ทั้งตระกูลฉินและหวังซ่ง ต่างเฝ้ากันผลัดเวรสังเกตการณ์อยู่หน้าหอมหาสมบัติตลอดเวลา หวังให้เย่หยวนออกมาในเร็ววัน
แต่พวกเขาเฝ้าสังเกตการณ์มานานกว่าครึ่งปีแล้ว ทว่าเย่หยวนก็ไม่ยอมออกมาเสียที
หลังที่กลับจากโรงเตี๊ยมเฟิงหลาน เย่หยวนก็เข้าสู่การเก็บตัวในทันที
ก่อนการทดสอบ เย่หยวนจำเป็นต้องเพิ่มเติมเสริมความแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็ว
ยิ่งเขาทราบรายละเอียดการทดสอบมากเท่าไหร่ เย่หยวนก็รู้สึกว่าการสอบคัดเลือกในครั้งนี้กลับมิใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด เขาเองรู้สึกกดดันอย่างมากเช่นกัน
ภายในโลกแห่งศิลาจารึกบัลลังก์พิภพ เขากำลังศึกษาเพลงดาบเลื่องสวรรค์อยู่อย่างบ้าคลั่ง
นี่คือสุดยอดวรยุทธ์บ่มเพาะพลังของเซียนเต๋าสวรรค์ที่สลักบันทึกอยู่ในศิลาจารึกบัลลังก์พิภพ มันคือสิ่งที่ เย่หยวนในอดีตไม่สามารถทำความเข้าใจได้เลยแม้สักนิดเดียว
ทว่าตอนนี้ เย่หยวนที่สามารถหลอมสร้างบัญญัติเทพแห่งถงเทียนขึ้นมาได้ นี่แสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งถึง ขอบเขตความรู้ความเข้าใจอันไกลโพ้นไร้สิ้นสุดของเย่หยวนในปัจจุบัน ตัวเขาในตอนนี้เหนือกว่าตนเองในอดีตไม่รู้กี่ร้อยเท่าพันเท่า ดังนั้นแล้ว วรยุทธ์บ่มเพาะพลังอย่างเพลงดาบเลื่องสวรรค์จึงไม่เหมาะสมกับเย่หยวนอีกต่อไปแล้ว
เหตุที่เย่หยวนหยิบเพลงดาบเลื่องสวรรค์เข้ามาศึกษา ทั้งหมดก็เพื่อเก็บเกี่ยวผลประโยชน์บางส่วนและสร้างเต๋าแห่งดาบที่เป็นของเขาขึ้นมาเอง!
แม้ว่าวรยุทธ์ต่อสู้ของเผ่ามังกรจะทรงพลัง แต่เย่หยวนก็ยังรู้สึกว่า ฤทัยแห่งฟ่านจู้หลงของเขายังมีข้อจำกัดอยู่ในหลายจุด ในแง่ความเสถียรยั่งยืน เขาควรสร้างวรยุทธต่อสู้ที่เป็นของตัวเองไปเลยจะดีที่สุด
ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจยืนหยัดด้วยสองเท้าและเรียนรู้ศึกษาเต๋าในทันที!
ปัจจุบันขอบเขตความเข้าใจของเย่หยวนค่อนข้างกว้างใหญ่ไพศาลมากแล้ว แต่ในแง่ของศาสตร์แห่งดาบกลับหยุดนิ่งมานานมากแล้วเช่นกัน
วรยุทธ์ต่อสู้และเพลงดาบอันทรงพลังอย่างยิ่งในดินแดนพฤกษานิรันดร์ แต่กลับมิได้ทรงพลังอย่างที่คิดในมหาพิภพถงเทียนแห่งนี้
ท้ายที่สุดนี้ ความแตกต่างระหว่างดินแดนที่จอมเทพนิรันดร์สร้างขึ้นกับมหาพิภพถงเทียน นั้นมีมากจนเกินไป
ดินแดนพฤกษานิรันดร์ที่อยู่ในยุคเสื่อมโทรม เต๋าและแนวคิดความเข้าใจกลับมีข้อบกพร่องอยู่แล้วตั้งแต่แรก ส่งผลให้วรยุทธ์บ่มเพาะพลังและวรยุทธต่อสู้ไม่สมบูรณ์
“ท่านอาวุโส เพลงดาบเลื่องสวรรค์นี้กลับเต็มไปด้วยข้อบกพร่องมากมายเหลือเกิน!”
เย่หยวนคลี่ยิ้มขื่นเอ่ยปากขึ้น
“นั่นเป็นที่แน่นอน! แม้ว่าเพลงดาบนี้จะมีต้นกำเนิดมาจากศิลาจารึกบัลลังก์พิภพ แต่คนที่นำไปดัดแปลงต่อยอดอีกที กลับมีความเข้าใจน้อยนิดดุจเส้นขนวัวเพียงหนึ่งเส้น! หากเจ้าบ่มเพาะฝึกปรือด้วยเพลงดาบชุดนี้ ความสำเร็จของเจ้าจะค่อนข้างจำกัดมาก!” หวูเฉินกล่าว
“ความเข้าใจของข้าในปัจจุบันต่อศาสตร์แห่งดาบกลับตื้นเขินเกินไป ต่อให้มีหุบเขาถงเทียนจำลองช่วยอีกแล้ว แต่ข้าก็ไม่สามารถหลอมสร้างแห่งดาบที่เป็นของตัวเองได้เลย!” เย่หยวนกล่าวขึ้นอย่างไร้หนทาง
ในอดีต ศาสตร์แห่งดาบของเย่หยวนยังเป็นจุดสูงสุดแห่งดินแดนพฤกษานิรันดร์อย่างแท้จริง ขุมพลังพลานุภาพของเพลงดาบในแต่ละกระบวนท่าช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก
ทว่าตอนนี้ เย่หยวนกลับเป็นราวกับเด็กทารกที่เดินโซเซไปมา
หวูเฉินกล่าวตอบว่า
“ดังนั้นการที่เจ้าเข้ามาศึกษาต่อที่สถานศึกษาหวูเมิ่งจึงเป็นทางเลือกที่ถูกต้องแล้ว! สถานที่แห่งนั้นคือแหล่งรวมตัวของเหล่าอัจฉริยะ ทั้งนี้ยังมีวรยุทธ์การต่อสู้มากมายหลากแขนงที่เหล่าผู้อาวุโสรุ่นลายครามทิ้งไว้ให้ศึกษา”
เย่หยวนพยักหน้าและกล่าวว่า
“ข้าเองก็คิดเช่นนั้น หวังว่าวรยุทธ์ต่อสู้ของสถานศึกษาหวูเมิ่งจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”
ครึ่งปีที่ผ่านมา เย่หยวนฝึกปรือจนสำเร็จเพลงดาบเลื่องสวรรค์ในบทแรกได้อย่างสมบูรณ์แล้ว
ในศาสตร์แห่งการต่อสู้เอง เย่หยวนก็พัฒนาตนเองจนถึงสูงจุดสูงสุดแห่งอาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นกลางแล้วเช่นกัน ติดเพียงปัญหาคอชวดเล็กน้อย เขาก็จะสามารถเลื่อนระดับชั้นไปได้
ตั้งแต่อาณาจักรพระเจ้าขั้นไป ระบบการบ่มเพาะพลังบนเส้นทางแห่งการต่อสู้กลับแตกต่างจากเก้าอาณาจักรพลังชนชั้นสามัญโดยสิ้นเชิง สิ่งนี้เป็นอะไรที่ใหม่มากสำหรับตัวเย่หยวน หากใช่ปัญหาคอขวดอย่างในอดีตที่เคยพบเจอมา เขาจึงไร้ซึ่งประสบการณ์ไม่สามารถจับจุดอะไรได้เลย
ยังโชคดีที่บัญญัติเทพแห่งถงเทียนเป็นวรยุทธ์บ่มเพาะพลังอันท้าทายสวรรค์ยิ่ง ปัญหาคอขวดที่เย่หยวนเผชิญพบกลับทะลวงฝ่าได้ง่ายกว่าของคนอื่นมาก
ในตอนนี้ เขาเอื้อมเตะถึงประตูอาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นปลายแล้ว มีโอกาสเลื่อนระดับชั้นได้ทุกเมื่อ
….
ในที่สุด วันทดสอบก็มาถึง!
“พี่หยาง เย่คนนี้ต้องขอขอบพระคุณอย่างยิ่งที่ดูแลข้าเสมอมา!”
เย่หยวนผสานมือคำนับให้หยางรุย
หยางรุยหัวร่อเบาๆและกล่าวว่า…
“เจ้าเด็กคนนี้ไฉนปากไม่เป็นมงคล? พวกเรามิได้แยกจากกันไปไหน จากกันร้อยลี้สักวันย่อมพบกันอีก แต่ข้าเองก็ต้องขอบใจเจ้าเช่นกัน หากไม่มีเจ้าข้าคงมิได้เป็นว่าที่ผู้ดูแลใหญ่เช่นกัน!”
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“ท่านสมควรได้รับมันแล้วพี่หยาง! ส่วนเรื่องของหวางหรู ยังไงก็ฝากท่านดูแลนางด้วย”
การทดสอบกินเวลานานมาก แถมหากถ้าผ่านได้แล้วจะกลับออกมาพบเจออีกคราก็ไม่รู้ว่าเมื่อใด คงไม่เป็นที่สะดวกนักถ้าเย่หยวนนำเหลียงหวางหรูไปด้วย จึงทำได้เพียงฝากนางไว้กับหอมหาสมบัติเอาไว้ก่อน
หยางรุยยิ้มและกล่าวว่า
“เจ้าวางใจได้เลย! ก่อนจากกันข้าขอให้เจ้า…สอบไม่ผ่าน!”
เย่หยวนตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะก่อนหัวเราะคิดคักออกมาทันที
ชายคนนี้ยังคงเอ่ยปากโน้มน้าวเย่หยวนทุกครั้งที่มีโอกาส ไม่ว่าอย่างไรเขาก็อยากให้เย่หยวนเข้าร่วมกับหอมหาสมบัติ
หลังจากร่ำลากันเสร็จ เย่หยวนก็บีบจี้หยกในมือจนแตก ร่างของเขาอันตรธานหายไปทันที
จี้หยกนี้ได้รับมาจากสถานศึกษาหวูเมิ่ง เมื่อลงทะเบียนเข้าร่วมการทดสอบเสร็จสิ้น
ตราบใดที่จี้หยกแตก ผู้เข้าทดสอบรายนั้นจะถูกส่งไปยังสถานที่ทดสอบโดยทันที
การสอบเข้าในสถานศึกษาหวูเมิ่งในแต่ละครั้ง มักมีผู้สมัครจำนวนหลักแสนปลายถึงล้านคน ย่อมเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีสถานที่ใดสามารถรองรับผู้คนปริมาณขนาดนี้ได้
ดังนั้นสถานศึกษาหวูเมิ่งจึงต้องเปิดห้วงมิติขึ้นเป็นกรณีพิเศษ เพื่อใช้สำหรับการทดสอบโดยเฉพาะ
ส่วนเรื่องการลงเบียนเข้าร่วมการทดสอบของเย่หยวน ทางหอมหาสมบัติได้เดินเรื่องให้ทั้งหมดเสร็จสรรพ
ทัศนีภาพโดยรอบของเย่หยวนพร่ามัวหนัก ยามรู้สึกตัวอีกทีก็โผล่มาในห้วงมิติพิเศษแห่งนี้แล้ว
“นี่คือหมายเลขของเจ้า จงรับหมายเลขนี้ไปและหาที่นั่งดอกบัวของตัวเอง! หากยังไม่อนุญาตให้เริ่มสู้ ห้ามก่อความวุ่นวายใดๆเด็ดขาด! มิฉะนั้นโทษร้ายแรง ฆ่าไม่ปราณี!”
ชายหนุ่มคนนี้ยื่นป้ายไม้ให้ พร้อมเอ่ยปากเตือนเสียงดังฟังชัด
เมื่อพินิจจากชุดเสื้อผ้าอาภรณ์ ชายหนุ่มผู้นี้ควรจะเป็นศิษย์ของสถานศึกษาหวูเมิ่ง
ไม่ว่าใครก็สามารถบอกได้ทันที สายตาของชายหนุ่มผู้นี้ที่จับจ้องเย่หยวน ล้วนเปี่ยมไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม แต่ในความเป็นจริง ชายคนนี้มองทุกคนแบบนี้ไม่ต่างกันเลย
“ขอบพระคุณอย่างยิ่ง ศิษย์พี่อาวุโส!”
เย่หยวนรับป้ายไม้มาและกล่าวขอบคุณอีกฝ่าย
ชายหนุ่มผู้นั้นหัวเราะเล็กน้อยและกล่าวว่า
“หุหุ ยามที่เจ้าสอบผ่านแล้ว ค่อยเรียกข้าว่า ศิษย์พี่อาวุโส อีกครั้งก็ยังไม่สาย! ไปได้แล้ว!”
ในสายตาของเขา เย่หยวนก็เป็นเหมือนผู้สมัครคนอื่นๆ มือใหม่อาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นกลาง จัดอยู่ในชนชั้นทั่วไป ซึ่งน่าเสียดายที่โอกาสสอบผ่านช่างน้อยนิดนัก
ดังนั้นเขาจึงสนทนากับเย่หยวนอย่างไม่สุภาพเท่าไหร่
เย่หยวนเพียงยิ้มตอบและเดินไปหาที่นั่งดอกบัวที่ตรงตามหมายเลขของเขา
เบื้องหน้าของเขาที่ปรากฏอยู่ปัจจุบันเป็น ลานจัตุรัสขนาดมหึมาสุดลูกหูลูกตา กว้างขวางจนเรียกได้ว่ามองไม่เห็นจุดสิ้นสุด
และในลานจัตุรัสนี้ก็เต็มไปด้วยธารผู้คนมากมาย พินิจจากสายตามีไม่ต่ำกว่าล้านคน
บนป้ายไม้ของเย่หยวนเขียนว่า แนวนอน : 735 แนวตั้ง : 521
เย่หยวนไม่ลังเลพร้อมตรงเข้าเสาะหาที่นั่งดอกบัวหมายเลขดังกล่าวทันที
ที่นั่งดอกบัวมีความกว้างความยาวประมาณหนึ่งฉื่อ กอปรขึ้นด้วยค่ายกลลวงตาเสมือนจริงชนิดหนึ่ง
เย่หยวนนั่งลงบนนั้นและเริ่มขัดสมาธิทันที
“น้องชาย เจ้าถูกคนในตระกูลบังคับให้มาเป็นตัวแถมใช่ไหม?”
ยังไม่ทันได้ฝึกญาณทำสมาธิ จู่ๆก็มีชายหุ่นท้วมที่นั่งข้างๆเอ่ยปากเปิดหัวข้อสนทนากับเย่หยวนทันที
ยังไม่ถึงครึ่งชั่วยามดี เหล่าผู้สมัครหลั่งไหลเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ โดยส่วนใหญ่ทุกคนที่ได้ที่นั่งแล้ว ล้วนเริ่มจับกลุ่มพูดคุยกัน
ได้ยินเสียงของชายท้วมที่นั่งข้างๆเอ่ยถาม เย่หยวนพลันหันมองทันทีอย่างอดมิได้
เห็นได้ชัดว่าชายหุ่นท้วมคนนี้เป็นคนที่มีอัธยาศัยดีเข้ากับผู้คนได้ง่าย มองเย่หยวนปั่นหน้างงอย่าชั่วขณะ ชายหุ่นท้วมกล่าวต่ออย่างยิ้มแย้มว่า
“ข้านามว่าเซี่ยะจิ่งอวี๋จากเมืองเหอผิง เอ่อ…อย่ามองข้าด้วยสายตาเช่นนั้น ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไฉนท่านพ่อถึงตั้งชื่อข้าแบบนี้เช่นกัน หากให้ข้าเดา ตอนข้าอยู่ในครรภ์ ท่านพ่อคงคิดว่าได้บุตรสาวกระมัง แหะ…แหะ… จะว่าไปเจ้าชื่ออะไรรึ?”
เย่หยวนลอบขำเล็กน้อยเมื่อได้ยินชายหุ่นท้วมกล่าวแบบนั้น ก่อนกล่าวติบด้วยรอยยิ้มว่า
“ข้านามว่าเย่หยวน”
“ฟังดูดี! ดูดีจริงๆ! เป็นชื่อที่ดูดีมาก ไม่เหมือนกับของข้า! โอ้ใช่แล้ว เจ้าถูกบังคับมาเป็นตัวแถมใช่หรือไม่?”
เซี่ยะจิ่งอวี๋กล่าว
“ตัวแถม?” เย่หยวนเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ถูกต้อง! ข้ามิได้ดูถูกเจ้า แต่ด้วยความแกร่งกล้าของเจ้าไม่เกินสองสามวันแรกก็ตกรอบแล้ว หากมิใช่มาเป็นตัวแถมจะมาเพื่ออันใด?” เซี่ยะจิ่งอวี๋กล่าว
เย่หยวนเพียงยิ้มตอบแต่มิได้เอย่อธิบายใดๆ เซี่ยะจิ่งอวี๋พลางกล่าวกับตัวเองว่า
“เฮ้ออ…แม้ข้าจะแข็งแกร่งกว่าเจ้าเล็กน้อย แต่เมื่อถึงวันที่ห้าหรือหก ข้าคงตกรอบตามเจ้าไปแน่นอน ข้าขอบอกเลย ใจจริงข้าไม่อยากจะมาเลยสักนิด แต่ตาแก่นั้นดันขู่ข้าว่า หากไม่ยอมมา เขาจะหาหญิงสาวที่หน้าตาน่าเกลียดที่สุดในเมืองเหอผิงมาให้ข้า! สวรรค์ ไม่ฆ่าข้าเลยเสียดีกว่ารึ?”
เย่หยวนตระหนักทีว่า ชายหุ่นท้วมคนนี้คือตัวฮาประจำกลุ่มแน่นอน เข้ากับคนอื่นง่ายนับเป็นมิตรที่ดีคนหนึ่ง
“วันที่ห้าหรือหก? ท่านเป็นถึงเซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นปลาย ไฉนถึงประเมินตัวเองว่าอยู่ได้ไม่กี่วัน รู้สึกว่ารอบแรกคือ พลังสวรรค์ กระมัง?” เย่หยวนเอ่ยถามอย่างฉงนใจ
…………………………………