ข้อมือเย่หยวนบิดพลิ้ว สะบัดดาบโบกสะบั้นลงอย่างแผ่วเบา
วูบบบ!
ปราศจากร่องรอยความผันผวนหรือพลังปราณเทวะใดๆ มีเพียงเสียงคมดาบแสนแผ่วเบาและสายลมอันโอยอ่อนทันทีทันใดร่างของหลานจื่อหยูพลันแข็งค้างไปดื้อๆ รัศมีคุกคามหอบใหญ่ที่ทวีสั่งสมอย่างบ้าคลั่งยามนี้กลับหยุดชะงักลงทันใด
เย่หยวนค่อยๆ เก็บดาบลงอย่างแช่มช้าชดช้อย ทว่าจังหวะหายใจของเขากลับหอบตระหนี่ถี่เร็วจนผิดแปลกสำหรับค่าใช้จ่ายในการปลดปล่อยกระบวนดาบนี้กลับค่อนข้างมหาศาลนัก
“อะไร…เกิดอะไรขึ้นกันแน่? การต่อสู้…จบลงทั้งแบบนี้?”
“นั้นสิ นี่มันเรื่องอะไรกัน? ข้าเห็นเพียงท่านเย่หยวนฟันดาบออกมาเพียงครั้งเดียว และทุกอย่างก็จบลง?”
“การเคลื่อนไหวนี้มันอะไรกัน? ข้ายังไม่ทันได้รู้สึกอันใด?”
…
“พร๊วด…”
เฉกเช่นเดียวกับทุกคนที่เผยสีหน้าสุดงุนงงฉงนใจ ยังไม่ทันที่หลานจื่อหยูจะได้กล่าวอันใด ร่างของเขาก็ระเบิดกลายเป็นหมอกไอโลหิตโดยตรง ปราณโลหิตล่าสังหารอะไรนั่นยังไม่ทันได้ใช้ก็ตายไปเสียแล้ว
ความตื่นตระหนกก่อตัวขึ้นกลางใจของฮั่วเทียนหยาง ยังไม่ทันที่หลานจื่อหยูจะได้สำแดงใช้ปราณโลหิตล่าสังหาร เขาก็ถูกเย่หยวนฆ่าทิ้งไปดื้อๆด้วยกระบวนดาบอะไรก็ไม่รู้! ความแท้หรือปลอมเปลือกที่เร้นแฝงอยู่ในคมดาบเล่มนี้ ต่อให้เป็นเซียนอาณาจักรรปัจฉิมพระเจ้าขั้นสุดก็ไม่มีทางมาออกได้แม้สักนิf คนนอกที่มองเข้ามาอาจเห็นเพียงว่า มันเป็นกระบวนดาบแสนเรียบง่ายและธรรมดาเกินไป แต่ยังไม่ทันตั้งสติฟื้นตัวกลับพบว่า…หลานจื่อหยูตัวระเบิดตายไปแล้ว
“ถอยทัพ!”
ฮั่วเทียนหยางตัดสินใจได้ในทันควัน เขารีดเร้นระเบิดพลังทั้งหมดออกมาเพื่อผลักไสให้กุ้ยหยุนจำต้องล่าถอยออกไปน้อยเล็ก เปิดจังหวะได้โอกาสนี้ ฮั่นเทียนหยางโคจรพลังปราณเทวะสุดฤทธิ์ทะยานหนีหายไปทันทีด้วยความเร็วดุจสายฟ้า
เห็นท่านประมุขวังหนีเตลิดไม่เป็นท่าแบบนี้ พวกวังเทวะพิรุณร่วงโรยยังกล้ารั้นรอยืนเฉยได้อย่างไร? ทั้งหมดแห่กระจายหนีตายกันไปคนละทิศละทาง แต่ความแกร่งกล้าของแต่ละคนมากน้อยไม่เหมือนกัน หากต้องการจะวิ่งหนีออกไปหาใช่เรื่องง่ายขนาดนั้นได้อย่างไร?
ดังนั้นจึงเกิดภาพฉากชุลมุนยุ่งเหยิงอีกระลอกใหญ่ แต่ครั้งนี้กลับเป็นฝ่ายวังเทวะรัตติกาลฉายที่กำลังไล่ล่าเหยื่ออันโอชา พวกเขามีกำลังใจฮึกเหิมหาญกล้าเป็นหลายทวีเท่า เหล่าเซียนของฝ่ายวังเทวะรัตติกาลฉายวิ่งไล่กวดพวกวังเทวะพิรุณร่วงโรยอย่างบ้าคลั่งหวังกวาดล้างทุกชีวิต ในไม่ช้าพวกเขาก็ล่าสังหารไปไกลกว่าหนึ่งแสนลี้ตลอดทางยาว
เหล่าเซียนทางฝ่ายวังเทวะพิรุณร่วงโรยเริ่มพลาดท่าล้มตายกันมากขึ้นทีละคนสองคน ถึงขั้นที่ว่ามีผู้อาวุโสอาณาจักรรปัจฉิมพระเจ้าคนหนึ่งถูกไป๋ซิ่วที่ไล่ล่าอย่างไม่หยุดหย่อน ตบฝ่ามือสุดน่าสะพรึงตายคาที่!
ยิ่งเห็นแบบนี้ ทางฝ่ายวังเทวะรัตติกาลฉายยิ่งรู้สึกฮึกเหิมปลุกเร้าเข้าไปใหญ่ จิตวิญญาณแห่งนักสู้ลุกโชก ตามเช็ดตามล้างถึงที่เก็บทุกรายละเอียดไม่เหลือ
ระหว่างทางเย่หยวนติดสอยอยู่รั้งท้ายกลุ่มคนเหล่านี้อย่างไม่เร่งไม่รีบ
พวกเขาไล่ล่าล้างบางอีกฝ่ายตลอดทางยาวจนมาถึงเขตชายแดนของฝั่งวังเทวะพิรุณร่วงโรย กล่าวได้ว่าตอบโต้สวนกลับจนถึงหน้าบ้านอีกฝ่ายเลยทีเดียว! เห็นเป็นเช่นนี้ เย่หยวนจึงเปิดปากตะโกนขึ้นลั่นเสียงดังฟังชัดว่า
“เอาล่ะ! พอเท่านี้!”
ในชั่วพริบตา ขุมกำลังเหล่าเซียนของฝ่ายวังเทวะรัตติกาลฉายจำต้องหยุดมือลง ปนรู้สึกเสียดายเล็กน้อยคล้ายว่ายังไม่ค่อยเต็มอิ่ม
“ท่านอาจารย์เย่ ไฉนถึงไม่ไล่ต่อล่ะ? เราสามารถตอบโต้อีกฝ่ายได้และตามไล่ล่าฆ่าล้างอย่างหนัก อีกเพียงก้าวเดียวอาจถึงขั้นพินาศวังเทวะพิรุณร่วงโรยได้เลย ทั้งนี้ก็เพื่อล้างแค้นแทนเสด็จพ่อ?” ไป๋เฉินกล่าวขึ้นเจือสีหน้าสุดฉงนใจ เย่หยวนยิ้มแต่ไม่ได้กล่าวอะไรตอบ
โม่หยุนกล่าวขึ้นว่า “ท่านประมุขวัง ความหมายของท่านเย่หยวนคือ อย่าต้อนศัตรูจนสิ้นหวัง! ฮั่วเทียนหยางเป็นเซียนอาณาจักรรปัจฉิมพระเจ้าขั้นสุด หากเราไล่ต้อนอีกฝ่ายจนมุมไร้ทางออกจริงๆ เกรงว่าผลที่ตามมาอาจน่ากลัวเกินจินตนาการได้”
สีหน้าการแสดงออกของไป๋เฉินเปลี่ยนไปทันที ก่อนพบว่ายามนี้กุ้ยหยุนหายตัวไปแล้ว เป็นไปได้สูงว่า สำหรับภูตเซียนตนนั้นเองก็จำต้องแลกด้วยค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมหาศาลเช่นกันต่อศึกใหญ่ในครานี้
“เข้าใจแล้ว!” ไป๋เฉินพยักหน้าและกล่าวตอบน้ำเสียงจริงจัง
ศึกนี้ในครานี้พวกเขาทุกคนต่างตกอยู่ภายใต้สถานการณ์มืดแปดด้านสุดสิ้นหวัง ทว่าในตอนท้ายกลับจบลงด้วยชัยชนะอย่างสวยงามเหนือความคาดหมายได้ขนาดนี้
ทุกคนต่างโหร้องรำเต้นครื้นเครงไปมาอย่างมีความสุขราวกับคนบ้า!
“ท่านเย่หยวนจงเจริญ!”
“ท่านเย่หยวนจงเจริญ!”
“ท่านเย่หยวนจงเจริญ!”
…
พวกเขาทุกคนทราบดีว่า ชัยชนะในครั้งนี้เกิดจากเย่หยวนที่เข้ามาพลิกสถานการณ์ทั้งหมดจากร้ายกลายเป็นดีด้วยตัวเพียงลำพัง! หากไม่มีเย่หยวน เกรงว่าวันนี้คงเป็นจุดจบของวังเทวะรัตติกาลฉายไปแล้ว
“ท่านเย่หยวน เปรียบเสมือนเทพจากสรวงสวรรค์อย่างแท้จริง! ท่านปรากฏตัวขึ้นเพื่อช่วยเหลือพวกเรา! สามารถสังหารเซียนอาณาจักรรปัจฉิมพระเจ้าได้ด้วยขุมพลังอาณาจักรรปฐมพระเจ้า!”
“นี่จะกลายเป็นตำนานที่เขย่าฟ้าดินไปอีกนานแสนนาน! ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาเกินขอบเขตความเข้าใจของพวกเราไปโดยสิ้นเชิง!”
“เจ้าเห็นกระบวนดาบสุดท้ายนั้นไหม? ช่างเป็นเพลงดาบอันไร้เทียมทาน! กระทั่งข้าที่เป็นเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าก็ยังมองไม่ออกด้วยซ้ำ!”
ทุกคนต่างจับกลุ่มพูดคุยสนทนากันจ้าละหวั่น จนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่อยากเชื่อสายตาต่อภาพฉากการสัประยุทธ์อันน่าอัศจรรย์นั้นของเย่หยวน!
สยบดาราฉบับสมบูรณ์เป็นกระบวนดาบที่เย่หยวนนำศาสตร์แห่งดาบทั้งหมดที่เขาใจมากลั่นรวมกันจนตกผลึกในที่สุด มิใช่ว่ากระบวนท่านี้ปราศจากร่องรอยพลังปราณเทวะอื่นใด แต่เย่หยวนบีบอัดพลังปราณเทวะทั้งหมดให้เป็นจุดเล็กๆ จุดหนึ่งเท่านั้น จุดพลังสุดข้นคลักอัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างอันไร้ขีดจำกัด หาได้กระจัดกระจายแต่หลอมรวมเป็นหนึ่ง!
ท่วงท่าของกระบวนดาบนี้ค่อนข้างเรียบง่ายธรรมดา ทว่าในความเป็นจริง ทุกอิริยาบถกลับกอปรไปด้วยศาสตร์แห่งดาบอันไร้ขอบเขต แน่นอนว่าสิ่งนี้ได้สร้างภาระทางร่างกายให้แก่เย่หยวนหนักหนาสาหัสมิน้อยเช่นกัน
ด้วยพลังปราณเทวะที่เขามีอยุ่ในปัจจุบัน กระบวนท่านี้สามารถปลดปล่อยออกไปได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น หากสยบดาราฉบับสมบูรณ์นี้ไม่สามารถเผด็จศึกให้ราบคราบได้ กลับเป็นเย่หยวนที่อาจราบคราบแทน! ศึกสัประยุทธ์ครั้งยิ่งใหญ่ได้ยุติลงเป็นที่เรียบร้อย วังเทวะรัตติกาลฉายยามนี้ต่างอยู่ในความรื่นเริงสำราญใจ
จากผลงานในศึกครั้งนี้ ไป๋เฉินได้สร้างบารมีมากมายในหมู่ผู้อาวุโสได้เคารพเลื่อมใส แม้ความแข็งแกร่งของเขายังค่อนข้างอ่อนชั้น ยังมีอีกหลายแง่มุมที่ยังขาดตกด้านประสบการณ์ ทว่าความกล้าหาญและแน่วแน่ของเขา ทุกคนต่างยอมรับไป๋เฉินในฐานะประมุขวังคนใหม่เป็นที่เรียบร้อย ยิ่งไปกว่านั้นเบื้องหลังของไป๋เฉิน ยังมีผู้อาวุโสสูงสุดอันไร้เทียมทานอย่างเย่หยวนคอยสนับสนุนช่วยเหลืออีกแรง
ในที่สุดไป๋เฉินก็ลงหลักปักฐานได้อย่างมั่นคงในวังเทวะรัตติกาลฉายแห่งนี้ หลังกลับจากศึกใหญ่ ไป๋เฉินฝึกปรือเพลงทวนอย่างหนักทุกวันข้ามวันข้ามคืน ศึกสมรภูมิในครั้งนี้แสดงให้ไป๋เฉินได้เห็นอะไรหลายๆ อย่าง เขาตระหนักดีว่า ด้วยความแข็งแกร่งเพียงเท่านี้ไม่มีทางรักษาอำนาจและความมั่นคงได้ยืนยาว ในทางตรงกันข้าม ตำแหน่งหรืออิทธิพลที่เขาได้รับกลับเป็นเพียงภาพลวงตาที่สามารถสูญสลายหายไปได้ทุกเมื่อ
ไม่แม้แต่จะสามารถสัมผัสได้!
เขาไม่รู้เลยว่า เย่หยวนจะอยู่ที่นี่อีกนานเพียงใด สิ่งเดียวไป๋เฉินทำได้คือการยกระดับให้ตนเองแข็งแกร่งโดยเร็วที่สุด
ฟุบ…
ฟุบ…
ฟุบ…
เสียงทวนยาวเสียดแทงอากาศดังขึ้นต่อเนื่อง ไป๋เฉินกำลังแทงทวนยาวซ้ำๆไปมาขัดเกลาฝีมือให้เฉียบคมและดุดัน เพลงทวนที่เขาใช้คล้ายว่าไม่ต่างอะไรจากวรยุทธต่อสู้ระดับสามัญทั่วไปนัก ทว่าในความเป็นจริงทุกท่วงท่าล้วนกอปรไปด้วยศาสตร์แห่งสวรรค์อันแกร่งกร้าว ในไม่ช้า ธารเหงื่อชุ่มพลางไหลบ่าทั่วหน้าผากและแผ่นหลังจนเปียกแฉะ
ฟุบ…กึก!
เสียดแทงทวนยาวออกไปอีกครา ทว่าทันใดนั้นมันก็ถูกหยุดลงฉับพลันคล้ายปลายทวนพุ่งชนเข้ากับศิลายักษ์ เงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นต่อหน้า
ไป๋เฉินตกใจอย่างมากจึงพยายามที่จะชักทวนยาวกลับมา ทว่าทวนในมือเขากลับนิ่งไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เลย ไป๋เฉินไม่เหลือเรี่ยวแรงจนถึงขนาดชักทวนกลับมิได้เชียว? แต่เมื่อช้อนสายตาขึ้นมองร่างตรงหน้า ไป๋เฉินพลันเบิกตาโตเท่าไข่ห่านด้วยความตะลึง
“ทะ-ท่านอาจารย์เย่!” ไป๋เฉินร้องอุทาน
ปรากฏว่าเย่หยวนเพียงใช้สองนิ้วหยุดทวนไว้ได้อย่างง่ายดาย
“ช่างเป็นทวนที่อ่อนแอและไร้พละกำลัง เช่นนี้จะสามารถฆ่าศัตรูได้อย่างไร?” เย่หยวนส่ายหัวเล็กน้อยพลางเอ่ยปากขึ้น
ไป๋เฉินอดสำลักมิได้ทันทีที่ได้ยินแบบนั้น และกล่าวขึ้นพินิจท่าทางไม่ค่อยยอมรับว่า
“ข้า…ข้า…เนื่องจากเมื่อครู่ฝึกเพลงทวนประจำวัน จึงมิได้กรอกเทพลังเข้าไปเต็มที่หนักดั่งตอนสัประยุทธ์จริง ท่านถึงหยุดทวนนี้ได้อย่างง่ายดาย”
เขาเพิ่งสำเร็จเพลงทวนนี้จนเชี่ยวชาญ แต่เย่หยวนกลับเทน้ำเย็นราดลงบนหัวแบบนี้ แล้วไป๋เฉินจะไม่รู้สึกหดหู่ใจได้อย่างไร? เขาตระหนักชัดแจ้ง ขุมพลังที่แท้จริงของเย่หยวนน่าสะพรึงกลัวเพียงใด แต่ไป๋เฉินก็ยังค่อนข้างมั่นใจในเพลงทวนของตนเองนัก ถึงวาจาน้ำเสียงจะนุ่มนวลและอ่อนน้อม แต่นั่นกลับแฝงไปด้วยความหัวรั้นปฏิเสธที่จะยอมแพ้
เย่หยวนยิ้มกล่าวว่า “เช่นนั้นรึ? เอาล่ะ จงสำแดงใช้กระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้าออกมา ข้าจะยืนอยู่ตรงนี้” แววเจ้าเล่ห์แสนกลพลันสาดสะท้อนออกมาจากนัยน์ตาไป๋เฉิน เขากล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า
“ท่านอาจารย์กล่าวแล้วอย่าคืนคำ!”
เย่หยวนยิ้มตอบ “แน่นอน!”
ไป๋เฉินชักทวนกลับมาพร้อมยืนตั้งท่าเร่งพลังปราณเทวะโคจรเร็วจี๋ถึงขีดสุด บริเวณปลายทวนพลังปราณเทวะระดมสั่งสมจนผนึกขึ้นเป็นเกราะทวนคุมเคลือบเสริมแกร่งให้อีกชั้นหนึ่ง
“ระวังตัวด้วยท่านอาจารย์!”
เขาตระหนักชัดว่าเย่หยวนทรงพลังไร้เทียมทานเพียงใด แม้เขาจะเอาจริงรีดเร้นพลังปราณทั้งหมดออกมาใช้ แต่นั่นก็ไม่สามารถทำอันตรายอันใดให้เย่หยวนได้เลยแม้สักนิด สิ่งเดียวที่เขาต้องการจะเห็นคือตนสามารถบังคับให้เย่หยวนตั้งท่าป้องกันได้!
ไป๋เฉินอยากจะพิสูจน์ให้เป็นประจักษ์ เพลงทวนของเขาหาได้อ่อนแอและไร้ซึ่งพละพลัง หลังจากระดมพลังอยู่นาน ในที่สุดขุมพลังทำลายล้างของทวนไป๋เฉินก็บรรลุถึงจุดสุดยอด!
“ย๊ากกก!”
ไป๋เฉินวาดทวนทะลวงพุ่งเสียบออกไปเต็มสูบ คลื่นพลังอันทรงอนุภาพนี้รุนแรงจนทำให้เสื้อผ้าอาภรณ์ของเย่หยวนกระพือโบกสะบัดไม่หยุด ช่างเป็นเพลงทวนที่รวดเร็วดุจสายฟ้า เสี้ยวพริบตามันปราดลุถึงตรงหน้าเย่หยวนแล้ว แต่ทันใดนั้นเองสีหน้าการแสดงออกของไป๋เฉินพลันเปลี่ยนไปทันที ดวงตาโพล่งโตเบิกกว้างเผยให้เห็นรูปลักษณ์อันแสนไม่อยากเชื่อ
เย่หยวนยังคงหยุดปลายทวนของเขาได้ด้วยสองนิ้วดังเดิม ไม่ว่าเขาจะออกแรงมากแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถแทงทะลุผ่านปราการสองนิ้วของเย่หยวนได้เลย!
…………………………………