ตอนที่1356 ความแกร่งกล้าของกุ้ยหยุน!
หวังซ่งยังค่อนข้างครั่นคร้ามในกลุ่มอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังหยางรุยในท้ายที่สุด นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่สังหารอีกฝ่ายทิ้งซะ
อย่างไรก็ตาม เขาเองก็มีตระกูลหวังคอยหนุนหลังอยู่ และด้วยพรสวรรค์อันโดดเด่นนี้เอง หยางรุยจึงมิได้อยู่ในสายตา หาได้ใส่ใจเกินความจำเป็น
ความหยิ่งยโสนี้ต่างทำให้ทุกคนเหลือบตามองบนกันถ้วนหน้า
หยางรุยดิ้นไถ่ตัวพยายามลุกขึ้นจากพื้น สายตาเจืออาฆาตจับจ้องไปที่หวังซ่งพร้อมกล่าวว่า
“หากแน่จริงก็ฆ่าข้า!”
หวังซ่งไม่คิดไม่ฝัน หยางรุยจะใจกล้าเด็ดขาดขนาดนี้ ทว่าความใจกล้าของหยางรุยกลับยิ่งโหมทวีจิตสังหารของหวังซ่งมากขึ้น
“เหอะ หาญกล้าดี! เจ้าท้าทายข้าเช่นนี้ ดังนั้น…จะสนองให้!”
หวังซ่งย่างสามขุมตรงเข้าใกล้หยางรุยมากขึ้นเรื่อยๆ
แรงคุกคามอันล้นปรี่กดดันทุกคนจนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้แม้แต่น้อย
ทว่าทันใดนั้น กลับมีร่างหนึ่งก้าวแช่มตรงเข้ามาขวางหน้าเขาไว้
หวังซ่งขมวดคิ้วเข้มและเอ่ยดูถูกพร้อมสีหน้าสุดหยามเหยียดขึ้นว่า
“อาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นกลาง? ตั๊กแตนตัวน้อยริอาจหยุดรถม้า? ก้มกราบข้าผู้นี้ซะ! เดี๋ยวนี้!!”
เมื่อคำว่า‘เดี๋ยวนี้’พรั่งพรูถูกปลดปล่อยออกไป ก็เสมือนดั่งระฆังใหญ่ถูกตีกระหึ่มอัดเข้าใส่เย่หยวนเต็มแรง
รอยยิ้มแสยะเย็นพลันฉีกกว้างบนมุมปากของเย่หยวน เขายืนรับคลื่นเสียงสุดน่าสะพรึงนี้อย่างไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย
ช่างน่าขันสิ้นดี เสียงแห่งจอมเทพมังกรของเขาทรงอนุภาพเสียยิ่งกว่าคลื่นเสียงโง่ๆนี้ไม่รู้กี่ร้อยพันเท่า
สำหรับผู้ใดที่คิดจะใช้คลื่นเสียงเพื่อปราบปรามเขา ล้วนเป็นความคิดที่โง่เง่าอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อเห็นว่าท่าทางการแสดงออกของเย่หยวนที่ยังสงบนิ่งเยือกเย็นไม่แปรเปลี่ยน ในที่สุดหวังซ่งก็เริ่มขยับขยายสายตาจับจ้องเด็กน้อยอาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นกลางตรงหน้าอย่างจริงจัง
“เจ้าเป็นใคร หากขวางข้าตายสถานเดียว!”
หวังซ่งกล่าวชัดเด็ดขาดในคำเดียว
เย่หยวนกล่าวตอบอย่างใจเย็นว่า
“เจ้ามาที่นี่เพื่อฆ่าข้ามิใช่รึ? นี่ก็ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าแล้ว หรือเจ้าจำหน้าไม่ได้?”
สีหน้าการแสดงออกของหวังซ่งเปลี่ยนไปทันที พร้อมพกพาความอาฆาตอยู่เต็มอก
“เจ้าคือเย่หยวน? มีความสามารถอยู่บ้างจริงๆ! แต่นี่ก็ยังอ่อนแอเกินไป!”
หวังซ่งกล่าวเสียงเย็นเอ่ยดังขึ้น
เย่หยวนยักไหล่และกล่าวว่า
“คู่ต่อสู้ของเจ้ามิใช่ข้า”
ในขณะที่พูดคุยกันอยู่นั้น พลันเกิดสายลมธาตุหยินสุดเย็นยะเยือกโหมสะพัดกระหน่ำเข้าใส่หวังซ่งอย่างแรง ร่างของกุ้ยหยุนปรากฏขึ้นข้างกายเย่หยวน
ม่านตาดำของหวังซ่งตีบแคบเท่ารูเข็ม แววไสวสาดสะท้อนเห็นถึงความประหลาดใจอยู่หลายส่วน
เฉินหย่งหนานเคยส่งสาสน์มาบอกเขาแล้วว่า เย่หยวนมีวิญญาณชั่วสองดาวชั้นกลางคอยปกป้องอยู่ ซึ่งความแกร่งกล้าของมันก็มิใช่ธรรมดาเลย
“วิญญาณชั่วสองดาวชั้นกลาง! เหอะ… คิดหรือว่าข้าผู้นี้จะไม่สามารถทำอะไรเจ้าได้? วันนี้คือวันตายของเจ้า!”
หวังซ่งเอ่ยเค้นน้ำเสียงสุดเย็นชา
เย่หยวนเหลือมองไปยังหยางรุยที่นอนกองกับพื้นไม่ไกล สีหน้าน้ำเสียงค่อยๆเย็นลงอย่างเห็นได้ชัดพร้อมกล่าวว่า
“พวกตระกูลหวังมันไร้เหตุผลกันทุกคนเช่นกระมัง! อย่างไรก็ตามแต่ ตั้งตนเป็นศัตรูกับพี่หยางเท่ากับสลักหนี้แค้นแก่เย่ผู้นี้เช่นกัน! สักวันหนึ่งเจ้าจักต้องชำระจ่ายในสิ่งที่เคยทำลงไป!”
หวังซ่งระเบิดเสียงหัสเราะชอบใจและกล่าวว่า
“ฮ่าฮ่าฮ่า…ข้าจะรอวันนั้นด้วยความเต็มใจ! แต่เจ้ายังคิดว่าตัวเองจะอยู่รอดถึงวันนั้น?”
ท่ามกลางเสียงหัวเราะเยาะของหวังซ่ง รัศมีกลิ่นอายพลันพรั่งพรูปะทุเดือดขึ้นทันที ขุมพลังแห่งอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นปลายถูกเร่งเร้ากระตุ้นตื่นขึ้น
“หมัดไท่จี๋กระบวนดารา! ตายซะ!”
หวังซ่งคำรามลั่นคำโต พร้อมซัดกำปั้นเข้าใส่กุ้ยหยุนก่อนโดยตรง
“นั้นคือหมัดไม่จี๋กระบวนดาราของจริงเสียงจริง! หนึ่งในหกสุดยอดวิชาลับแห่งสถานศึกษาหวูเมิ่ง! ช่างทรงพลังเกินพรรณนา!”
“หวังซ่งผู้นี้มิอาจนำไปเทียบกับน้องชายที่ไร้พรสวรรค์ของเขาได้เลย สามารถฝึกปรือหมัดไท่จี๋กระบวนดาราจนช่ำชองได้ถึงเพียงนี้ ล้วนต้องเป็นระดับหัวกะทิในสถานศึกษาหวูเมิ่ง!”
“อาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นปลาย กับวิญญาณชั่วสองดาวชั้นกลาง ต่อให้อีกฝ่ายมีวรยุทธชั้นสูงเพียงใด เกรงว่ามิอาจทดแทนความแตกต่างนี้ได้เลย!”
ขณะที่หวังซ่งสำแดงใช้หมัดไท่จี๋กระบวนดาราออกไป มันได้ปลุกกระตุ้นฝูงชนจนเอ่ยปากอุทานกันเป็นแถว
ในฐานะที่เป็นถึงสถานศึกษาหลักของเมืองหลวงหวูเมิ่งอย่างเป็นทางการ สถานศึกษาหวูเมิ่งย่อมเก็บรวบรวมทั้งวรยุทธบ่มเพาะพลังและวรยุทธต่อสู้ไว้มากมายโดยธรรมชาติ
อย่างไรก็ตาม ภายในนั้นก็ยังมีหกสุดยอดวิชาลับแห่งสถานศึกษาหวูเมิ่งอยู่ หนึ่งในนั้นก็คือหมัดไท่จี๋กระบวนดารา
ขึ้นชื่อว่าวิชาลับแต่ทุกคนต่างรู้กันชื่อเสียงของพวกมันกันโดนยทั่ว ซึ่งเหตุผลที่เหล่าอัจฉริยะพยายามไต่เต้าเพื่อขึ้นมาเป็นระดับหัวกะทิในสถานศึกษาหวูเมิ่ง ทั้งหมดก็เพื่อสุดยอดวิชาลับทั้งหกนี้
ทว่าในหมู่หัวกะทิด้วยกันเอง ยังมีแค่ส่วนน้อยนักที่จะฝึกปรือหกวิชาลับเหล่านี้ได้สำเร็จ
ดังนั้นแล้ว หวังซ่งที่สามารถสำเร็จหมัดไท่จี๋กระบวนดาราได้ นี่แสดงให้เห็นถึงสถานะศักดิ์ของเขาภายในสถานศึกษาหวูเมิ่งว่าสูงส่งเกินจินตนาการเพียงใด
กำปั้นเหล็กกล้าของหวังซ่งระดมควบแน่นแรงระเบิดเต็มสูบ หวังบดขยี้กุ้ยหยุนโดยตรงอย่างไม่ลังเล
พลานุภาพของกำปั้นนี้ช่างน่าสะพรึงยิ่ง!
เหล่านักสู้ภายในเมืองกุยฉางเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของหกวิชาลับแห่งสถานศึกษาหวูเมิ่งมาก่อนเช่นกัน ทั้งหมดที่ได้เห็นภาพฉากตรงหน้า ต่างอุทานจุ๊ปากตะลึงไม่หยุดหย่อน
ท่าทางการแสดงออกของหุ้ยหยุนดูมุ่งมั่นขึ้นทันตา เมื่อพลิกฝ่ามือขึ้นมาก็ปรากฏเป็นธงอัตลักษณ์วิญญาณอย่างแม่นยำ
นับตั้งแต่ที่เย่หยวนได้รับธงอัตลักษณ์วิญญาณมาจากหุบเขาเหวพระเจ้า เขาก็ไม่เคยใช้มันจริงๆจังๆเลยสักครั้ง
เครื่องรางศักดิ์สิทธิ์ทุกชนิดมีหาค่าประเมินไม่ แต่ธงอัตลักษณ์วิญญาณเองก็ไม่ค่อยเหมาะกับเขาเช่นกัน จึงทำให้ที่ผ่านมาเขาเลือกที่จะเก็บไว้คู่กายตลอด
จนกระทั่งเขาได้พบกับกุ้ยหยุน และตัดสินใจมอบธงอัตลักษณ์วิญญาณนี้ให้ในที่สุด
ด้วยความแกร่งกล้าของกุ้ยหยุนกับศาสตร์แขนงที่ฝึกปรือ หากผนวกรวมกับธงอัตลักษณ์วิญญาณจะเป็นอะไรที่แข็งแกร่งอย่างมาก
หลังจากที่เดินทางมาถึงมหาพิภพถงเทียน ธงอัตลักษณ์วิญญาณก็ฟื้นตัวกลับคืนสู่จุดสุดยอดแล้วเช่นกัน
ต่อหน้าเผชิญหน้ากับการโจมตีอันทรงอนุภาพเช่นนี้ กุ้ยหยุนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องนำธงอัตลักษณ์วิญญาณขึ้นมาต่อกร!
“อักขระร้อยภูตเต๋า…เก้าราตรีล่าสังหาร!”
ทันทีทันใดเสียงวิญญาณโหยหวนพลันกรีดร้องลั่นระงม ฟ้าดินวิปลาสเปลี่ยนสีตามแลดูสยองยิ่ง!
เสี้ยวอึดใจต่อมา รอบด้านหวังซ่งปรากฏเป็นร่างวิญญาณชั่วสุดอาฆาตแค้นมากมายรายล้อม พวกมันเหล่านี้ถือกำเนิดจากธงอัตลักษณ์วิญญาณ เข้ารับมือกับกำปั้นเหล็กกล้าของหว่งซ่ง
บูมมมม!
กำปั้นพกพาแรงระเบิดอันทรงอนุภาพ บดขยี้เหล่าวิญญาณอาฆาตแหลกกระจายเป็นผุยผง กระทั้งกุ้ยหยุนยังตะลึงงัน ร่นถอยออกไปหลายก้าว
กระบวนโจมตีถูกทำลาย แต่กุ้ยหยุนเองก็มิได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใดเช่นกัน!
สรุปได้ว่า หมัดไท่จี๋กระบวนดาราของหวังซ่งถูกหยุดโดยกุ้ยหยุนได้สำเร็จ!
สีหน้าการแสดงออกของหวังซ่งพลันแปรเปลี่ยนพร้อมอุทานขึ้นว่า
“เครื่องรางศักดิ์สิทธิ์เลิศล้ำ!”
ผลลัพธ์ชนิดนี้ทำเอาฝูงชนโดยรอบประหลาดใจอย่างหาที่เปรียบไม่
“ป้องกันได้จริงๆ! นี่เป็นไปไม่ได้?”
“วิญญาณชั่วสองดาวชั้นกลางกลับทรงพลังถึงเพียงนี้? หากพินิจจากกระบวนโจมตีเมื่อครู่ กลับเทียบเทียมกับเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นปลายได้เลย! ทีนี้กลับเป็นเรื่องยากแล้วที่จจะปราบปรามวิญญาณชั่วตนนี้!”
“ไม่น่าแปลกใจ! ไฉนเย่หยวนถึงดูไม่กลัวเกรงเลย! ปรากฏว่าเขายืนรอพวกตระกูลหวังมาท้าทายอยู่นานแล้ว!”
…………………………
เห็นวิญญาณสองชั่วสองพลังฝีมือเทียบเท่าเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นปลาย นี่กลับเป็นปัญหาเสียแล้ว
กระทั่งหวังซ่งสำแดงใช้หมัดไท่จี๋กระบวนดารา ที่เป็นถึงวิชาลับอันทรงพลานุภาพระดับชั้นนี้ออกมา
แต่กระนั่นก็ยังไม่สามารถล้มกุ้ยหยุนได้!
ภาพฉากนี้ตะลึงงันที่สุดแล้ว หมัดไท่จี๋กระบวนดาราไม่สามารถจัดการวิญญาณชั่วสองดาวชั้นกลางได้!
ทว่าผู้คนเหล่านี้จะไปทราบได้อย่างว่า อักขระร้อยภูตเต๋าที่กุ้ยหยุนครอบครองมันทรงพลังยิ่งใหญ่เพียงใด นี่เป็นถึงจุดสูงสุดแห่งวรยุทธบ่มเพาะแขนงภูต ซึ่งกอปรไปด้วยยอดเต๋าแห่งภูต
แม้กุ้ยหยุนเพิ่งจะเข้าใจอักขระร้อยภูตเต๋าไปได้แค่สองตัว แต่เมื่อหยิบยืมพลังจากเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์เลิศล้ำมาใช้ นั้นสามารถอุดช่องว่างความต่างของระดับพลังได้ จนสัประยุทธ์กับหวังซ่งได้อย่างสูสี
มิฉะนั้นเย่หยวนจะนั่งรอความตายอยู่เฉยๆได้อย่างไร?
สีหน้าของหวังซ่งแปรปรวนดูรวนเรอย่างหนัก เขาคาดไม่ถึงมาก่อนเลยว่า วิญญาณชั่วสองดาวของเย่หยวนจะแกร่งกล้าได้ถึงขนาดนี้จริงๆ!
ก่อนหน้า หวังซ่งลั่นสัตย์กล่าวหนักแน่น วันนี้จักต้องเป็นวันตายของเย่หยวน แต่ยามนี้เขาค้นพบแล้วว่า ตนคิดง่ายเกินไป
กุ้ยหยุนตนนี้กลับเป็นปัญหามากกว่าที่คิด!
“ข้าผู้นี้มิเชื่อว่า วิญญาณชั่วสองดาวชั้นกลางจะสามารถสกัดหมัดไท่จี๋กระบวนดาราได้ตลอดรอดฝั่ง! อยากจะเห็นเสียจริง จะปัดป้องได้กี่หมัด!”
หวังซ่งสีหน้ามิดทมิฬลง กำปั้นระดมพลังปราณเทวะเตรียมปลดปล่อยหมัดไท่จี๋กระบวนดาราใส่กุ้ยหยุนอีกระลอก
กุ้ยหยุนหน้าถอดสี สะบัดธงอัตลักษณ์วิญญาณเข้าประจัญบาน!
“หยุด!”
ทว่าเวลานี้เอง พลันปรากฏรัศมีกลิ่นอายที่แกร่งกล้าเสียยิ่งกว่าทั้งสองอยู่หลายขุม เพียงส่งคลื่นคุกคามเข้าประชิดชน ถึงขั้นผลักร่างของหวังซ่งและกุ้ยหยุนส่งบินกระเด็นออกไปไร้ทิศทาง
“มันเป็นใคร?! ใครกันที่ข้าเสียมารยาทต่อหน้าข้าผู้นี้!”
หวังซ่งพยุงตัวลุกขึ้นจากพื้นพร้อมคำรามลั่นด้วยความพิโรธ
ชายชราผู้นี้ก้าวแช่มผ่าฝูงชนตรงเข้ามายังใจกลางจุดเกิดเหตุ ยามนี้ยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้าหวังซ่งและกุ้ยหยุน
ฝูงชนโดยรอบรวมไปถึงพวกเย่หยวนต่างจับจ้องไปที่ชายชราผู้นั้นด้วยความประหลาดใจ สามารถผลักไสร่างของกุ้ยหยุนและหวังซ่งจนกระเด็นออกไปได้ด้วยแรงคุกคามเพียงหอบเดียว นี่จักต้องเป็นการดำรงอยู่ชนชั้นใดกัน?
ทว่าทันทีที่หวังซ่งเห็นหน้าชายชราผู้นี้ประจักษ์ชัด เขาถึงกับหน้าถอดสีหนักและกล่าวตะกุกตะกักขึ้นด้วยความกลัว
“ท-ท่าน…ท่านอาจารย์ ไฉนท่านถึงมาที่นี่?”