น เย่หยวนยังให้โอสถปราณเทวะขั้นเทวะแก่พวกเขาถึงสิบเม็ด!
เย่หยวนถอนหายใจเล็กน้อยพลางกล่าวตอบว่า
“แค่โอสถเล็กๆน้อยๆ กลับหาใช่เรื่องใหญ่อันใด แถมอีกอย่างที่น้องสามกับน้องเจ็ดของเจ้าถูกฆ่า ทั้งหมดก็เป็นเพราะข้า นี่ถือเป็นคำขอโทษจากข้าเช่นกัน”
ฉางเหลียนและน้องๆอีกสี่คนต่างรู้สึกซาบซึ้งเหลือกำหนด พวกเขาติดอยู่ที่อาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นกลางมาหลายร้อยปีแล้ว และยังคงล้มเหลวเรื่อยไปเมื่อพยายามทะลวงเลื่อนระดับขึ้น
แต่ด้วยโอสถปราณเทวะขั้นเทวะเหล่านี้ พวกเขาจะสามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นปลายได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามเลยด้วยซ้ำ
และมิใช่แค่เขาคนเดียว ด้วยจำนวนโอสถที่เย่หยวนมอบให้ มันเพียงพอแล้วที่จะยกระดับพลังของน้องๆอีกสี่คนด้วยเช่นกัน
“ขอบพระคุณอย่างยิ่งนายท่าน!”
พวกฉางเหลียนทั้งห้าเร่งโขกศีรษะให้เย่หยวนด้วยความปลื้มปีติอย่างหาพรรณนาไม่
………………………
“อะไรนะ? กล่าวอีกครั้ง?!”
ณ ตำหนักตระกูลหวัง หวังหลินโปลุกพรวดขึ้นจากที่นั่งพร้อมตะคอกถามย้ำกับชายหนุ่มผู้มีหน้าที่ดูแลตำหนักของเหล่าบรรพบุรุษ
“ท่านประมุข ทั้งผู้อาวุโสรอง, ผู้อาวุโสสามและผู้อาวุโสสี่ เฉกเช่นเดียวกับเหล่าสมาชิกชนชั้นสูงของตระกูลหวังทั้งหมดที่ส่งออกไป ยามนี้ตะเกียงชีวิตของพวกเขาดับมอดลงหมดแล้ว!”
ชายหนุ่มผู้นี้เป็นเยาวชนผู้มากพรสวรรค์คนหนึ่งของตระกูลหวัง ทว่าตอนนี้กลับมีสีหน้าซีดเซียวราวกับบิดามารดาของตนถูกปลิดชีพทิ้ง
ส่วนบางสิ่งที่เรียกว่า ตะเกียงชีวิต มันแต่ละอันจะมีร่องรอยพลังจิตวิญญาณของเหล่าสมาชิกตระกูลหวังผสมอยู่ ทั้งนี้มันเป็นตัวแสดงให้เห็จนถึงสถานะของนักสู้คนนั้นๆว่าเป็นอย่างไร
ยามที่ตพเกียงชีวิตมอดดับลง นั้นแสดงว่าสมาชิกคนนั้นได้ล่วงลับไปแล้ว หรือไม่ก็กำลังตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤต
“เป็นไปไม่ได้! ผู้อาวุโสทั้งสามล้วนเป็นถึงเซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าขั้นสุด! ใครบ้างในเมืองกุยฉางสามารถกำจัดพวกเขาทิ้งได้ในคราวเดียว?!”
ทั่วทั้งกายาของหวังหลินโปสั่นสะท้านไม่หยุดขณะเอ่ยกล่าว
การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ของหวังหลินโป กลับไม่ต่างอะไรกับส่งคนของตระกูลไปตายเช่น
ยิ่งไปกว่านั้นเอง ผู้อาวุโสทั้งสามท่านี้ยังเป็นถึงกระดูกสันหลังของตระกูลหวัง!
ณ ปัจจุบัน หากพวกเขาทั้งสามล่วงลับตายไปแล้วจริงๆ นี่นับเป็นวิกฤตครั้งร้ายแรงที่สุดของตระกูลหวัง!
ถึงยังพอมีหวังบ้างที่ตระกูลหวังอาจฟื้นตัวขึ้นในอนาคต แต่กว่าจะถึงวันนั้น เกรงว่ามีกลุ่มอิทธิพลอื่นมากมายค่อยจ้องเล่นงานอยู่แน่นอน!
พวกเขาไล่ล่าเย่หยวนสุดขอบฟ้าหวังเอาชีวิต แต่ยามนี้จะเป็นไปได้ไหมว่า…พวกเขาตระกูลหวังทั้งหมดจำต้องตายลงในเงื้อมมือของเย่หยวนแทน?
แต่นี่มันจะเป็นไปได้อย่างไร?
เย่หยวนเป็นเพียงเด็กน้อยอาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นต้นเองมิใช่รึ? ถึงจะมีหลัวเจียค่อยปกป้องอยู่ก็เถอะ แต่จะเป็นไปได้อย่างไรที่สามารถกำราบสามผู้อาวุโสได้ภายในเวลาเดียวกัน?
ยิ่งคิดเท่าไหร่ หวังหลินโปกลับยิ่งไม่เข้าใจอะไรได้เลย!
หลังจากนั้นไม่นาน หวังหลินโปก็หันมากล่าวกับเยาวชนคนนั้นอย่างสิ้นหวังว่า
“ข้าเข้าใจแล้ว! แต่เรื่องนี้จำต้องเก็บเป็นความลับ! หากเจ้ากล้าแพร่งพรายออกไป เตรียมรับทัณฑ์บนจากตระกูลได้เลย!”
เยาวชนคนนั่นเร่งขานตอบและจากออกไปทันที
หวังหลินโปยังคงนั่งท่าเดิมพร้อมครุ่นคิดเช่นนี้ตลอดทั้งคืน
นับตั้งแต่ที่เขารับสืบทอดตำแหน่งประมุขตระกูลหวังต่อจากหวังอวีเซียง ก็กล่าวได้ว่าตระกูลหวังอยู่ใรรุ่นทองแห่งความรุ่งโรจน์ถึงขีดสุด
ตลอดที่ผ่านมา ไม่เคยมีช่วงเวลาใดเลนที่ขารู้สึกสิ้นหวังขนาดนี้มาก่อน!
ในที่สุด ยามเช้าแรกอรุณก็ของอีกวันได้มาถึง หวังหลินโปยังคงนั่งอยู่ที่เดิมพร้อมสีหน้าซีดเซียวอย่างหนัก เขาค่อยๆพยุงตัวเองลุกขึ้นและตรงไปยังห้องลับชั้นใต้ดิน
“ท่านพ่อ!”
หวังหลินโปแผดเสียงแหบแห้ง ร้องเรียกบุคคลหนึ่งที่อยู่ภายในนั้น
ไม่นานนัก สุ่มเสียงชราคนหนึ่งพลันดังตอบจากส่วนลึกของห้องลับชั้นใต้ดิน
“นั้นหลินโปรึ? มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
หวังหลินโปเปิดปากคล้ายอยากจะพูดอะไรออกมา แต่กลับไม่รู้จะพูดอันใดในท้ายที่สุด
“หื้ม? นี่ดูมิใช่ตัวเจ้าเลย ปัญหาคราวนี้ หยางรุยเป็นคนกระทำงั้นรึ?”
ชายชรากล่าวขึ้น
หลังจากเงียบไปนาน ในที่สุดหวังหลินโปก็ทำใจรวบรวมความกล้าและเอ่ยปากเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้อีกฝ่ายฟัง มันกล่าวทิ้งท้ายทั้งน้ำตาว่า
“ท่านพ่อ ลุงรอง,ลุงสามและลุงสี่… พวกเขา…พวกเขาล่วงลับไปแล้ว!”
บูมมมม!!
ประตูภายในส่วนลึกที่สุดของห้องลับพลันระเบิดเสียงดังสนั่น ลมกระโชกหอบใหญ่ซักผ่านออกมาจากในห้องรุนแรง