ตอนที่1337 เผยถึงต้นกำเนิด
“หุบเขาถงเทียนจำลอง?”
เย่หยวนพึมพำเอ่ยทวน
หลายอึดใจต่อมา เย่หยวนพรูไอเย็นสกัดต้านความเจ็บปวด ในไม่ช้าจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่เสียหายก็ค่อยๆถูกฟื้นฟูขึ้น
เขาได้รับศิลาจารึกบัลลังห์สวรรค์นี้มานานแล้วก็จริง แต่นี่กลับเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นร่างจริงของมัน
เมื่อเผชิญหน้ากับหุบเขาถงเทียนจำลอง เสมือนว่าเขาได้กลับไปอยู่ในดินแดนพฤกษานิรันดร์อีกครั้ง ช่างเป็นกลิ่นอายแห่งเต๋าที่คุ้นเคยกลายๆ
ไพศาลดุจมหาสมุทร ทั้งเข้าใจได้ยากและมิอาจจับต้องได้!
“หุบเขาถงเทียนจำลองคือร่างที่แท้จริงของศิลาจารึกบัลลังก์พิภพ กล่าวได้ว่าที่แห่งนี้เป็นคลังสะสมยอดเต๋าทั้งปวง! ดังนั้นมันจึงทรงพลังรุนแรงเกินพรรณนา แม้แต่ระดับชั้นจักรพรรดิเทพสวรรค์เองก็ไม่กล้าย่างกรายเข้าไปตรวจสอบเช่นกัน แต่เจ้าที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่กลับหาญกล้าลบลู่!”
หวูเฉินกล่าว
เย่หยวนใจสั่นตื่นกังวลวิตกยิ่งเมื่อได้ยินแบบนั้น ไม่คิดเลยว่าเศษหินที่นำลงมาจากหุบเขาถงเทียนจะกลายมาเป็นของวิเศษและมหัศจรรย์ได้ขนาดนี้!
“เช่นนั้น ไฉนถึงไม่กล่าวเตือนข้าตั้งแต่แรก?”
เย่หยวนพลันกรอกตาไปมาก่อนเอ่ยถามขึ้นเจือหงุดหงิดเล็กน้อย
“แล้วข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่า เจ้าจะบ้าได้เพียงนี้ ยังไม่ทันอ้าปาก เจ้าก็ขยับตัวไปแล้ว!”
หวูเฉินโต้เอ่ยเสียดสีตอบ
ได้ฟังดังนั้น เย่หยวยยิ้มเจื่อนปิดปากเงียบ
เขาเห็นว่าหุบเขาถงเทียนจำลองแห่งนี้ดูพิเศษโดดเด่น จึงส่งกระแสจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ออกไปโดยมิตั้งใจ ราวกับมีพลังธรรมชาติบางอย่างชักจูง แต่ใครจะทราบว่า มันอันตรายเพียงนี้
เห็นเย่หยวนสงบปากลง หวูเฉินกล่าวต่อว่า
“หุบเขาถงเทียนจำลอง มีไว้เพื่อแสดงให้เห็นถึงแนวคิดความเข้าใจต่างๆเท่านั้น จึงมิอาจใช้จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ มิได้เหมือนกับหุบเขาพฤกษานิรันดร์ที่เจ้าสามารถเข้าไปสื่อจิตเชื่อมต่อกับเต๋าได้ กล่าวได้ว่าเต๋าแห่งดินแดนพฤกษานิรันดร์เป็นเพียงหนึ่งในหมื่นของหุบเขาถงเทียนจำลองแห่งนี้ แต่น่าเสียดายนัก จอมเทพนิรันดร์ในปีนั้นมิอาจทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพรรดิเทพสวรรค์ได้ มิฉะนั้นเขาคงได้เห็นความลับที่ซุกซ่อนอยู่ในหุบเขาถงเทียนจำลองนี้ได้”
ขากรรไกรของเย่หยวนแทบตกกระแทกพื้น เขาร้องอุทานลั่นด้วยความตกใจขึ้นว่า
“ภูมิหลังของหุบเขาถงเทียนจำลองช่างยิ่งใหญ่นัก! กลับอยู่เหนือขอบเขตความเข้าใจของข้าไปโดยสิ้นเชิง! แค่หุบเขาถงเทียนจำลองยังขนาดนี้ หากข้าสามารถเข้าถึงหุบเขาถงเทียนของจริงได้ นั้นคงสามารถทำให้ข้าบรรลุขึ้นสู่อาณาจักรเต๋าบรรพกาลได้เลยกระมัง?”
หวูเฉินคลี่ยิ้มสีเย็นชา เอ่ยปากกล่าวตอบทันที
“เหอะ เจ้ากำลังฝันอยู่รึไง! คิดว่าเต๋าเข้าใจง่ายดายมากเลยกระมัง? ลบความคิดเหนือจินตนาการเหล่านั้นทิ้งเสีย! เผื่อเจ้าจะเห็นภาพความน่ากลัวของหุบเขาถงเทียนจำลองได้บ้างแค่จะหลอมสร้างวรยุทธบ่มเพาะพลังบทแรกขึ้นมา อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลากว่าห้าพันปี!”
การบ่มเพาะพลังในระดับชั้นอาณาจักรพระเจ้าขึ้นไป หน่วยวัดเริ่มที่หลักหมื่นปีขึ้นไปทั้งสิ้น
ห้าพันปีถือว่าหวูเฉินประเมินความสามารถของเย่หยวนไว้สูงลิบ
ระยะเวลาเพียงแค่นี้มิได้นานเลย
หวูเฉินทราบว่า ในตอนที่เย่หยวนยังอยู่ในดินแดนพฤกษานิรันดร์ เขาสามารถบรรลุเต๋าได้โดยใช้ศาสตร์แห่งโอสถ จนสามารถสื่อจิตถึงยอดเต๋าแห่งโอสถได้ในท้ายที่สุด
แต่บนเส้นทางแห่งการต่อสู้ หวูเฉินไม่เชื่อว่า เย่หยวนยังจะมีพรสวรรค์ด้านนี้ที่เหนือจินตนาการอยู่อีก
เย่หยวนยิ้มตอบ กล่าวขึ้นว่า
“เข้าใจแล้วท่านอาวุโส เช่นนี้ข้าจะเริ่มเดี๋ยวนี้มิให้เสียเวลา หากโลกภายนอกเกิดเรื่องอะไรขึ้น เร่งปลุกข้าโดยเร็ว”
หวูเฉินปวดเศียรพลันนวดขมับเต้นหยุบหยับ ยามนี้ขอให้ทราบ เย่หยวนตัดสินใจไปแล้วและมิอาจหยุดยั้งใดๆได้อีก เช่นนั้นจึงหายวับจากไป
เย่หยวนเงยมองไปยังหุบเขาถงเทียนจำลองเบื้องหน้า และกล่าวพึมพำขึ้นว่า
“หุบเขาถงเทียนจำลอง…ยังทรงพลังขนาดนี้ ข้าสงสัยเสียเหลือเกิน หุบเขาถงเทียนขนานแท้จะเป็นอย่างไร! แม้แต่ระดับชั้นจอมเทพเต๋าบรรพกาลยังต้องฟันฝ่าขึ้นไปยังหุบเขาถงเทียน เพื่อขัดเกลาเต๋าให้ลึกล้ำยิ่งขึ้น!”
การที่สามารถสร้างหุบเขาถงเทียนจำลองขึ้นได้แบบนี้ ศิลาจารึกบัลลังก์พิภพนับว่าเป็นยอดสมบัติที่ท้าทายสวรรค์โดยแท้!
หากมอบข้ามคุณสมบัติพิเศษอื่นๆอันไร้ขีดจำกัดของมัน แค่ใช้หุบเขาถงเทียนจำลองนี้เพื่อทำความเข้าใจต่อเต๋า มันก็มหัศจรรย์เกินพอแล้ว!
กล่าวได้ว่า ตราบใดที่เขายังคงครอบครองศิลาจารึกบัลลังก์พิภพนี้อยู่ ก็เท่ากับว่าเย่หยวนกำลังแบกคลังแสงที่เต็มไปด้วยเต๋าหลากหลายแขนงให้เรียนรู้อยู่ตลอดเวลา
เขาสามารถเรียนรู้เต๋าเหล่านี้เมื่อไหร่ก็ได้ตามใจอยาก
ของดีขนาดนี้หากให้ทราบ เกรงว่าคงได้อิจฉาตาร้อนสุดขีดไปเลยจริงหรือไม่?
บางทีหากเหล่าจอมเทพเต๋าบรรพกาลทรงทราบ พวกเขาเองอาจถึงขั้นออกโรงเช่นกัน!
จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมจักรพรรดิเทพสวรรค์จิวชางถึงส่งพวกข่านนั่วลงมาในดินแดนพฤกษานิรันดร์ บางทีอาจเป็นเพราะมีเป้าหมายเป็นสิ่งนี้อย่างแม่นยำ
เพียงแต่…จากคำสภาพที่ออกมาจากเยวี่ยจี้ในตอนนั้น กลับมิได้เอ่ยถึงเรื่องนี้เลย แต่กลับให้ความสนใจกับไข่มุกสยบวิญญาณแทน มีความเป็นไปได้สูงว่า จักรพรรดิเทพสวรรค์จิวชางยังแค่สงสัยเกี่ยวกับร่างจริงของศิลาจารึกบัลลังก์พิภพเท่านั้นว่าใช่หุบเขาถงเทียนจำลองหรือไม่
มิฉะนั้นเขาคงไม่สั่งการผู้ใต้บัญชาให้พวกลูกกระจ๊อกอย่างข่านนั่วไป
ขุมสมบัติสุดท้ายทายสวรรค์ขนาดนี้ เขาจะต้องเคลื่อนไหวเป็นการส่วนตัวแน่นอนหากรู้เรื่องจริงๆ!
ยิ่งเย่หยวนครุ่นคิดเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งตื่นตกใจอย่างลับๆ
บนตัวของเขาพกแต่ขุมสมบัติสุดท้าทายสวรรค์มากมายหลายชิ้นเหลือเกิน ในอนาคตต่อไป การจะหยิบใช้อะไรออกมากลับต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น หากไปสะดุดตาใครเข้า เกรงว่าผลที่ตามมาอาจน่าสยดสยองเกินจินตนาการเป็นแน่!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหุบเขาถงเทียนจำลองแห่งนี้ หากใครรู้เรื่องนี้เข้า เกรงว่ามันอาจจะไล่ล่าเขาสุดขอบฟ้าทั่วมหาพิภพถงเทียนเป็นแน่!
เย่หยวนละทิ้งความคิดฟุเงซ่านทั้งหมดและเริ่มจับจ้องพินิจหุบเขาถงเทียนจำลองที่อยู่ตรงหน้า
หุบเขาถงเทียนจำลองแห่งนี้เป็นสุดยอดขุมสมบัติ แต่จะรีดประสิทธิภาพออกมาได้มากน้อยเพียงใด นี่กลับขึ้นอยู่กับความสามารถและความเข้าใจของเหล่านักสู้ล้วนๆ
หากคนที่ได้ครอบครองหุบเขาถงเทียนจำลองหาใช่คนมากพราสวรรค์ หรือมีความสามารถอยู่จำกัด ต่อให้ได้ไปก็ไม่มีประโยชน์อันใดเช่นกัน
ถึงคนๆนั้นจะพอมีทุนรอนอยู่บ้าง แต่ประโยชน์หรือผลกำไรที่เก็บเกี่ยวได้กลับไม่คุ้มเช่นกัน
บางคนมีทั้งความสามารถและพรสวรรค์ ทว่าสุดท้ายนี้หาไร้ซึ่งทรัพยากรี่ดีพอมาเกื้อหนุน ก็จำต้องใช้เวลาค่อยๆสะสมความรู้ความเข้าใจไป
สรุปได้ว่า หากต้องการจะให้คนๆหนึ่งประสบความสำเร็จจนยืนอยู่บนจุดสูงสุดของมหาพิภพถงเทียนได้ต้องมีสามอย่าง ความสามารถ พรสวรรค์ และโชค!
นักสู้หลายต่อหลายคนพึงพาเพียงความสามารถแค่อย่างเดียว แต่กลับมิอาจทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าได้เลยตลอดชีวิตก็มี
ดังนั้นการที่มีหุบเขาถงเทียนจำลองอยู่ในมือแบบนี้ ย่อมช่วยตัดปัญหาหลายๆอย่างออกไปได้ ที่เห็นได้ชัดที่สุดคงเป็นเรื่องระยะเวลา
เขาจำเป็นจะต้องเข้าใจแนวคิดทั้งหมดใหม่อีกครั้ง เพื่อสร้างรากฐานความเข้าใจทั้งหมดมิให้มีข้อบกพร่องแม้แต่น้อย ถึงจะเริ่มบ่มเพาะพลังได้
และด้วยขอบเขตความเข้าใจของเย่หยวนในปัจจุบัน เขาก็ยังไม่สามารถหลอมสร้างชุดวรยุทธบ่มเพาะพลังของตนเองขึ้นมาได้ทันทีเช่นกัน
สิ่งแรกที่เขาทำได้ตอนนี้คือ การหลอมสร้างวรยุทธบ่มเพาะพลังในบทแรกขึ้นมาก่อน เพื่อทำให้แน่ใจว่า เขาสามารถพึงพาวรยุทธบ่มเพาะชุดนี้จนทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรปฐมพระเจ้าขั้นสุดได้จริงๆ
นอกจากนี้ เขาจำต้องหลอมสร้างวรยุทธบ่มเพาะพลังในบทที่สองให้ลึกซึ้งและทรงประสิทธิภาพยิ่งกว่าบทแรก ทั้งนี้ก็เพื่อวางรากฐานสำหรับเส้นทางการหลอมสร้างวรยุทธบ่มเพาะในบทถัดๆไป
กระบวนการที่กล่าวว่ามาทั้งหมด จักต้องห้ามผิดพลาดเลยแม้แต่จุดเดียว
คำอธิบายเดียวที่ใช้บรรยายคือ ยากเกินไป!
ยากราวกับขึ้นสวรรค์!
นั้นจึงเป็นสาเหตุที่หวูเฉินทั้งโกรธและผิดหวังในเวลาเดียวกัน
มีวรยุทธบ่มเพาะพลังระดับแนวหน้ามากมายถูกเก็บไว้อยู่ภายในนี้ นั้นคือความรู้ทั้งหมดของชั่วชีวิตที่เซียนคนนั้นๆเก็บกลั่นกรองมา จนตกผลึกกลายมาเป็นวรยุทธบ่มเพาะพลังสุดท้าทายสวรรค์
ผู้ที่สามารถหลอมสร้างวรยุทธบ่มเพาะพลังของตนขึ้นมาได้ พวกเขาไม่เพียงปัจจัยทั้งสามสิ่งที่ดีพร้อม แต่ในตอนที่พวกเขาหลอมสร้างขึ้นมา พวกเขาล้วนอยู่ในอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าขึ้นไปทั้งสิ้น
ดังนั้นสิ่งที่เย่หยวนกำลังลงมือทำในตอนนี้ มีความเป็นไปได้สูงว่าขาดทุนยิ่งกว่ากำไร
สรุปได้ว่า เพียงเย่หยวนล้มเลิกความคิดอันบ้าบิ่นเช่นนี้ และหันกลับมาหยิบใช้วรยุทธบ่มเพาะพลังของจอมเทพนิรันดร์ หวูเฉินการันตีได้เลยว่า ขอเพียงมีเวลามากพอ เย่หยวนจะสามารถขึ้นกลายไปเป็น จักรพรรดิเทพสวรรค์ฟ้าได้แน่นอนในไม่ช้าก็เร็ว!
หวูเฉินไม่คิดว่า วรยุทธบ่มเพาะพลังที่เย่หยวนหลอมสร้างขึ้นกับมือจะทรงพลังไปกว่าของจอมเทพนิรันดร์ได้เลย!
ไม่ว่าจะทรงพลังเพียงใด แต่มันจะไร้เทียมทานขนาดไหนเชียว?
เว้นเสียแต่ เย่หยวนจำต้องหันไปพึงพาเส้นทางนอกรีต!
สำหรับเย่หยวนแล้ว การที่เขาพกพาความหวังที่จะได้ขึ้นเป็นจอมเทพเต๋าบรรพกาลอยู่ตลอดเวลา อย่างน้อยก็ยังดีกว่ายืมมือคนอื่นมาช่วย เขาตระหนักได้ว่าไม่มีสิ่งใดจะดีเท่าสิ่งที่เราพยายามสร้างมาด้วยตัวเอง!
นี่คือโชคชะตาของเขา ดังนั้นจะให้ฝากฝังโชคชะตาของเขาไว้ในมือคนอื่นได้อย่างไร!
แน่นอน ความทะเยอทะยานของเย่หยวนยิ่งใหญ่มาก แต่เมื่อเขาพยายามมองเข้าไปในหุบเขาถงเทียนจำลองก็พลันตระหนักได้ทันที นี่เป็นเรื่องท้าทายสวรรค์จริงๆ!
ยอดเต๋าช่างไร้ขอบเขต!
เมื่อเย่หยวนพยายามพินิจจับจ้องไปยังหุบเขาตรงหน้า เขารู้สึกราวกับว่า ตนเองกำลังถูกตั้งอยู่บนทุ่งหญ้าไพศาลอันกว้างใหญ่ไร้สิ้นสุด จะเริ่มก้าวเดินจากทิศทางใดกลับไม่ทราบ
ต่อหน้ายอดเต๋า เขาเป็นเพียงเซียนอาณาจักรพระเจ้าตัวเล็กๆดั่งฝุ่นผง ยังไม่นับเป็นมดปลวกตัวหนึ่งด้วยซ้ำ!
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า เย่หยวนพยายามหลากหลายวิธี แต่สุดท้ายก็ไม่พบจุดเชื่อมต่อใดๆ
ก่อนจะหาเส้นทางของตัวเองให้เจอ จำต้องหาสักจุดหนึ่งที่เชื่อมต่อกับยอดเต๋าเพื่อต่อยอดต่อไป
คล้ายกับการม้วนเส้นไหม หากยังหาจุดเชื่อมต่อไม่พบ เย่หยวนก็ไม่มีวันเริ่มต้นก้าวเดินได้ตลอดกาล
วาจากลับง่ายเกินกว่าจะกล่าว แต่การกระทำกลับยากเกินกว่าที่คิด!
ใบไม้แห้งร่วงโรยโปรยลงมาไม่รู้กี่รอบ ฤดูผลัดเปลี่ยนจนนับครั้งไม่ถ้วน ในพริบตาเดียว เย่หยวนก็อยู่ในโลกแห่งศิลาจารึกบัลลังก์พิภพมาครบสิบปีเต็ม!
ภายในสิบปีที่ผ่านมา เย่หยวนพยายามเสาะหาหยิบใช้มากมายหลายหนทาง แต่ก็ยังไม่สามารถหุจุดเชื่อมต่อเลย
ผลลัพธ์เช่นนี้ช่างสร้างความท้อแท้ให้แก่เขาเหลือเกิน
“เหอะ พอจะรู้แล้วใช่ไหมว่า ตัวเองโง่แค่ไหน? สิ่งที่เจ้าเลือกเดินกลับไม่ได้ผล! ต่อให้เจ้าอยู่ในนี้ไปอีกพันปี แต่เกรงว่าทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม!”
เสียงเยาะเย้ยของหวูเฉินพลันแผดดังผ่านรูหูของเย่หยวน